The study on management of acid soi

The study on management of acid soils by using organic fertilizer on organic herbal
roselle product was conducted at farmer’s field, Banlam sub-district, Wihandaeng district,
Saraburi province, during October 2008 – September 2010. Soils were classified as Hin Kong
soil series, soil group no.16. The objectives of the research were to study effect of various
soil conditioners with organic fertilizer on soil chemical properties change, yields of roselle
and economic return. The experimental design was randomized complete block with 3
replications. The treatments included 1) control 2) farmers pratice 3) cow dung at rate of 2
tons per rai 4) compost at rate of 2 tons per rai 5) marl at rate of 500 kilogram per rai in
combination with cow dung at rate of 2 tons per rai 6) marl at rate of 500 kilogram per rai in
combination with compost at rate of 2 tons per rai 7) dolomitic limestone at rate of 500
kilogram per rai in combination with cow dung at rate of 2 tons per rai 8) dolomitic limestone
at rate of 500 kilogram per rai in combination with compost at rate of 2 tons per rai. The
results showed that soil pH increased when compare to before experiment. The treatments of
dolomitic limestone in combination with cow dung and dolomitic limestone in combination
with compost showed highest soil pH of 6.5. The highest organic matter and available
potassium content were observed in treatment applied cow dung, which were 2.71% and 150
milligram per kilogram, respectively. The highest available phosphorus and magnesium
content were observed in treatment applied with dolomitic limestone with compost, which
were 19 and 169 milligram per kilogram, respectively. The calcium content was highest in
treatment applied with marl 500 with cow dung, which was 1,625 milligram per kilogram.
The effect of lime and organic fertilizer on roselle yields was found. Application of marl in
combination with cow dung gave highest average roselle yield of 1,519 kilogram per rai.
While for control treatment showed the lowest average yield of 612 kilogram per rai. The
economic analysis showed that the application of marl in combination with cow dung
obtained the highest economic return of 8,490 baht per rai.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การศึกษาการจัดการดินเนื้อปูนกรดโดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์อินทรีย์สมุนไพรกระเจี๊ยบแดงผลิตภัณฑ์ได้ดำเนินการในฟิลด์ของชาวนา ตำบล Banlam เขต Wihandaengจ.สระบุรี ระหว่าง 2551 ตุลาคม – 2553 กันยายน ดินเนื้อปูนได้จัดเป็นหินกองชุดดิน ดินกลุ่ม no.16 มีวัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อ ศึกษาผลของต่าง ๆปรับดิน ด้วยปุ๋ยอินทรีย์ในคุณสมบัติทางเคมีของดินเปลี่ยนแปลง ผลผลิตของกระเจี๊ยบแดงและผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ การออกแบบการทดลองเป็น randomized บล็อกสมบูรณ์ 3ระยะการ การรักษารวม 1) ควบคุม 2) เกษตรกรมูล pratice 3) วัวในอัตรา 2ตันต่อไร่ 4) ปุ๋ยในอัตรา 2 ตันต่อไร่ 5) marl อัตรา 500 กิโลกรัมต่อไร่ในร่วมกับมูลวัวในอัตรา 2 ตันต่อไร่ 6) marl อัตรา 500 กิโลกรัมต่อไร่ในหินปูน dolomitic ร่วมกับปุ๋ยในอัตรา 2 ตันต่อไร่ 7) ราคา 500หินปูน dolomitic กิโลกรัมต่อไร่ร่วมกับมูลวัวในอัตรา 2 ตันต่อไร่ 8)ในอัตรา 500 กิโลกรัมต่อไร่ร่วมกับปุ๋ยในอัตรา 2 ตันต่อไร่ ที่ผลลัพธ์ที่แสดงให้เห็นว่าค่า pH ของดินที่เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับก่อนทดลอง การรักษาของหินปูน dolomitic ร่วมกับมูลวัวและ dolomitic limestone ในชุดกับปุ๋ยพบว่า pH ดินสูง 6.5 อินทรีย์สูงสุด และมีเนื้อหาโพแทสเซียมสุภัคมูลวัวใช้รักษา ซึ่งถูก 2.71% และ 150milligram ต่อกิโลกรัม ตามลำดับ มีฟอสฟอรัสสูงและแมกนีเซียมเนื้อหาที่ถูกสังเกตในการรักษาที่ใช้กับหินปูน dolomitic กับปุ๋ย ที่ได้ 19 และ 169 milligram ต่อกิโลกรัม ตามลำดับ เนื้อหาแคลเซียมสูงที่สุดในการรักษาใช้กับ marl 500 กับมูลวัว ซึ่ง milligram 1,625 ต่อกิโลกรัมพบผลของมะนาวและปุ๋ยอินทรีย์ผลผลิตของกระเจี๊ยบแดง แอพลิเคชันของ marl ในร่วมกับมูลวัวให้กระเจี๊ยบแดงเฉลี่ยผลตอบแทนสูงสุดของ 1,519 กิโลกรัมต่อไร่ในขณะที่สำหรับการควบคุม บำบัดแสดงให้เห็นจากผลตอบแทนเฉลี่ยต่ำสุด 612 กิโลกรัมต่อไร่ ที่วิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์พบว่าการประยุกต์ marl ร่วมกับมูลวัวได้รับผลตอบแทนทางเศรษฐกิจสูงสุด 8,490 บาทต่อไร่

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษาเกี่ยวกับการบริหารจัดการของดินกรดโดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในสมุนไพรอินทรีย์
ผลิตภัณฑ์กระเจี๊ยบได้ดำเนินการที่สนามของเกษตรกร, Banlam ตำบลอำเภอ Wihandaeng,
จังหวัดสระบุรีในช่วงเดือนตุลาคม 2008 - เดือนกันยายน 2010 ดินถูกจัดให้เป็นหินกอง
ดินชุดดิน กลุ่มครั้งที่ 16 วัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อศึกษาผลกระทบของการต่างๆ
ดินด้วยปุ๋ยอินทรีย์ในดินที่มีการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติทางเคมีผลผลิตของกระเจี๊ยบ
และผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ การออกแบบการทดลองแบบ RCB มี 3
ซ้ำ การรักษารวมถึง 1) การควบคุม 2) เกษตรกรฝึก 3) มูลโคในอัตรา 2
ตันต่อไร่ 4) ปุ๋ยหมักในอัตรา 2 ตันต่อไร่ 5) ดินเหนียวในอัตรา 500 กิโลกรัมต่อไร่
ร่วมกับมูลวัวในอัตรา 2 ตันต่อไร่ 6) ดินเหนียวในอัตรา 500 กิโลกรัมต่อไร่
ร่วมกับปุ๋ยหมักในอัตรา 2 ตันต่อไร่ 7) dolomitic หินปูนในอัตรา 500
กิโลกรัมต่อไร่ร่วมกับมูลวัวในอัตรา 2 ตันต่อไร่ 8) dolomitic หินปูน
ในอัตรา 500 กิโลกรัมต่อไร่ร่วมกับปุ๋ยหมักในอัตรา 2 ตันต่อไร่
ผลการศึกษาพบว่าค่า pH ของดินเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับก่อนการทดลอง การรักษาของ
หินปูน dolomitic ร่วมกับมูลวัวและหินปูน dolomitic ร่วม
กับปุ๋ยหมักแสดงให้เห็นว่าค่า pH ของดินที่สูงที่สุด 6.5 สารอินทรีย์ที่มีอยู่สูงสุดและ
เนื้อหาโพแทสเซียมถูกตั้งข้อสังเกตในการรักษาที่ใช้มูลวัวซึ่งเป็น 2.71% และ 150
มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมตามลำดับ ฟอสฟอรัสและแมกนีเซียมสูงสุด
เนื้อหาถูกตั้งข้อสังเกตในการรักษาด้วยการใช้หินปูน dolomitic กับปุ๋ยหมักซึ่ง
มี 19 และ 169 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมตามลำดับ เนื้อหาแคลเซียมสูงที่สุดใน
การรักษาที่ใช้กับดินเหนียว 500 กับมูลวัวซึ่งเป็น 1,625 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม.
ผลของมะนาวและปุ๋ยอินทรีย์ที่มีต่อผลผลิตกระเจี๊ยบก็พบว่า การประยุกต์ใช้ดินเหนียวใน
การรวมกันกับมูลวัวให้ผลผลิตกระเจี๊ยบเฉลี่ยสูงสุดของ 1,519 กิโลกรัมต่อไร่.
ในขณะที่การรักษาควบคุมแสดงให้เห็นว่าอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่ำสุดของ 612 กิโลกรัมต่อไร่
การวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจแสดงให้เห็นว่าการประยุกต์ใช้ดินเหนียวผสมกับมูลวัว
ที่ได้รับผลตอบแทนทางเศรษฐกิจสูงสุดของ 8,490 บาทต่อไร่

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การศึกษาการจัดการดินเปรี้ยวจัด โดยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในผลิตภัณฑ์สมุนไพรกระเจี๊ยบ
อินทรีย์ดำเนินการที่สนามของชาวนา banlam แขวง wihandaeng , เขต
จังหวัดสระบุรี ระหว่างเดือน ตุลาคม 2551 - กันยายน 2553 ดินจัดเป็นหินกอง
16 กลุ่มชุดดินดิน การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของต่างๆ
ปรับอากาศดินด้วยปุ๋ยอินทรีย์ การเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติทางเคมีของดิน ผลผลิต ของกระเจี๊ยบแดง
และผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ ใช้แผนการทดลองแบบ randomized complete block มี 3
ซ้ำ การรักษาประกอบด้วย 1 ) การควบคุม 2 ) เกษตรกรปฏิบัติ 3 ) ขี้วัวอัตรา 2 ตันต่อไร่ 4
) ปุ๋ยหมัก อัตรา 2 ตันต่อไร่ 5 ) ดินสอพองในอัตรา 500 กิโลกรัมต่อไร่ ใน
ผสมกับขี้วัวที่อัตรา 2 ตันต่อไร่ 6 ) ดินสอพองในอัตรา 500 กิโลกรัมต่อไร่ ร่วมกับปุ๋ย
อัตรา 2 ตันต่อไร่ และ 7 ) โดโลมิติค ไลม์ ตนในอัตรา 500
กิโลกรัมต่อไร่ ผสมกับขี้วัวที่อัตรา 2 ตันต่อไร่ในอัตรา 8
) โดโลมิติค ไลม์ ตน 500 กิโลกรัมต่อไร่ ผสมกับปุ๋ยหมัก อัตรา 2 ตันต่อไร่
ผลการศึกษาพบว่า pH ของดินจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนการทดลอง การรักษาของ
โดโลมิติค ไลม์ ตนผสมกับขี้วัว และ โดโลมิติค ไลม์ ตนในการรวมกันกับปุ๋ยหมัก พบ Ph ดิน
สูงสุด 6.5 . อินทรียวัตถุและใช้ได้
โพแทสเซียมพบว่าในการใช้มูลวัวซึ่งเป็น 2.71 % และ 150
มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ตามลำดับสูงสุดของฟอสฟอรัสและแมกนีเซียม
เนื้อหาพบว่าในการประยุกต์กับโดโลมิติค ไลม์ ตนกับปุ๋ยหมักซึ่ง
อายุ 19 169 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ตามลำดับ ปริมาณแคลเซียมสูงสุดในการประยุกต์กับดินสอพอง 500
กับขี้วัวที่ 1272 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
ผลของมะนาวและปุ๋ยอินทรีย์ต่อผลผลิตกระเจี๊ยบแดง พบการใช้ดินสอพองผสมกับมูลวัวใน
ให้สูงสุดเฉลี่ยกระเจี๊ยบผลผลิตที่กิโลกรัมต่อไร่ ในขณะที่กลุ่มควบคุมมี
ต่ำสุดเฉลี่ยผลผลิตต่อกิโลกรัมต่อไร่
การวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์ พบว่า การใช้ดินสอพองผสมกับขี้วัวที่ได้ผลตอบแทนมากที่สุด

8490 บาทต่อไร่