The study showed that self-esteem a

The study showed that self-esteem and peer attachment increased significantly after the completion of the self-esteem improvement program. The findings were consistent with the
findings from previous studies partially in terms of increasing self esteem and peer attachment, although the specific contents of the programs were different. Sohn and Yim tested the effects of after-school self-esteem program for grade 1-3 school children. The program was offered for 40 minutes, twice a week for a total of 53 sessions. The program improved self-esteem at its
completion. In Kim and Chung's study, 11 sessions of the self esteem program (60 minutes per session) were provided to grade 4-5 school children from a low-income bracket. Children from that study showed improved self-esteem and peer attachment. The program included building relationships, understanding oneself, improving relationship skills and having a sense of target competency. However, these two studies had limitations due to a missing control group. As such, the generalizability of their findings was limited. Tak [21] compared the effects of a Bibliotherapy program for improving self-esteem in grade 3e5 school children from a low-income bracket with a control group. The program included general self-esteem, homely self-esteem, academic self-esteem and social self-esteem. It was offered for 90 minutes, twice a week for a
total of 10 weeks. The self-esteem in the Bibliotherapy program group was significantly more improved than that in the control group. The findings from the literature were similar to that of this study in terms of improving self-esteem even though the criteria of participants were not exactly the same, as they used school children from low-income families or those with learning disabilities.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การศึกษาแสดงให้เห็นว่า แนบนับถือตนเองและเพื่อนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังจากเสร็จสิ้นการนับถือตนเองปรับปรุงโปรแกรม ผลการวิจัยสอดคล้องกับการค้นพบจากการศึกษาก่อนหน้านี้บางส่วนในการเพิ่มการเห็นคุณค่าตนเองและเพื่อนที่แนบมา แม้ว่าเนื้อหาของโปรแกรมแตกต่างกัน Sohn และยิ้มทดสอบผลของโปรแกรมการนับถือตนเองหลังเลิกเรียนสำหรับเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 โปรแกรมแนะนำ 40 นาที สองสัปดาห์รวม 53 ครั้ง โปรแกรมปรับปรุงการถูกกระแทกที่ของเสร็จสมบูรณ์ ในศึกษาคิมและของ Chung รอบ 11 โปรแกรมเห็นคุณค่าตนเอง (ต่อรอบเวลา 60 นาที) ได้จัดให้แก่เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-5 จากวงเล็บแนซ์ เด็กจากที่ศึกษาแสดงนับถือตนเองดีขึ้นและสิ่งที่แนบเพียร์ โปรแกรมรวมสร้างความสัมพันธ์ ความเข้าใจตัวเอง พัฒนาทักษะความสัมพันธ์ และมีความความสามารถเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม สองการศึกษานี้มีข้อจำกัดเนื่องจากกลุ่มควบคุมหายไป เช่น generalizability สิ่งของมีจำกัด ตาก [21] เปรียบเทียบผลของโปรแกรม Bibliotherapy สำหรับการปรับปรุงการนับถือตนเองในเด็กนักเรียน 3e5 เกรดจากวงเล็บแนซ์กับกลุ่มควบคุม โปรแกรมรวมนับถือตนเองทั่วไป นับถือตนเองที่บ้าน นับถือตนเองวิชาการ และสังคมนับถือตนเอง มันแนะนำ 90 นาที สองสัปดาห์ในการจำนวน 10 สัปดาห์ นับถือตนเองในกลุ่มโปรแกรม Bibliotherapy ได้มากขึ้นดีกว่าในกลุ่มควบคุม ผลการศึกษาจากวรรณคดีศึกษาในด้านการพัฒนานับถือตนเองแม้ว่าเงื่อนไขของผู้เข้าร่วมได้ไม่ว่ากัน พวกเขาใช้เด็กนักเรียนจากครอบครัวแนซ์หรือทุพพลภาพเรียนได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษาพบว่าความนับถือตนเองและสิ่งที่แนบมาเพียร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังจากเสร็จสิ้นการโครงการปรับปรุงภาคภูมิใจในตนเอง ผลการวิจัยมีความสอดคล้องกับ
ผลการวิจัยจากการศึกษาก่อนหน้าบางส่วนในแง่ของการเพิ่มความนับถือตนเองและสิ่งที่แนบมาเพียร์แม้ว่าเนื้อหาที่เฉพาะเจาะจงของโปรแกรมที่แตกต่างกัน Sohn ยิ้มและทดสอบผลกระทบของโรงเรียนหลังโปรแกรมภาคภูมิใจในตนเองสำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 โรงเรียนเด็ก โปรแกรมที่ถูกเสนอ 40 นาทีสัปดาห์ละสองครั้งรวมเป็น 53 การประชุม โปรแกรมการปรับปรุงภาคภูมิใจในตนเองที่ดี
เสร็จสิ้น ในการศึกษาและคิมชุงของ 11 ครั้งโปรแกรมเห็นคุณค่าในตนเอง (60 นาทีต่อครั้ง) มีให้เกรด 4-5 เด็กนักเรียนจากวงเล็บมีรายได้ต่ำ เด็กจากการศึกษาแสดงให้เห็นว่าการปรับปรุงความนับถือตนเองและสิ่งที่แนบมาเพียร์ โปรแกรมรวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ความเข้าใจตัวเองพัฒนาทักษะความสัมพันธ์และมีความรู้สึกของความสามารถเป้าหมาย แต่ทั้งสองมีการศึกษาข้อ จำกัด เนื่องจากกลุ่มควบคุมที่ขาดหายไป เช่น generalizability ของการค้นพบของพวกเขาถูก จำกัด ตาก [21] เมื่อเทียบกับผลกระทบของโปรแกรม Bibliotherapy สำหรับการปรับปรุงความนับถือตนเองในเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี 3e5 จากวงเล็บมีรายได้ต่ำกับกลุ่มควบคุม โปรแกรมรวมทั่วไปภาคภูมิใจในตนเอง, ความนับถือตนเองอบอุ่นนักวิชาการภาคภูมิใจในตนเองและสังคมภาคภูมิใจในตนเอง มันได้รับการเสนอให้เป็นเวลา 90 นาทีสัปดาห์ละสองครั้งเพื่อ
รวมเป็น 10 สัปดาห์ที่ผ่านมา ภาคภูมิใจในตนเองในกลุ่มโปรแกรม Bibliotherapy อย่างมีนัยสำคัญมากขึ้นดีขึ้นกว่าในกลุ่มควบคุม ผลการวิจัยจากวรรณกรรมมีความคล้ายคลึงกันกับที่ของการศึกษาครั้งนี้ในแง่ของการปรับปรุงความนับถือตนเองแม้ว่าเกณฑ์ของผู้เข้าร่วมไม่ได้เหมือนกันเช่นที่พวกเขาใช้เด็กนักเรียนจากครอบครัวที่มีรายได้ต่ำหรือผู้ที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ผลการศึกษาพบว่า การเห็นคุณค่าในตนเองและเพื่อนความผูกพันเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากจบโปรแกรมในการปรับปรุง ผลการวิจัยนี้สอดคล้องกับผลการศึกษาก่อนหน้านี้
บางส่วนในแง่ของการเพิ่มความนับถือตนเองและเพื่อน ความผูกพัน แม้ว่าเนื้อหาที่เฉพาะเจาะจงของโปรแกรมที่แตกต่างกันซอนยิ้มทดสอบผลของโปรแกรมและความรู้สึกมีคุณค่าในตนเองหลังเลิกเรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 โรงเรียนเด็ก โปรแกรมที่ถูกเสนอสำหรับ 40 นาที อาทิตย์ละ 2 ครั้ง รวมเป็น 53 ครั้ง โปรแกรมปรับปรุงการเห็นคุณค่าในตนเองของ
19 คิมและการศึกษาชอง , 11 การประชุมของโปรแกรมการเห็นคุณค่าในตนเอง ( 60 นาทีต่อเซสชั่น ) ให้เกรด 4-5 โรงเรียนเด็กจากวงเล็บที่มีรายได้ต่ำเด็กจากการศึกษาพบการปรับปรุงการเห็นคุณค่าในตนเองและเพื่อนที่แนบมา โปรแกรมรวมความสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจตนเอง เพิ่มทักษะความสัมพันธ์และมีความรู้สึกของความสามารถของเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม เหล่านี้สองการศึกษามีข้อจำกัดเนื่องจากการขาดการควบคุมกลุ่ม เช่น วิชาของการค้นพบของพวกเขาถูก จำกัดตาก [ 21 ] เมื่อเปรียบเทียบผลของการบำบัดด้วยหนังสือโปรแกรมเพื่อปรับปรุงการเห็นคุณค่าในตนเองของเด็กจากโรงเรียนเกรด 3e5 วงเล็บรายได้น้อย กับ กลุ่มควบคุม โปรแกรมรวมการเห็นคุณค่าในตนเอง เห็นคุณค่าในตนเองและความรู้สึกมีคุณค่าในตนเองวิชาการทั่วไป บ้านในสังคม มันถูกเสนอสำหรับ 90 นาทีสองครั้งต่อสัปดาห์สำหรับ
รวม 10 สัปดาห์การเห็นคุณค่าในตนเองในบรรณบำบัด โปรแกรมกลุ่มอย่างมีนัยสำคัญดีขึ้นมากกว่ากลุ่มควบคุม ผลการวิจัยจากวรรณกรรมเป็นคล้ายกับที่ของการศึกษาในแง่ของการพัฒนาตนเอง แม้ว่าเงื่อนไขของผู้เข้าร่วมได้ไม่เหมือนเดิมเช่นที่พวกเขาใช้เด็กจากครอบครัวที่มีรายได้ต่ำ หรือผู้ที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ .