AdolescentsThe term problematic use

Adolescents
The term problematic use is often used with this age-group because adolescents often experiment or use drugs in conjunction with specific events such as parties, developmental or emotional crises, and peer group influences and pressure. The criteria presented in the DSM for symptoms of psychological dependence or physical dependence may not apply to teenagers. Although peak use of alcohol and drugs is in late teens or early 20s, most people return to normal drinking patterns and do not progress to alcoholism or chronic abuse. Some adolescents go on to develop pervasive, recurrent patterns of use, which then result in serious consequences and diagnosable substance related disorders. Studies on vulnerability factors help researchers design prevention programs for at-risk youth. For example, one factor is age, because those who begin drinking before age 17 are more likely to develop an alcohol use disorder than those who drink at ages 21or 22 or 25. Society considers experimenting with substances normative behavior for young adults. Many high school students drink or smoke cigarettes before age 13.
The popularity of substances rise and falls, with the use of hallucinogens declining in high schools. The same data suggest that adolescent drug use is ubiquitous, found in rural, urban, and suburban populations. Of interest, and contrary to popular notions, researchers in this survey note that use of crack and heroin is not always in urban. A significant number of adolescents continue to use inhalants.
Males in this age-group have somewhat higher rates of illicit drug use then females, and much higher rates of smokeless tobacco and steroid use. Student who are not college bound are more likely to use illicit drugs, drink heavily, and drink alcohol while in high school. In the lower grades, the college-bound showed a greater increase in cigarette smoking in the mid-1990s than did their non-college-bound peers.
The same student (Monitoring the Future) done in 2005 also revealed that the use of any illicit drug in the previous year was down by more than a third among eighth graders, down by under a quarter among tenth graders, and only 10% down among twelfth graders. Half of American secondary school student have tried an illicit drug by the time they reach graduation. Marijuana is the most prevalent of illicit drugs, and the 2005 survey indicated no significant decline in use of this substance. Annual use of ecstasy is declining since it peaked since it peaked in 2001. Amphetamine use declined in upper grades but not in eighth grade. Tranquilizer use increased steadily from 1992 until 2000 and is now in decline. Prevalence rates for tranquilizer use is 2.8% grade 8 and 6.8% in grade 12.
Among drugs that showed almost no change in 2005 were cocaine, crack, and heroin. The annual prevalence rate for powder cocaine is 1.7%in the eighth grade, 3% in tenth grade, and 4.5% in twelfth grade. Crystal methamphetamine prevalence is 2.3% in twelfth graders. Heroin use peaked in 2001and is now slightly below 1% in all three grades. Narcotics other than heroin is reported only for the twelfth grade with the annual prevalence rate at 9%. Vicodin and Oxycontin are the most common.
Alcohol and cigarettes are the most common substances youth use. Half of American youth have tried cigarettes by the twelfth grade, and 23% are current smokers. By the eighth grade, 26% have tried cigarettes, and 1 in 11 has become a current smoker. Cigarette use reached its peak in 1996. Declines in smoking among this age-group seem to have leveled; no significant declines occurred in 2005.
Seventy-five percent of high school seniors have tried alcohol (more than just a few sips), and 41% have done so by the eighth grade. More than half (58%) of seniors and 20% of eighth graders reported being drunk at least once, which cause concern given the fact that alcohol disorders develop faster when drinking begins early.
Three drugs that were used increasingly were sedatives, OxyContin, and inhalants. In each case, increases were modest and were confined to twelfth grade. Researchers speculate that some of these increases are due to respondents using drugs at one point (eighth grade) and continuing use through high school. Researchers do not know whether those reporting drug use had ever used the drug before. The same researchers believe that “generational forgetting” contributes to drug use-when drugs are reintroduced to young people. Researchers believe that when adverse effects of drugs become known, such as for LSD and methamphetamine, these particular drugs fall out of use. Both oh these drugs had very bad reputations in the 1960s and 1970s. Over time, this information is forgotten, and young people begin to use the drug, only to rediscover unfortunate or fatal outcomes. Persons interested in preventing adolescent drug use focus on the “grace period” between when a drug becomes popular and then use falls off b

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วัยรุ่นระยะการใช้งานมีปัญหามักจะใช้กับกลุ่มอายุนี้เนื่องจากวัยรุ่นมักจะทดลอง หรือใช้ยาเสพติดร่วมกับเหตุการณ์เฉพาะกิจการ พัฒนาการ หรืออารมณ์ วิกฤต และอิทธิพลของกลุ่มเพื่อน และความดัน เกณฑ์การนำเสนอใน DSM สำหรับอาการของจิตใจพึ่งพาอาศัยกันหรือพึ่งพาอาศัยกันทางกายภาพอาจไม่สามารถใช้กับวัยรุ่น แม้ว่าจะใช้จุดสูงสุดของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาเสพติดในช่วงวัยรุ่นหรือช่วง คนส่วนใหญ่กลับสู่รูปแบบปกติที่ดื่ม และไม่ดำเนินการละเมิดเรื้อรังหรือโรคพิษสุราเรื้อรัง วัยรุ่นบางส่วนไปพัฒนารูปแบบแพร่หลาย การกำเริบของใช้ ซึ่งผลนั้นรุนแรงและ diagnosable สารที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติไป การศึกษาปัจจัยเสี่ยงช่วยนักวิจัยออกแบบการป้องกันโปรแกรมสำหรับเยาวชนกลุ่ม ตัวอย่างเช่น ปัจจัยหนึ่งคือ อายุ เนื่องจากผู้ที่เริ่มดื่มก่อนอายุ 17 มีแนวโน้มในการพัฒนาแอลกอฮอล์ใช้โรคมากกว่าผู้ที่ดื่มที่ 21or อายุ 22 หรือ 25 สังคมพิจารณาทดลองกับสารกฎเกณฑ์การทำงานสำหรับคนหนุ่มสาว เครื่องดื่มนักเรียนมัธยมหลายหรือควันบุหรี่ก่อนอายุ 13 ปี ความนิยมของสารขึ้นและน้ำตก มีการใช้ยาหลอนประสาทที่ลดลงในโรงเรียนมัธยม ข้อมูลเดียวกันแนะนำว่า วัยรุ่นยาเสพติดใช้อยู่แพร่หลาย พบในประชากรชนบท ในเมือง และชานเมือง น่าสนใจ และขัด กับความนิยม นักวิจัยนี้สำรวจหมายเหตุว่า ใช้เฮโรอีนและแตกไม่เสมอในเมือง หมายเลขสำคัญของวัยรุ่นยังคงใช้ inhalants เพศชายในกลุ่มอายุนี้มีราคาค่อนข้างสูงของตัวเมีย แล้วใช้ยาที่ผิดกฎหมาย และอัตราสูงควันยาสูบและใช้เตียรอยด์ นักเรียนที่ไม่ได้ผูกวิทยาลัยมีแนวโน้มการใช้ยาผิดกฎหมาย ดื่มหนัก และดื่มแอลกอฮอล์ในโรงเรียนมัธยม ในเกรดล่าง ขอบวิทยาลัยพบการเพิ่มขึ้นมากกว่าในมวนบุหรี่ในกลางปี 1990 กว่าผูกวิทยาลัยไม่ใช่เพื่อนของพวกเขา เดียวกันนักเรียน (การตรวจสอบในอนาคต) ทำในปี 2005 นอกจากนี้ยังเปิดเผยว่า การใช้ยาเสพติดผิดกฎหมายใด ๆ ในปีก่อนหน้าถูกลงมากกว่าสามในหมู่นักเรียนแปด ลงโดยภายใต้สี่สิบนักเรียน และเพียง 10% ลงในหมู่นักเรียนสิบสอง ครึ่งหนึ่งของนักเรียนมัธยมที่อเมริกาได้พยายามเป็นยาเสพติดผิดกฎหมายในขณะที่พวกเขาถึงสำเร็จการศึกษา กัญชาเป็นที่แพร่หลายสุดของยาเสพติดที่ผิดกฎหมาย และสำรวจ 2005 ระบุไม่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในการใช้ของสารนี้ ใช้งานประจำปีของอีจะลดลงเนื่องจากมันอ้าง เพราะมันแหลมในปี 2001 ใช้ยาบ้าปฏิเสธ ในเกรดบน แต่ไม่ใช่ ในธรรมจักร ใช้ยากล่อมประสาทเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากปี 1992 จนถึง 2000 และขณะนี้ลดลง อัตราความชุก tranquilizer ใช้เป็น 2.8% เกรด 8 และ 6.8% ในเกรด 12 ระหว่างยาที่พบว่าแทบ ไม่เปลี่ยนแปลงในปี 2005 ได้โคเคน แตก และเฮโรอีน อัตราความชุกต่อปีสำหรับผงโคเคนเป็นธรรมจักร 1.7%in 3% ในระดับสิบ และ 4.5% ในเกรดสิบสอง ความชุกยาบ้าคริสตัลเป็น 2.3% ในนักเรียนสิบสอง ใช้เฮโรอีนแหลมใน 2001and เป็นเล็กน้อยต่ำกว่า 1% ในเกรดสามทั้งหมด ยาเสพติดไม่ใช่เฮโรอีนมีรายงานสำหรับเกรดสิบสองด้วยอัตราความชุกต่อปีที่ 9% เท่านั้น Vicodin และ Oxycontin ได้พบมากที่สุด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่เป็นสารพบมากที่สุดใช้เยาวชน ครึ่งหนึ่งของเยาวชนอเมริกันได้ลองบุหรี่ โดยเกรดสิบสอง และ 23% เป็นผู้สูบบุหรี่ปัจจุบัน โดยธรรมจักร 26% ได้ลองบุหรี่ และ 1 ใน 11 กลายเป็น ปัจจุบันสูบบุหรี่ ใช้บุหรี่ถึงจุดสูงสุดในปี 1996 ภาวะบุหรี่ในหมู่วัยนี้ดูเหมือนจะ ปรับระดับ ไม่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเกิดขึ้นในปี 2005 ร้อยละเจ็ดสิบห้าของโรงเรียนผู้สูงอายุได้พยายามแอลกอฮอล์ (มากกว่าแค่ระบบ sips), และ 41% ยังทำเกรดแปด มากกว่าครึ่ง (58%) ของผู้สูงอายุและ 20% ของแปด นักเรียนรายงานการเมาน้อย ซึ่งทำให้ความกังวลที่ได้รับความจริงที่ว่าความผิดปกติของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พัฒนาได้เร็วเมื่อดื่มเริ่มต้น ยาเสพติดที่ใช้มากขึ้นสามถูกช็อต OxyContin และ inhalants ในแต่ละกรณี เพิ่มเจียมเนื้อเจียมตัว และถูกจำกัดเกรดสิบสอง นักวิจัยคาดว่า บางส่วนของเหล่านี้เพิ่มขึ้นเป็นเนื่องจากการใช้ยาของผู้ตอบที่จุด (ธรรมจักร) และดำเนินการต่อใช้งานผ่านโรงเรียนมัธยม นักวิจัยไม่ทราบว่า ผู้รายงานใช้ยาเคยใช้ยาเสพติดก่อน นักวิจัยเดียวกันเชื่อว่า "ลืม generational" ก่อให้เกิดการใช้ยาเสพติด-เมื่อการผลิตใหม่ยาเสพติดในคนหนุ่มสาว นักวิจัยเชื่อว่า เมื่อผลกระทบของยาเสพติดกลายเป็นที่รู้จัก เช่น LSD และยาบ้า ยาเสพติดเหล่านี้เฉพาะตกจากการใช้งาน ทั้งโอ้ ยาเหล่านี้มีชื่อเสียงเลวร้ายมากในทศวรรษ 1960 และ 1970 ช่วงเวลา ข้อมูลนี้ถูกลืม และคนหนุ่มสาวที่เริ่มใช้ยาเสพติด เฉพาะการค้นพบผลโชคร้าย หรือร้ายแรง ท่านที่สนใจในการป้องกันยาเสพติดวัยรุ่นใช้โฟกัสบน "ระยะปลอดหนี้" ระหว่างเมื่อยาเสพติดกลายเป็นที่นิยมแล้ว ใช้ตก b

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัยรุ่น
ใช้มีปัญหาคำที่มักถูกนำมาใช้กับเรื่องนี้กลุ่มอายุเพราะวัยรุ่นมักจะทดสอบหรือใช้ยาเสพติดร่วมกับเหตุการณ์เฉพาะเช่นบุคคลที่วิกฤตหรือพัฒนาการทางอารมณ์และอิทธิพลกลุ่มเพื่อนและความดัน เกณฑ์ที่นำเสนอใน DSM สำหรับอาการของการพึ่งพาทางด้านจิตใจหรือพึ่งพาอาศัยกันทางกายภาพอาจใช้ไม่ได้กับวัยรุ่น แม้ว่าการใช้งานสูงสุดของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาเสพติดที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นตอนปลายหรือต้นยุค 20 คนส่วนใหญ่กลับไปที่รูปแบบการดื่มตามปกติและไม่ได้ความคืบหน้าไปพิษสุราเรื้อรังหรือการละเมิดเรื้อรัง วัยรุ่นบางคนไปในการพัฒนาที่แพร่หลายรูปแบบที่เกิดขึ้นอีกในการใช้งานซึ่งจะส่งผลให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงและความผิดปกติของสารที่เกี่ยวข้องกับการตรวจวินิจฉัยได้ การศึกษาปัจจัยที่ช่วยให้ช่องโหว่โปรแกรมการป้องกันการออกแบบนักวิจัยสำหรับเด็กและเยาวชนที่มีความเสี่ยง ยกตัวอย่างเช่นปัจจัยหนึ่งคืออายุเพราะผู้ที่เริ่มดื่มก่อนอายุ 17 มีแนวโน้มที่จะพัฒนาความผิดปกติของการใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์กว่าผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มที่ทุกเพศทุกวัย 21or 22 หรือ 25 สมาคมพิจารณาการทดสอบกับสารพฤติกรรมเชิงบรรทัดฐานสำหรับคนหนุ่มสาว นักเรียนมัธยมหลายคนดื่มหรือสูบบุหรี่ก่อนอายุ 13.
ความนิยมของสารที่เพิ่มขึ้นและตกที่มีการใช้ยาหลอนประสาทลดลงในโรงเรียนมัธยม ข้อมูลเดียวกันชี้ให้เห็นว่าการใช้ยาเสพติดวัยรุ่นแพร่หลายพบในชนบทเมืองและชานเมืองประชากร ที่น่าสนใจและขัดกับความคิดที่เป็นที่นิยมนักวิจัยในการสำรวจครั้งนี้ทราบว่าการใช้แตกและเฮโรอีนไม่ได้เสมอในเมือง จำนวนมากของวัยรุ่นยังคงใช้สารระเหย.
ชายในครั้งนี้กลุ่มอายุมีอัตราค่อนข้างสูงในการใช้ยาที่ผิดกฎหมายแล้วหญิงและอัตราที่สูงมากของยาสูบไร้ควันและการใช้สเตียรอย นักศึกษาที่ไม่ถูกผูกไว้วิทยาลัยมีแนวโน้มที่จะใช้ยาเสพติดดื่มหนักและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในขณะที่อยู่ในโรงเรียนมัธยม ในเกรดที่ต่ำกว่าวิทยาลัยที่ถูกผูกไว้พบว่าเพิ่มขึ้นมากขึ้นในการสูบบุหรี่ในช่วงกลางทศวรรษที่ 1990 กว่าเพื่อนที่ไม่วิทยาลัยผูกพันของพวกเขา.
นักเรียนเดียวกัน (การตรวจสอบในอนาคต) ทำในปี 2005 ยังพบว่าการใช้ที่ผิดกฎหมายใด ๆ ยาเสพติดในปีที่ผ่านมาลดลงมากกว่าหนึ่งในสามในหมู่แปดคารมลดลงภายใต้ไตรมาสหมู่คารมสิบและเพียง 10% ลดลงในหมู่คารมสิบสอง ครึ่งหนึ่งของชาวอเมริกันนักเรียนโรงเรียนมัธยมได้ลองยาเสพติดที่ผิดกฎหมายตามเวลาที่พวกเขามาถึงที่สำเร็จการศึกษา กัญชาเป็นที่แพร่หลายมากที่สุดของยาเสพติดที่ผิดกฎหมายและการสำรวจ 2005 ระบุไม่มีการลดลงอย่างมีนัยสำคัญในการใช้งานของสารนี้ การใช้งานประจำปีของความปีติยินดีจะลดลงเพราะมันแหลมตั้งแต่มันแหลมในปี 2001 การใช้ยาบ้าลดลงในระดับที่สูงขึ้น แต่ไม่ได้อยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ การใช้ยากล่อมประสาทเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จาก 1992 จนถึงปี 2000 และขณะนี้อยู่ในการลดลง อัตราความชุกสำหรับการใช้ยากล่อมประสาทคือ 2.8% เกรด 8 และ 6.8% ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 12
ในบรรดายาเสพติดที่แสดงให้เห็นว่าเกือบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในปี 2005 เป็นโคเคน, ร้าว, และเฮโรอีน อัตราความชุกประจำปีสำหรับโคเคนผงคือ 1.7% ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3% ในเกรดสิบและ 4.5% ในเกรดสิบสอง คริสตัลยาบ้าชุกเป็น 2.3% ในปีที่สิบสองเกรดเดอร์ ใช้เฮโรอีนแหลมใน 2001and อยู่ในขณะนี้ต่ำกว่า 1% ในทั้งสามเกรด ยาเสพติดอื่น ๆ กว่าเฮโรอีนมีรายงานเฉพาะสำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่สิบสองที่มีอัตราความชุกประจำปีที่ 9% Vicodin และ Oxycontin ที่พบมากที่สุด.
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่เป็นสารที่พบมากที่สุดการใช้งานเยาวชน ครึ่งหนึ่งของเยาวชนอเมริกันได้พยายามบุหรี่โดยเกรดสิบสองและ 23% เป็นผู้สูบบุหรี่ในปัจจุบัน โดยเกรดแปด 26% ได้พยายามบุหรี่และ 1 ใน 11 ได้กลายเป็นผู้สูบบุหรี่ในปัจจุบัน ใช้บุหรี่ถึงจุดสูงสุดในปี 1996 ลดลงในการสูบบุหรี่ในหมู่นี้กลุ่มอายุดูเหมือนจะมีการปรับระดับ; ลดลงอย่างไม่มีนัยสำคัญที่เกิดขึ้นในปี 2005
เจ็ดสิบห้าเปอร์เซ็นต์ของผู้สูงอายุโรงเรียนมัธยมได้ลองเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (มากกว่าเพียงแค่ไม่กี่จิบ) และ 41% ได้ทำเช่นนั้นโดยเกรดแปด มากกว่าครึ่งหนึ่ง (58%) ของผู้สูงอายุและ 20% ของแปดคารมรายงานเป็นคนขี้เมาอย่างน้อยหนึ่งครั้งซึ่งทำให้เกิดความกังวลให้ข้อเท็จจริงที่ว่าความผิดปกติของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พัฒนาได้เร็วขึ้นเมื่อดื่มจะเริ่มขึ้นในช่วงต้น.
สามยาเสพติดที่ถูกนำมาใช้มากขึ้นเป็นยาระงับประสาท, OxyContin และ สารระเหย ในแต่ละกรณีมีการเพิ่มขึ้นของเจียมเนื้อเจียมตัวและถูกกักขังอยู่เกรดสิบสอง นักวิจัยคาดการณ์ว่าบางส่วนของการเพิ่มขึ้นของเหล่านี้เนื่องจากมีผู้ตอบแบบสอบถามใช้ยาเสพติดในจุดหนึ่ง (เกรดแปด) และการใช้งานอย่างต่อเนื่องผ่านโรงเรียนมัธยม นักวิจัยไม่ทราบว่าผู้ที่ใช้ยาเสพติดรายงานเคยใช้ยาเสพติดก่อน นักวิจัยเดียวกันเชื่อว่า "ลืม generational" ก่อให้เกิดการใช้ยาเสพติดเมื่อยาเสพติดได้รับการแนะนำให้คนหนุ่มสาว นักวิจัยเชื่อว่าเมื่อผลกระทบของยาเสพติดที่เป็นที่รู้จักเช่นสำหรับ LSD และยาบ้า, ยาเสพติดโดยเฉพาะเหล่านี้หลุดออกจากการใช้งาน ทั้งสองโอ้ยาเหล่านี้มีชื่อเสียงที่ไม่ดีอย่างมากในปี 1960 และ 1970 เมื่อเวลาผ่านไปข้อมูลนี้จะถูกลืมและคนหนุ่มสาวเริ่มใช้ยาเสพติดเพียงเพื่อที่จะค้นพบความโชคร้ายหรืออันตรายถึงชีวิต ผู้ที่สนใจในการป้องกันวัยรุ่นมุ่งเน้นการใช้ยาที่ "ระยะเวลาผ่อนผัน" ระหว่างที่ยาเสพติดที่เป็นที่นิยมและใช้ตกจาก B

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วัยรุ่นปัญหาการใช้คำที่มักใช้กับวัยนี้ เพราะวัยรุ่นมักจะทดลองหรือใช้ยาร่วมกับเหตุการณ์เฉพาะ เช่น ฝ่าย พัฒนาการ หรือ อารมณ์ วิกฤติ และอิทธิพลของกลุ่มเพื่อน และความดัน เกณฑ์ที่เสนอในส่วนอาการของจิต หรือการพึ่งพาทางกายภาพอาจไม่ใช้วัยรุ่น แม้ว่ายอดการใช้แอลกอฮอล์และสารเสพติดในวัยรุ่นหรือยี่สิบต้นๆ คนส่วนใหญ่กลับสู่รูปแบบการดื่มปกติและไม่ก้าวหน้า หรือการละเมิดโรคพิษสุราเรื้อรังเรื้อรัง มีวัยรุ่นไปในที่จะพัฒนารูปแบบการใช้แพร่หลาย , เกิดขึ้นอีก ซึ่งก็ส่งผลร้ายแรง และ diagnosable สารที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติ การศึกษาปัจจัยความเสี่ยงช่วยให้นักวิจัยการออกแบบการป้องกันโปรแกรมสำหรับเด็กและเยาวชนที่มีความเสี่ยง . ตัวอย่างเช่น ปัจจัยหนึ่งคืออายุ เพราะผู้ที่เริ่มดื่มก่อนอายุ 17 มีแนวโน้มที่จะพัฒนาโรคสูงกว่าผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ใช้ในวัย 21or 22 หรือ 25 สังคมพิจารณาการทดสอบกับสารมาตรฐานพฤติกรรมสำหรับผู้ใหญ่ หลายโรงเรียน ดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่ก่อนอายุ 13 ปีความนิยมของสารที่เพิ่มขึ้นและตกด้วยการใช้ประสาทลดลง ในโรงเรียนมัธยม ข้อมูลเดียวกัน ขอแนะนำให้ใช้ยาวัยรุ่นเป็นที่แพร่หลาย พบใน ชนบท เมืองและประชากรในเขตชานเมือง ที่น่าสนใจและขัดกับความคิดที่นิยม นักวิจัยในการสำรวจนี้ทราบว่าใช้โคเคนและเฮโรอีนมักจะไม่อยู่ในเมือง จำนวนที่มีนัยสำคัญของวัยรุ่นยังคงใช้สารระเหย .ผู้ชายในกลุ่มนี้มีอัตราที่ค่อนข้างสูงของการใช้ยาแล้ว เพศหญิง และอัตราที่สูงมากของยาสูบควัน และการใช้เตียรอยด์ นักเรียนที่ไม่เรียนผูกมีแนวโน้มที่จะใช้ยาผิดกฎหมาย ดื่มหนักและดื่มแอลกอฮอล์ในขณะที่ในโรงเรียนมัธยม ในระดับ วิทยาลัยผูกพันพบเพิ่มมากขึ้นในการสูบบุหรี่ในช่วงกว่าของพวกเขาไม่ใช่วิทยาลัยผูกพันเพื่อนนักศึกษาคนเดิม ( ติดตามในอนาคต ) เสร็จในปี 2005 พบว่า การใช้ยาเสพติด ในปีก่อนหน้าลงมากกว่าหนึ่งในสามของแปดนักเรียนลง โดยภายใต้ไตรมาสระหว่างสิบนักเรียน และเพียง 10% ลงในของนักเรียนชั้น ครึ่งหนึ่งของนักเรียนโรงเรียนมัธยมอเมริกันได้ลองใช้ยาเสพติด โดยเวลาที่พวกเขาเข้าถึงการศึกษา กัญชาเป็นที่แพร่หลายมากที่สุดของการเสพยาเสพติดและในปี 2005 สำรวจพบ ไม่มีการปฏิเสธในการใช้สารนี้ ใช้ปียาอีจะลดลงตั้งแต่มันแหลมตั้งแต่มันแหลมในปี 2001 ใช้ยาบ้าลดลงในเกรดบน แต่ไม่ได้อยู่ในเกรด ยากล่อมประสาทใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปี 1992 จนถึงปี 2000 และกำลังลดลง อัตราความชุกของการติดเชื้อ สำหรับใช้เป็นยาสลบ เกรด 2.8 % 8 และ 6.8% ในเกรด 12ระหว่างยาที่พบเกือบไม่มีการเปลี่ยนแปลงในปี 2005 เป็นโคเคน โคเคน และเฮโรอีน อัตราความชุกประจำปีสำหรับโคเคนเป็น 1.7% ในเกรด 3 และเกรด 10 และ 4.5% ในเกรดสิบ คริสตัลเมทแอมเฟตามีนชุก 2.3% ในสิบสองนักเรียนชั้น การใช้เฮโรอีนแหลมใน 2001and อยู่ด้านล่างเล็กน้อย 1% ใน 3 เกรด เฮโรอีนเป็นยาเสพติด นอกจากรายงานเฉพาะสำหรับเกรด 12 มีอัตราความชุกประจำปี 9 % ยาแก้ปวดกับ Oxycontin เป็นทั่วไปมากที่สุดแอลกอฮอล์และบุหรี่จะพบสารส่วนใหญ่เยาวชนใช้ ครึ่งหนึ่งของเยาวชนอเมริกันพยายามบุหรี่โดยเกรดสิบสอง และ 23% เป็นผู้สูบบุหรี่ในปัจจุบัน โดยเกรด 26 % ลองบุหรี่ และ 1 ใน 11 ได้กลายเป็นผู้สูบบุหรี่ในปัจจุบัน ใช้บุหรี่ถึงจุดสูงสุดในปี 1996 ลดลงในการสูบบุหรี่ของกลุ่มนี้ดูเหมือนจะราบเรียบ ไม่มีลดลงอย่างมีนัยสำคัญเกิดขึ้นในปี 2005เจ็ดสิบห้าเปอร์เซ็นต์ของผู้สูงอายุที่โรงเรียนได้พยายามแอลกอฮอล์ ( มากกว่าเพียงแค่ไม่กี่ SIPs ) และร้อยละ 41 ได้ โดยเกรด มากกว่าครึ่งหนึ่ง ( ร้อยละ 58 ) ของรุ่นพี่ และ 20% ของแปดนักเรียนรายงานการดื่มอย่างน้อยหนึ่งครั้ง ซึ่งทำให้เกิดความกังวลให้ข้อเท็จจริงว่า แอลกอฮอล์ ความผิดปกติของการพัฒนาได้เร็วขึ้นเมื่อเริ่มดื่มเร็วตัวยา 3 ชนิด ที่ใช้มากขึ้นเป็น sedatives Oxycontin และสารระเหย . ในแต่ละกรณีเพิ่มขึ้นเจียมเนื้อเจียมตัวและถูกคุมขังในเกรดสิบ นักวิจัยคาดการณ์ว่าบางส่วนของเหล่านี้เกิดจากการเพิ่มจำนวนยาเสพติดที่จุดหนึ่ง ( เกรด ) และยังคงใช้ผ่านโรงเรียนมัธยม นักวิจัยไม่ทราบว่าผู้ที่รายงานการใช้ยาเสพติดเคยใช้ยาเสพติดมาก่อน นักวิจัยเดียวกันเชื่อว่า generational " ลืม " มีส่วนช่วยในการใช้ยาเมื่อยาเสพติดมีการ reintroduced เพื่อเยาวชน นักวิจัยเชื่อว่า เมื่อผลไม่พึงประสงค์ของยาเป็นที่รู้จัก เช่น LSD และ ยาบ้า ยาเหล่านี้โดยเฉพาะอยู่ออกมาใช้งาน โอ้ ยาเหล่านี้มีทั้งชื่อเสียงไม่ดีมากในทศวรรษที่ 1960 และ 1970 ตลอดเวลา ข้อมูลนี้จะถูกลืม และคนหนุ่มสาวที่เริ่มใช้ยาเท่านั้นที่จะค้นพบโชคร้ายร้ายแรง หรือผลลัพธ์ ผู้ที่สนใจในการป้องกันการใช้ยาเสพติดของวัยรุ่น เน้นเรื่อง " เกรซ " ช่วงระยะระหว่างเมื่อยากลายเป็นที่นิยม และจากนั้น ใช้ตก บี