These associational studies have ce

These associational studies have certain limitations regarding the establishment of a causality between vitamin D status and a reduced risk of cancer, e.g., as low serum 25(OH)D levels are also linked with confounding factors related to higher cancer risk, including obesity (vitamin D is sequestered in adipose tissue), and lack of physical activity (correlated with less time outdoors and less solar exposure) [138]. However, a population-based, double-blind, randomized placebo-controlled trial of 4 years duration with more than thousand postmenopausal women, whose principal secondary outcome was cancer incidence, showed that the supplementation with calcium (1400–1500 mg/day) and vitamin D3 (1100 IU/day) reduced the relative risk (RR) of cancer by ~60% (p < 0.01). The repetition of a cancer free survival analysis after the first 12 months revealed, that the relative risk for the calcium + vitamin D group was reduced by ~77% (confidence interval [CI]: 0.09–0.60; p < 0.005). Multiple regression models also showed that both treatment and serum 25(OH)D concentrations were significant, independent predictors of cancer risk [137].

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ศึกษา associational เหล่านี้มีข้อจำกัดบางอย่างเกี่ยวกับสถานประกอบการของ causality ระหว่างสถานะวิตามินดีและลดความเสี่ยงของมะเร็ง เช่น เป็นซีรั่มต่ำ 25 (OH) D ระดับจะเชื่อมโยงกับปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงมะเร็งสูง confounding รวมถึงโรคอ้วน (วิตามิน D ได้นั้นถูกแยกในเปลว), และขาดกิจกรรมทางกายภาพ (correlated กับเวลากลางแจ้ง และ ไม่ต้องรับแสงอาทิตย์) [138] อย่างไรก็ตาม ตามประชากร คนตาบ อดสอง randomized ควบคุมด้วยยาหลอกทดลองระยะเวลา 4 ปีกับผู้หญิง postmenopausal พันกว่า ผลรองสำคัญมีอุบัติการณ์โรคมะเร็ง แสดงให้เห็นว่า แห้งเสริม ด้วยแคลเซียม (1400 – 1500 มิลลิกรัมต่อวัน) และวิตามินดี 3 (1100 IU/วัน) ลดลงความเสี่ยงสัมพัทธ์ (RR) มะเร็ง ~ 60% (p < 0.01) การซ้ำของมะเร็งเป็นฟรีวิเคราะห์อยู่รอดหลังจาก 12 เดือนแรกพบว่า ว่า ถูกลดลงความเสี่ยงสัมพัทธ์สำหรับกลุ่มวิตามิน D แคลเซียม ~ 77% (ช่วงความเชื่อมั่น [CI]: 0.09 – 0.60; p < 0.005) แบบจำลองถดถอยหลายยังแสดงให้เห็นว่า รักษาและซีรั่ม 25 (OH) D ความเข้มข้นสำคัญ อิสระ predictors ของเสี่ยงมะเร็ง [137]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เหล่านี้การศึกษา associational มีข้อ จำกัด บางประการเกี่ยวกับการจัดตั้งเวรกรรมระหว่างสถานะของวิตามินดีและลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งเช่นที่เป็นซีรั่ม 25 ระดับต่ำ (OH) D มีการเชื่อมโยงยังมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงโรคมะเร็งที่สูงขึ้นรวมถึงโรคอ้วน (วิตามิน D เป็นทรัพย์ในเนื้อเยื่อไขมัน) และขาดการออกกำลังกาย (ความสัมพันธ์กับการใช้เวลาน้อยลงกลางแจ้งและการสัมผัสแสงอาทิตย์น้อย) [138] อย่างไรก็ตาม, double-blind, การทดลองใช้ยาหลอกที่ควบคุมประชากรที่ใช้สุ่ม 4 ปีในช่วงระยะเวลาที่มีมากกว่าพันสตรีวัยหมดประจำเดือนที่มีผลหลักที่สองคืออัตราการเกิดโรคมะเร็งแสดงให้เห็นว่าอาหารเสริมที่มีแคลเซียม (1400-1500 mg / วัน) และ วิตามิน D3 (1,100 IU / วัน) ลดความเสี่ยง (RR) ของโรคมะเร็งโดย ~ 60% (p <0.01) ซ้ำของโรคมะเร็งฟรีการวิเคราะห์การอยู่รอดหลังจาก 12 เดือนแรกพบว่าความเสี่ยงสำหรับแคลเซียม + วิตามินดีในกลุ่มลดลง ~ 77% (confidence interval [CI]: 0.09-0.60, p <0.005) แบบจำลองการถดถอยพหุคูณยังแสดงให้เห็นว่าทั้งการรักษาและซีรั่ม 25 (OH) D ความเข้มข้นอย่างมีนัยสำคัญ, พยาก​​รณ์อิสระของความเสี่ยงโรคมะเร็ง [137]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การศึกษาและเหล่านี้มีข้อ จำกัด บางอย่างเกี่ยวกับสถานประกอบการของความสัมพันธ์ระหว่างวิตามินดี สถานะ และลดความเสี่ยงของมะเร็ง เช่น ต่ำระดับ 25 ( OH ) D ระดับยังเชื่อมโยงกับปัจจัยที่เพิ่มโอกาสเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงมะเร็งเพิ่มขึ้น รวมทั้งโรคอ้วน ( วิตามิน D ซ่อนเร้นในเนื้อเยื่อไขมัน )และการขาดกิจกรรมทางกายภาพ ( สัมพันธ์กับเวลาที่น้อยลงและน้อยกว่าแสงอาทิตย์แสงกลางแจ้ง ) [ 138 ] อย่างไรก็ตาม , - ตามจำนวนประชากรแบบสุ่มและใช้ระยะเวลา 4 ปี กับผู้หญิงวัยทองมากกว่าพัน ซึ่งครูใหญ่มัธยมผลอุบัติการณ์โรคมะเร็ง826 ) พบการผกผันของสมาคมราคาอัตราส่วนเป็นมะเร็งด้วยค่ามัธยฐานของ 25 ( OH ) D ซีรั่มระดับ ที่ 16.2 ng / ml ราคาเท่ากับ 1 และ 0.53 ที่ 39.9 ng / ml ( P ≤ 0.01 ) [ 7140 ]แบบจำลองการถดถอยพหุคูณ พบว่า ทั้งการรักษาและระดับ 25 ( OH ) D ความเข้มข้นอย่างอิสระทำนายเสี่ยงมะเร็ง [ 137 ]