In functional programming, we are "

In functional programming, we are "more concerned with how something is defined
than with the specifics of how it is calculated" (take this motto with a grain of salt,
however, efficiency still matters in some cases). The idea is that it is a compiler or
interpreter's job to figure out how to reach a solution, not the programmer's.
One useful way of specifying how a function is defined is to describe what results it will
return given different types of inputs. A powerful way of describing "different types of
inputs" in Haskell is using pattern matching. We can provide multiple definitions of a
function, each having a particular pattern for input arguments. The first listed definition
that succeeds in matching a given function call is the one used for that call. In this
that succeeds in matching a given function call is the one used for that call. In this
manner, you can pull out the head and tail of a list, match specific input values, identify
empty lists as arguments (for recursion usually), and analyze other patterns. You
cannot, however, perform value comparisons with pattern matching (e.g., "n

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในการเขียนโปรแกรมการทำงานเรามีความ "กังวลมากขึ้นเกี่ยวกับวิธีการบางสิ่งบางอย่างที่ถูกกำหนดให้
กว่าด้วยรายละเอียดของวิธีการที่จะคำนวณ" (ใช้คำขวัญนี้ด้วยเม็ดเกลือ
แต่ประสิทธิภาพยังคงมีความสำคัญในบางกรณี) ความคิดคือว่ามันเป็นคอมไพเลอร์หรืองานล่าม
ที่จะคิดออกว่าจะไปถึงวิธีแก้ปัญหาไม่ได้โปรแกรมเมอร์.
หนึ่งในวิธีที่มีประโยชน์ในการกำหนดวิธีการที่ฟังก์ชั่นที่กำหนดไว้คือการอธิบายว่าผลมันจะ return
ให้ชนิดที่แตกต่างของปัจจัยการผลิต วิธีที่มีประสิทธิภาพในการอธิบาย "ชนิดที่แตกต่างของปัจจัยการผลิต
" ใน Haskell จะใช้รูปแบบการจับคู่ เราสามารถให้คำจำกัดความได้หลายฟังก์ชั่น
แต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะสำหรับข้อโต้แย้งของท่าน คำนิยามที่ระบุไว้เป็นครั้งแรก
ที่ประสบความสำเร็จในการจับคู่การเรียกใช้ฟังก์ชันที่กำหนดเป็นหนึ่งที่ใช้สำหรับการโทรที่ ใน
ที่ประสบความสำเร็จในการจับคู่การเรียกใช้ฟังก์ชันที่กำหนดนี้เป็นหนึ่งที่ใช้สำหรับการโทรที่ ในลักษณะ
นี้คุณสามารถดึงออกจากหัวและหางของรายการตรงกับค่าที่ป้อนเข้าที่เฉพาะเจาะจงระบุรายการว่างเปล่า
เป็นอาร์กิวเมนต์ (สำหรับ recursion ปกติ) และวิเคราะห์รูปแบบอื่น ๆ คุณไม่สามารถ
อย่างไรก็ตามดำเนินการเปรียบเทียบค่าที่มีรูปแบบการจับคู่ (เช่น n "<= 3"
ต้องถูกตรวจพบที่แตกต่างกัน) ขีดเส้นใต้มีการใช้อยู่ในตำแหน่งที่
สิ่งที่ควรจะตรง แต่ที่ค่าที่ตรงกันกับที่ไม่ได้ใช้ในความหมาย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เขียนโปรแกรมทำงาน เราจะ "กังวลมากขึ้น ด้วยวิธีอะไรไว้
กว่ากับข้อกำหนดของวิธี คำนวณจะมี" (ใช้คำขวัญนี้ ด้วยเม็ดเกลือ,
ไร ประสิทธิภาพเรื่องในบางกรณียัง) เป็นความคิดที่เป็นแบบคอมไพเลอร์ หรือ
งานของล่ามหาวิธีในการเข้าถึงการแก้ปัญหา ไม่โปรแกรมเมอร์ของ.
วิธีมีประโยชน์หนึ่งระบุว่า กำหนดฟังก์ชันคือ อธิบายว่าผลมันจะ
คืนให้แตกต่างกันของปัจจัยการผลิต วิธีมีประสิทธิภาพของการอธิบาย "แตก
อินพุต" ใน Haskell ใช้รูปแบบที่ตรงกัน เราสามารถให้คำนิยามหลายของการ
ทำงาน แต่ละที่มีรูปแบบเฉพาะสำหรับอาร์กิวเมนต์ป้อนเข้าได้ รายการข้อกำหนด
ที่สำเร็จในการจับคู่ฟังก์ชันกำหนดเรียกเป็นหนึ่งที่ใช้สำหรับการโทรที่ ใน
ที่สำเร็จในการจับคู่ฟังก์ชันกำหนดเรียกเป็นหนึ่งที่ใช้สำหรับการโทรที่ ใน
อย่าง คุณสามารถดึงออกหัว และหางของรายการ จับคู่เฉพาะค่าที่ป้อนเข้า ระบุ
ว่างรายการเป็นอาร์กิวเมนต์ (สำหรับสอบปกติ), และวิเคราะห์รูปแบบอื่น ๆ คุณ
ไม่ อย่างไรก็ตาม ทำการเปรียบเทียบค่าจับคู่รูปแบบ (เช่น, " n < = 3 "
ต้องพบแตกต่างกัน) ขีดล่างจะใช้ในตำแหน่งบาง
ต้อง แต่ที่ตรงกันกับค่าจะไม่ใช้ในข้อกำหนด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในการตั้งโปรแกรมเต็มไปด้วยประโยชน์ใช้สอยเราคือ"มากกว่าบางสิ่งบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการกำหนด
กว่าพร้อมด้วยการระบุว่ามีการคำนวณ"(ใช้คำขวัญประจำใจแห่งนี้พร้อมด้วยเมล็ดธัญพืชที่มีเกลือ
แต่ถึงอย่างไรก็ตามยังมี ประสิทธิภาพ เรื่องในบางกรณี) แนวคิดคือการที่ถูกคอมไพเลอร์หรือ
ซึ่งจะช่วยผู้เป็นล่ามของผู้ที่ทำงานในรูปที่ออกมาได้อย่างไรในการเข้าถึงโซลูชันที่ไม่ใช่เครื่องตั้งโปรแกรมที่' s .
วิธีหนึ่งมีประโยชน์ในการระบุวิธีการทำงานที่มีการกำหนดคือการอธิบายว่าผลจะ
กลับมาให้ ประเภท ที่แตกต่างกันของอินพุต วิธีที่ทรงพลังของอธิบายถึง" ประเภท ที่แตกต่างกันไปของ
อินพุต"ใน Eddie Haskell ' s คือการใช้ที่ตรงกับรูปแบบ เราสามารถจัดให้บริการได้หลายคำนิยามของ
ฟังก์ชันที่แต่ละห้องที่มีรูปแบบเฉพาะสำหรับอาร์กิวเมนต์ที่ป้อน ความละเอียดในรายการแรกที่
ตามมาตรฐานที่ประสบความสำเร็จในการเรียกฟังก์ชันที่ตรงกันให้เป็นหนึ่งที่ใช้ในการโทรนั้น
ซึ่งจะช่วยในการนี้ที่ประสบความสำเร็จในการเรียกฟังก์ชันที่ตรงกันให้เป็นหนึ่งที่ใช้ในการโทรนั้น ใน
ลักษณะนี้คุณยังสามารถดึงออกจากหางและหัวของรายการที่ตรงกับค่าอินพุตที่ระบุระบุรายการ
เทเป็นอาร์กิวเมนต์(สำหรับการสอบถามซ้ำโดยปกติแล้ว)และวิเคราะห์รูปแบบอื่นๆ คุณ
ไม่ได้แต่ถึงอย่างไรก็ตามทำการเปรียบเทียบความคุ้มค่าพร้อมด้วยที่ตรงกับรูปแบบ(เช่น" N <= 3 "
จะต้องได้รับการตรวจพบอย่างแตกต่างกันไป) เครื่องหมายขีดล่าง,เครื่องหมายขีดกลางที่จะใช้ในตำแหน่งที่บางสิ่งบางอย่าง
ซึ่งจะช่วยจะต้องตรงกับแต่สถานที่ซึ่งมอบความคุ้มค่าตรงกันที่ไม่ได้ใช้ในการนิยาม