At the farmers market where our cro

At the farmers market where our crops were sold, loose-leaf salad greens sold for $26.52/kg and bunched greens (such as kale and chard) sold for $8.82/kg, which shows that for most months, sales were greater than energy costs when selling at farmers markets. Farmers receive higher farm gate prices when selling direct-to-consumers compared to lower farm gate prices for indirect outlets (distributors, retailers, and institutional buyers). Moreover, certain growing practices can allow farmers to receive a premium for their product. For example, hydroponic and USDA organic greens often fetch a higher price than conventional products.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ที่ตลาดเกษตรกรที่พืชผลของเราถูกขาย ขายผักสลัด loose-leaf สำหรับ $26.52 กิโลกรัม และพัวสีเขียว (เช่นผัก chard) ขายสำหรับ $8.82/กก. ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเดือนมากที่สุด ขายถูกต้นทุนพลังงานมากกว่าเมื่อขายที่ตลาดเกษตรกร เกษตรกรได้รับราคาที่ประตูฟาร์มสูงขึ้นเมื่อขายตรงผู้บริโภคเมื่อเทียบกับลดราคาประตูฟาร์มร้านทางอ้อม (ผู้จัดจำหน่าย ปลีก และผู้ซื้อสถาบัน) นอกจากนี้ ปฏิบัติบางเติบโตสามารถให้เกษตรกรรับพรีเมี่ยมสำหรับผลิตภัณฑ์ของตน สำหรับตัวอย่าง สีและผักอินทรีย์จากมักจะนำราคาสูงกว่าผลิตภัณฑ์ทั่วไป

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในตลาดของเกษตรกรที่ปลูกพืชของเราถูกขายสลัดหลวมใบเขียวที่ขายได้สำหรับ $ 26.52 / กกและสีเขียวพัว (เช่นผักคะน้าและชาร์ท) ขายสำหรับ $ 8.82 / กก. ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นเวลาหลายเดือนส่วนใหญ่มียอดขายสูงกว่าค่าใช้จ่ายพลังงานเมื่อ ขายที่ตลาดเกษตรกร เกษตรกรได้รับราคาหน้าฟาร์มที่สูงขึ้นเมื่อขายโดยตรงกับผู้บริโภคเมื่อเทียบกับประตูฟาร์มราคาที่ต่ำกว่าสำหรับร้านอ้อม (ผู้จัดจำหน่ายผู้ค้าปลีกและผู้ซื้อสถาบัน) นอกจากนี้การปฏิบัติที่เพิ่มขึ้นบางอย่างสามารถช่วยให้เกษตรกรที่จะได้รับเบี้ยประกันภัยสำหรับผลิตภัณฑ์ของตน ยกตัวอย่างเช่นไฮโดรโปนิ USDA และผักอินทรีย์มักจะเรียกราคาที่สูงกว่าสินค้าทั่วไป

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ที่ตลาดเกษตรกรที่พืชผลของเราถูกขายหลวมใบผักสลัดขายสำหรับ $ 26.52/kg พัว ( และผักเช่นผักคะน้าและ Chard ) ขายสำหรับ $ 8.82/kg ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหลายเดือนมากที่สุด ยอดขายมากกว่าต้นทุนพลังงานเมื่อขายที่ตลาดเกษตรกรเกษตรกรได้รับสูงกว่าฟาร์มประตูราคาเมื่อขายโดยตรงให้กับผู้บริโภค เมื่อเทียบกับราคาประตูราคาฟาร์มร้านทางอ้อม ( ผู้ค้าปลีกและผู้ซื้อสถาบัน ) นอกจากนี้ การเติบโตที่แน่นอนสามารถช่วยให้เกษตรกรที่จะได้รับพรีเมี่ยมสำหรับผลิตภัณฑ์ของตน ตัวอย่างเช่น hydroponic และ USDA อินทรีย์ผักมักจะกลับมีราคาสูงกว่าผลิตภัณฑ์ปกติ