For more details on this topic, see

For more details on this topic, see South Thailand insurgency.
Historically, Pattani Province was the centre of the Sultanate of Patani, a semi-independent Malay kingdom that paid tribute to the Thai kingdoms of Sukhothai and Ayutthaya. After Ayutthaya fell under Burmese control in 1767, the Sultanate of Patani gained full independence, but under King Rama I (reigned from 1782 to 1809), the area was again placed under Siam's control in 1785 and made a Mueang. (See the main entry on the Sultanate of Patani.) In 1808, the Mueang Pattani was split into seven smaller Mueang including Yala.[2]

The province was recognized as part of Siam by the Anglo-Siamese Treaty of 1909, negotiated with the British Empire, while Siam surendered its claims to Kelantan, Kedah, Terengganu and Perlis. There is a small separatist movement in Yala, which after being dormant for many years, emerged again in 2004 and has recently become increasingly violent. Eight bombs exploded in the province over two days, on 6 and 7 April 2014. The bombings resulted in one death and 28 injuries, as well as damage to a warehouse estimated at about THB100 million. Local officials accordingly tightened security in the province during the Songkran festivities scheduled for 13 to 15 April.[3] The British Foreign and Commonwealth Office (FCO) in 2014 advised its citizens to only undertake essential travel in the province, while the Australian Government's Department of Foreign Affairs and Trade recommends that travellers completely avoid the province.[4][5]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สำหรับรายละเอียดในหัวข้อนี้ ดูก่อกบฏภาคใต้อดีต จังหวัดปัตตานีเป็นศูนย์กลางของรัฐสุลต่านปัตตานี อาณาจักรมลายูกึ่งอิสระที่จ่ายส่วยให้อาณาจักรไทยสุโขทัยอยุธยาและ หลังจากอยุธยาตกตกอยู่ภายใต้ในปี 1767 รัฐสุลต่านปัตตานีที่ได้รับเอกราชสมบูรณ์ แต่ภาย ใต้พระรามฉัน (ครองราชย์พ.ศ. 2325 เพื่อ 1809), พื้นที่อีกครั้งอยู่ภายใต้การควบคุมของสยามใน 1785 และทำการเมือง (ดูรายการหลักในรัฐสุลต่านปัตตานี) ใน 1808 ปัตตานีเมืองถูกแบ่งออกเป็นเจ็ดเมืองขนาดเล็กรวมถึงยะลา [2]จังหวัดถือเป็นส่วนหนึ่งของสยาม โดย 1909 สนธิสัญญาอังกฤษสยามเจรจากับจักรวรรดิอังกฤษ ในขณะที่ surendered สยามอ้างสิทธิ์ของกลันตัน รัฐเคดาห์ กัวลาตรังกานู และปะลิส มีการเคลื่อนไหวแบ่งแยกดินแดนเล็ก ๆ ในยะลา ซึ่งหลังจากการมาหลายปี โผล่ออกมาอีกครั้งในปี 2004 และล่าสุดกลายเป็นมีความรุนแรงมากขึ้น แปดระเบิดกระจายในจังหวัดกว่า 2 วัน 6 และ 7 2014 เมษายน จากเหตุระเบิดส่งผลให้เกิดหนึ่งตาย และบาดเจ็บ 28 ตลอดจนความเสียหายกับคลังสินค้าประมาณเกี่ยวกับ 100 บาทล้าน เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นตามต้องความปลอดภัยจังหวัดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จัดกำหนดการสำหรับ 13-15 เมษายน [3]ต่างประเทศอังกฤษและเครือจักรภพ Office (FCO) ในปี 2557 แนะนำพลเมืองเพียง ดำเนินท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัด ในขณะที่การค้าและกิจการต่างประเทศของรัฐบาลออสเตรเลียแนะนำให้ ผู้เดินทางเพื่อหลีกเลี่ยงจังหวัดอย่างสมบูรณ์ [4] [5]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อนี้เห็นความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ของ ประเทศไทย .
ในอดีตจังหวัดปัตตานีเป็นศูนย์กลางของรัฐสุลต่านปัตตานีกึ่งอิสระราชอาณาจักรมลายูที่จ่ายส่วยให้ราชอาณาจักรไทยสุโขทัยและอยุธยา หลังจากตกอยู่ภายใต้การควบคุมของพม่าในปี 1767 อยุธยารัฐสุลต่านปัตตานีได้รับเอกราชเต็ม แต่ภายใต้รัชกาลที่ฉัน (ดำรง 1782-1809) บริเวณที่ถูกวางไว้อีกครั้งภายใต้การควบคุมของสยามใน 1785 และทำเมือง (ดูรายการหลักในรัฐสุลต่านปัตตานี.) ใน 1808 ที่เมืองปัตตานีถูกแบ่งออกเป็นเจ็ดขนาดเล็กเมืองรวมทั้งจังหวัดยะลา. [2] จังหวัดได้รับการยอมรับเป็นส่วนหนึ่งของสยามโดยแองโกลสยามสนธิสัญญา 1909 เจรจาต่อรองกับ จักรวรรดิอังกฤษในขณะที่สยาม surendered เรียกร้องไปยังรัฐกลันตันไทรบุรีตรังกานูและปะลิส มีการเคลื่อนไหวแบ่งแยกดินแดนเล็ก ๆ ในจังหวัดยะลาซึ่งหลังจากที่ถูกอยู่เฉยๆเป็นเวลาหลายปีโผล่ออกมาอีกครั้งในปี 2004 และเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้กลายเป็นความรุนแรงมากขึ้นคือ แปดระเบิดระเบิดในจังหวัดมากกว่าสองวันที่ 6 และ 7 เมษายน 2014 ระเบิดส่งผลให้คนตายและ 28 ได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกับความเสียหายให้กับคลังสินค้าที่ประมาณ 100 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นตามการรักษาความปลอดภัยในจังหวัดรัดกุมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำหนดไว้สำหรับ 13-15 เมษายน. [3] อังกฤษต่างประเทศและเครือจักรภพสำนักงาน (FCO) ในปี 2014 แนะนำให้พลเมืองของตนเพียงทำจำเป็นในการเดินทางในจังหวัดในขณะที่กรมของรัฐบาลออสเตรเลีย กระทรวงการต่างประเทศและการค้าขอแนะนำให้นักท่องเที่ยวหลีกเลี่ยงจังหวัด. [4] [5]