Concrete industry is one of the maj

Concrete industry is one of the major sources of consuming high volume of natural resources. On the other hand, cement industry is a significant point source of carbon dioxide emissions due to the decomposition of raw material and burning fuel during the manufacturing process. As the demand for concrete is growing, one of the effective way to minimize the negative environmental impact of the industry is the use of waste and by-product materials as cement and aggregate replacement in concrete.

In the current study, possibility of making structural lightweight aggregate concrete using large amounts of waste material was investigated. The waste materials comprised oil palm shell, which was used as coarse aggregate, and a high volume (50% and 70%) of type F fly ash, as cement replacement by mass. The mechanical properties, such as compressive strength in different curing conditions, splitting tensile and flexural strengths, as well as density, ultrasonic pulse velocity, water absorption, and drying shrinkage up to one year were investigated. All oil palm shell concretes containing high volume fly ash are found to have adequate strength for formwork removal. Oil palm shell concretes containing high volume fly ash had 46%–60% lower cement content compared to previous studies with a similar compressive strength. Although, using high volume fly ash in oil palm shell concrete significantly reduced short-term mechanical properties, however, the use of limestone powder significantly improved the compressive strength at early and later ages. Test results also showed that there is no significant difference between the drying shrinkage of oil palm shell concrete containing 50% fly ash and the control oil palm shell concrete.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

อุตสาหกรรมคอนกรีตเป็นหนึ่งในแหล่งที่สำคัญของการบริโภคสูงของทรัพยากรธรรมชาติ บนมืออื่น ๆ อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์เป็นแหล่งจุดสำคัญของปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เนื่องจากการเน่าของวัตถุดิบและเชื้อเพลิงที่เผาไหม้ในระหว่างกระบวนการผลิต ตามความต้องการใช้คอนกรีตที่มีการเติบโต หนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมเชิงลบของอุตสาหกรรมคือการใช้วัสดุของเสียและผลพลอยได้เป็นแทนรวมในคอนกรีตและปูนซีเมนต์ในการศึกษาปัจจุบัน ความเป็นไปได้ของการรวมน้ำหนักเบาโครงสร้างคอนกรีตโดยใช้จำนวนมากของเสียรับการตรวจสอบ วัสดุของเสียประกอบด้วยเปลือกปาล์มน้ำมัน ซึ่งใช้เป็นทดแทนปูนซีเมนต์โดยมวลรวมหยาบ และระดับเสียงสูง (50% และ 70%) ของเถ้าชนิด F คุณสมบัติทางกล เช่นแรงอัดในสภาวะบ่มต่าง แยกจุด แข็งแรงดึง และแรงดัด เช่นเดียวกับความหนาแน่น ความ เร็วชีพจรอัลตราโซนิก การดูดซึมน้ำ และการอบแห้งการหดตัวถึงหนึ่งปีได้ตรวจสอบอยู่ อย่างกว้างขวางเปลือกปาล์มน้ำมันทั้งหมดที่ประกอบด้วยเถ้าสูงพบว่ามีความแข็งแรงเพียงพอสำหรับการถอดแบบหล่อ อย่างกว้างขวางเปลือกปาล์มน้ำมันที่ประกอบด้วยปริมาณสูงเถ้ามีเนื้อหาซีเมนต์ต่ำกว่า 46% – 60% เมื่อเทียบกับการศึกษาก่อนหน้านี้ ด้วยแรงอัดคล้าย ถึงแม้ว่า ใช้เถ้าสูงในคอนกรีตเปลือกปาล์มน้ำมันอย่างมีนัยสำคัญลดคุณสมบัติทางกลที่ระยะสั้น แต่ การใช้ผงหินปูนมากขึ้นแรงอัดที่อายุก่อน และหลัง ผลการทดสอบพบว่าไม่มีความแตกต่างที่สำคัญระหว่างการหดตัวของคอนกรีตที่ประกอบด้วย 50% เถ้าลอยและคอนกรีตควบคุมน้ำมันปาล์มกะลาปาล์มน้ำมันเปลือกแห้ง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อุตสาหกรรมคอนกรีตเป็นหนึ่งในแหล่งสำคัญของการบริโภคในปริมาณสูงทรัพยากรธรรมชาติ บนมืออื่น ๆ , อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์เป็นแหล่งจุดสำคัญของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เนื่องจากการสลายตัวของวัตถุดิบและการเผาไหม้เชื้อเพลิงในระหว่างขั้นตอนการผลิต ตามความต้องการใช้คอนกรีตที่มีการเติบโตซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมของอุตสาหกรรมคือการใช้ของเสียและผลิตภัณฑ์โดยวัสดุปูนซีเมนต์และทดแทนรวมในคอนกรีต. ในการศึกษาในปัจจุบันเป็นไปได้ในการทำโครงสร้างที่มีน้ำหนักเบา คอนกรีตโดยใช้จำนวนมากของวัสดุของเสียถูกตรวจสอบ วัสดุของเสียที่ประกอบด้วยกะลาปาล์มน้ำมันซึ่งถูกใช้เป็นมวลรวมหยาบและมีปริมาณสูง (50% และ 70%) ของเถ้าลอยชนิด F แทนที่ปูนซีเมนต์โดยมวล คุณสมบัติเชิงกลเช่นแรงอัดในสภาพการบ่มที่แตกต่างกันแยกแรงดึงและจุดแข็งดัดเช่นเดียวกับความหนาแน่นความเร็วชีพจรล้ำดูดซึมน้ำและการอบแห้งหดตัวถึงหนึ่งปีได้รับการตรวจสอบ ทั้งหมดคอนกรีตกะลาปาล์มน้ำมันผสมเถ้าลอยปริมาณสูงจะพบว่ามีความแข็งแรงเพียงพอสำหรับการกำจัดแบบหล่อ ปาล์มน้ำมันเชลล์คอนกรีตผสมเถ้าลอยปริมาณสูงมีปริมาณปูนซีเมนต์ 46% -60% ลดลงเมื่อเทียบกับการศึกษาก่อนหน้านี้ที่มีแรงอัดที่คล้ายกัน แม้ว่าการใช้เถ้าลอยที่มีปริมาณสูงในน้ำมันปาล์มเปลือกคอนกรีตลดลงอย่างมีนัยสำคัญสมบัติเชิงกลระยะสั้นอย่างไรก็ตามการใช้ผงหินปูนที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญแรงอัดในช่วงต้นและต่อมาทุกเพศทุกวัย ผลการทดสอบยังพบว่าไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างการหดตัวการอบแห้งของปาล์มน้ำมันเชลล์คอนกรีตผสมเถ้าลอย 50% และการควบคุมน้ำมันปาล์มเปลือกคอนกรีต

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อุตสาหกรรมคอนกรีตเป็นหนึ่งในแหล่งที่สำคัญของการบริโภคในปริมาณมากของทรัพยากรธรรมชาติ บนมืออื่น ๆ , อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์เป็นจุดแหล่งสำคัญของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการสลายตัวของวัตถุดิบ และ การเผาไหม้เชื้อเพลิงในกระบวนการผลิต ขณะที่ความต้องการคอนกรีตเติบโตขึ้นเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดผลกระทบทางลบของอุตสาหกรรมคือการใช้ของเสียและวัสดุผลพลอยได้ เช่น ปูนซีเมนต์ และแทน มวลรวมในคอนกรีตในการศึกษาปัจจุบัน อาจทำให้โครงสร้างคอนกรีตมวลรวมเบาใช้จำนวนมากของวัสดุของเสียที่ถูกตรวจสอบ วัสดุเหลือใช้ ประกอบด้วย กะลาปาล์มน้ํามัน ซึ่งใช้เป็นมวลรวมหยาบและมีปริมาณสูง ( 50% และ 70% ) เถ้าประเภท F บินเมื่อแทนที่ปูนซีเมนต์ด้วยมวล สมบัติเชิงกล เช่น กำลังรับแรงอัดในการบ่มที่แตกต่างกัน แบ่งการดึงจุดแข็ง รวมทั้งความหนาแน่น ความเร็วคลื่นชีพจร การดูดซึมน้ำและการหดแห้งได้ถึงหนึ่งปี คือ ทั้งหมดน้ำมันกะลาปาล์มคอนกรีตเถ้าลอยที่มีปริมาณสูงจะพบว่ามีความแข็งแรงเพียงพอสำหรับการกำจัดแบบหล่อ . กะลาปาล์มน้ำมันคอนกรีตผสมเถ้าถ่านหินในปริมาณสูงได้ 46% – 60 % ลดปริมาณปูนซีเมนต์เมื่อเทียบกับการศึกษาก่อนหน้านี้ด้วยเหมือนกันกำลังรับแรงอัด . แม้ว่าการใช้เถ้าถ่านหินในปริมาณสูงในกะลาปาล์มน้ำมันคอนกรีตลดสมบัติเชิงกล ระยะสั้น อย่างไรก็ตามการใช้หินปูนฝุ่นเพิ่มขึ้นอัดก่อนและหลังวัย ผลการทดสอบ พบว่า ไม่มีความแตกต่าง ระหว่างการหดแห้งของคอนกรีตผสมเถ้ากะลาปาล์มน้ำมัน 50 % เถ้าลอยและควบคุมน้ำมันกะลาปาล์ม คอนกรีต