EU legislation to promote the uptak

EU legislation to promote the uptake of biodiesel will not make any difference to global warming, and could potentially result in greater emissions of greenhouse gases than from conventional petroleum derived diesel. This is the conclusion of a new study reported today in Chemistry & Industry, the magazine of the SCI.

Analysts at SRI Consulting compared the emissions of greenhouse gases by the two fuels across their overall life cycles from production to combustion in cars.

The results show that biodiesel derived from rapeseed grown on dedicated farmland emits nearly the same amount of greenhouse gas emissions (defined as CO2 equivalents) per km driven as does conventional diesel.

However, if the land used to grow rapeseed was instead used to grow trees, petroleum diesel would emit only a third of the CO2 equivalent emissions as biodiesel.

Petroleum diesel emits 85% of its greenhouse gases at the final stage, when burnt in the engine. By contrast, two-thirds of the emissions produced by rapeseed derived biodiesel (RME) occur during farming of the crop, when cropland emits nitrous oxide (N2O), otherwise known as laughing gas, that is 200-300x as potent a greenhouse gas as CO2.

The results of this analysis should have big implications for policymakers. The 2003 EU Biofuels Directive aims to increase the levels of biofuels to 5.75% of all transport fuels by 2010, up from roughly 2% currently. This will be further increased to a 10% share in 2010, the Commission announced in January this year.

Transportation currently accounts for more than a fifth of all greenhouse gas emissions emitted in the EU. Rapeseed-derived biodiesel is the major renewables-derived biofuel used across Europe and, as well as helping to improve energy security, is expected to play an important role in helping to meet the EU's Kyoto commitment to reduce levels of greenhouse gas emissions by 8% by 2012 relative to 1990 levels, and by 20% by 2020.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

กฎหมายของสหภาพยุโรปในการส่งเสริมการดูดซึมของไบโอดีเซลจะไม่สร้างความแตกต่างในการลดภาวะโลกร้อนใด ๆ และอาจจะทำให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากขึ้นของก๊าซเรือนกระจกกว่าจากปิโตรเลียมมาดีเซลธรรมดา นี่คือข้อสรุปของการศึกษาใหม่รายงานในวันนี้เคมีและอุตสาหกรรมนิตยสารของ SCI นักวิเคราะห์ที่ศรีให้คำปรึกษาเมื่อเทียบปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยทั้งสองเชื้อเพลิงในวงจรชีวิตโดยรวมของพวกเขาจากการผลิตเพื่อการเผาไหม้ในรถยนต์ผลที่ได้แสดง ไบโอดีเซลที่ได้มาจากเรพซีดที่ปลูกในพื้นที่เพาะปลูกโดยเฉพาะที่ปล่อยออกมาเกือบจำนวนเดียวกันของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (หมายถึงเทียบเท่า CO2) ต่อกิโลเมตรขับเคลื่อนเช่นเดียวกับดีเซลธรรมดาแต่ถ้าที่ดินที่ใช้ในการปลูกเรพซีดถูกนำมาใช้แทนการปลูกต้นไม้, น้ำมันดีเซล จะปล่อยออกมาเพียงหนึ่งในสามของการปล่อยก๊าซ CO2 เทียบเท่าเป็นไบโอดีเซลน้ำมันดีเซลปล่อย 85% ของก๊าซเรือนกระจกที่ขั้นตอนสุดท้ายเมื่อถูกเผาไหม้ในเครื่องยนต์ ตรงกันข้ามสองในสามของการปล่อยก๊าซที่ผลิตโดยเรพซีดมาผลิตไบโอดีเซล (RME) เกิดขึ้นในช่วงการเพาะปลูกของพืชเมื่อ cropland ปล่อยก๊าซไนตรัสออกไซด์ (N2O) หรือที่เรียกว่าก๊าซหัวเราะที่ 200-300X มีศักยภาพเป็นก๊าซเรือนกระจกที่เป็น CO2 ผลของการวิเคราะห์นี้ควรจะมีความหมายที่ยิ่งใหญ่สำหรับผู้กำหนดนโยบาย 2003 สหภาพยุโรป Directive เชื้อเพลิงชีวภาพมีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มระดับของเชื้อเพลิงชีวภาพ 5.75% ของเชื้อเพลิงการขนส่งทั้งหมดในปี 2010 เพิ่มขึ้นจากประมาณ 2% ในปัจจุบัน นี้จะเพิ่มขึ้นต่อไปหุ้น 10% ในปี 2010 คณะกรรมการประกาศในเดือนมกราคมปีนี้การขนส่งขณะนี้บัญชีที่ห้าของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาในสหภาพยุโรปมากกว่า ไบโอดีเซล rapeseed มาเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพพลังงานหมุนเวียนที่ได้จากหลักที่ใช้ทั่วยุโรปและเช่นเดียวกับที่ช่วยปรับปรุงความมั่นคงด้านพลังงานที่คาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยตอบสนองความมุ่งมั่นของสหภาพยุโรปเกียวโตที่จะลดระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขึ้น 8% ในปี 2012 เมื่อเทียบกับปี 1990 และ 20% ในปี 2020

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สหภาพยุโรปกฎหมายเพื่อส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซล จะไม่สร้างความแตกต่างใด ๆ ในภาวะโลกร้อน และอาจส่งผลในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่าปกติมากขึ้นจากปิโตรเลียมได้ ดีเซล นี่คือข้อสรุปของการศึกษาใหม่ รายงานในวันนี้&เคมีอุตสาหกรรม นิตยสารของ sci .

นักวิเคราะห์ที่ศรีปรึกษาได้เมื่อเทียบกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยสองเชื้อเพลิงในรอบชีวิตโดยรวมจากการผลิตเพื่อการเผาไหม้ในรถ

พบว่าไบโอดีเซลได้มาจากเมล็ดที่ปลูกในไร่จะทุ่มเทเกือบจำนวนเดียวกันของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ( เช่น คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ) ต่อกิโลเมตรขับเคลื่อนจะเป็นดีเซลธรรมดา

อย่างไรก็ตามหากที่ดินที่ใช้ปลูกเร้ปซี้ดแทนที่จะใช้ปลูกต้นไม้ , น้ํามันดีเซลจะปล่อยเพียงหนึ่งในสามของการปล่อยก๊าซ CO2 เทียบเท่า เช่น ไบโอดีเซล

ปิโตรเลียมดีเซล ( 85% ของก๊าซเรือนกระจกในขั้นตอนสุดท้าย เมื่อเผาไหม้ในเครื่องยนต์ โดยคมชัด , สองในสามของการปล่อยก๊าซที่ผลิตโดย rapeseed และไบโอดีเซล ( RME ) เกิดขึ้นในไร่ของพืชเมื่อ cropland ปล่อยก๊าซไนตรัสออกไซด์ ( N2O ) หรือที่เรียกว่า ก๊าซหัวเราะ นั่นคือ 200-300x เป็นก๊าซเรือนกระจกที่มีศักยภาพเป็น CO2 .

ผลของการวิเคราะห์นี้น่าจะมีผลกระทบใหญ่กนง . EU Directive 2003 ก็มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มระดับของเชื้อเพลิงชีวภาพที่จะ 5.75% ของเชื้อเพลิงการขนส่งทั้งหมดโดย 2010 , เพิ่มขึ้นจากประมาณ 2 % ในปัจจุบันนี้จะยิ่งเพิ่มแชร์ 10% ใน 2010 , คณะกรรมการประกาศในเดือนมกราคมปีนี้

การขนส่งขณะนี้บัญชีสำหรับมากกว่าหนึ่งในห้าของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาในสหภาพยุโรป ไบโอดีเซลเป็นพลังงานทดแทนที่สำคัญเมล็ดที่ได้มาใช้เชื้อเพลิงชีวภาพในยุโรปและรวมทั้งช่วยในการปรับปรุงการรักษาความปลอดภัยของพลังงานคาดว่าจะเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยตอบสนองของ EU เกียวโตมุ่งมั่นที่จะลดระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยร้อยละ 8 ในปี 2012 เทียบกับปี 2533 และ 20% ในปี 2020