This is a descriptive research to i

This is a descriptive research to identify the factors affecting the adversity experienced
by nurses and office workers. The research was conducted among 270 nurses at a general
hospital and 192 office workers in the metropolitan area, and the collected data were
analyzed using an SPSS 20.0 program. Statistically significant differences were found in
emotional intelligence and the adversity quotient between nurses and office workers.
Nurses had both variables at lower levels compared to office workers. Statistically
significant correlation was found between the adversity quotient and emotional
intelligence in each group. In each group, emotional intelligence significantly affected
statistically the adversity quotient. It accounted for 19.0% for nurses and 26.0% for office
workers. On the basis of these results, it is necessary to develop and employ a program to
improve emotional intelligence, which was found to affect the level of adversity quotient,
and develop an intervention strategy to raise the adversity quotient, particularly a
customized intervention strategy for nurses who had emotional intelligence and adversity
quotient at lower levels compared to office workers. The objective is to help them cope
efficiently with their changing job environment and to improve the quality of each work
service, the nurses’ and office workers’ job satisfaction, and their quality of life.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

นี้เป็นการวิจัยอธิบายระบุปัจจัยที่มีผลต่อความทุกข์ยากมีประสบการณ์โดยพยาบาลและสำนักงานแรงงาน ดำเนินการวิจัยระหว่าง 270 พยาบาลทั่วไปโรงพยาบาลและสำนักงานแรงงาน 192 ในปริมณฑล และข้อมูลที่รวบรวมได้วิเคราะห์โดยใช้โปรแกรม SPSS 20.0 พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติในความฉลาดทางอารมณ์และผลหารความทุกข์ยากระหว่างพยาบาลและสำนักงานแรงงานพยาบาลมีทั้งตัวแปรในระดับที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับคนทำงาน ทางสถิติความสัมพันธ์ที่สำคัญถูกพบระหว่างหารความทุกข์ยาก และอารมณ์ปัญญาในแต่ละกลุ่ม ในแต่ละกลุ่ม ความฉลาดทางอารมณ์อย่างมากได้รับผลกระทบทางสถิติหารความทุกข์ยาก มันคิดเป็น 19.0% สำหรับพยาบาลและ 26.0% สำหรับสำนักงานคนงาน บนพื้นฐานของผลลัพธ์เหล่านี้ จึงจำเป็นต้องพัฒนา และใช้โปรแกรมปรับปรุงความฉลาดทางอารมณ์ ซึ่งพบว่ามีผลต่อระดับของแผนและพัฒนากลยุทธ์การแทรกแซงเพื่อยกระดับผลหารความทุกข์ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกลยุทธ์การแทรกแซงการกำหนดเองสำหรับพยาบาลที่มีความฉลาดทางอารมณ์และความทุกข์ยากผลหารในระดับที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับคนทำงาน วัตถุประสงค์จะช่วยให้พวกเขารับมือกับสภาพแวดล้อมของงานที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ เพื่อปรับปรุงคุณภาพของงานแต่ละบริการ ความพึงพอใจของพยาบาลและสำนักงานแรงงานงาน และคุณภาพชีวิต

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

นี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนาเพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความทุกข์ยากที่มีประสบการณ์
โดยพยาบาลและสำนักงานแรงงาน การวิจัยได้ดำเนินการในหมู่ 270 พยาบาลทั่วไป
โรงพยาบาลและสำนักงานแรงงาน 192 ในพื้นที่นครบาลและการเก็บรวบรวมข้อมูลที่ถูก
วิเคราะห์โดยใช้โปรแกรม SPSS 20.0 โปรแกรม สถิติแตกต่างที่สำคัญที่พบใน
ความฉลาดทางอารมณ์และความฉลาดทางความทุกข์ยากระหว่างพยาบาลและสำนักงานแรงงาน.
พยาบาลมีตัวแปรทั้งในระดับที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับสำนักงานแรงงาน สถิติ
ความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญได้รับการพบกันระหว่างความฉลาดทางความทุกข์ยากและอารมณ์
ปัญญาในแต่ละกลุ่ม ในแต่ละกลุ่มความฉลาดทางอารมณ์ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ
ทางสถิติความฉลาดทางความทุกข์ยาก มันคิดเป็น 19.0% สำหรับพยาบาลและ 26.0% สำหรับสำนักงาน
แรงงาน บนพื้นฐานของผลเหล่านี้ก็เป็นสิ่งจำเป็นในการพัฒนาและใช้โปรแกรมเพื่อ
ปรับปรุงความฉลาดทางอารมณ์ซึ่งพบว่าจะมีผลต่อระดับของความทุกข์ยากหาร,
และพัฒนากลยุทธ์การแทรกแซงที่จะยกระดับความฉลาดทางความทุกข์ยากโดยเฉพาะ
กลยุทธ์การแทรกแซงที่กำหนดเองสำหรับพยาบาล ที่มีความฉลาดทางอารมณ์และความทุกข์ยาก
ความฉลาดในระดับที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับสำนักงานแรงงาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้พวกเขารับมือ
ได้อย่างมีประสิทธิภาพกับสภาพแวดล้อมงานของพวกเขาเปลี่ยนแปลงและการปรับปรุงคุณภาพของการทำงานของแต่ละ
บริการพยาบาลและสำนักงานแรงงาน 'พึงพอใจในงานและคุณภาพชีวิตของพวกเขา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงบรรยาย เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความมีประสบการณ์พยาบาลและพนักงานสำนักงาน งานวิจัยนี้ได้ทำการศึกษาระหว่าง 270 พยาบาลทั่วไปโรงพยาบาลและ 192 คนวัยทำงานในเขตกรุงเทพมหานคร และวิเคราะห์ข้อมูลวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป SPSS 20.0 . แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่พบในความฉลาดทางอารมณ์และความสามารถในการเผชิญและฝ่าฟันอุปสรรคระหว่างพยาบาลและคนงานสำนักงานพยาบาลทั้งสองมีตัวแปรในระดับต่ำกว่าพนักงานออฟฟิศ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติพบว่าระหว่างฟันฝ่าอุปสรรคและอารมณ์ความฉลาดในแต่ละกลุ่ม ในแต่ละกลุ่ม เชาวน์อารมณ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติสถิติฟันฝ่าอุปสรรค . มันเป็น 19.0% สำหรับพยาบาลและ 26.0% สำหรับสำนักงานคนงาน บนพื้นฐานของผลลัพธ์เหล่านี้มีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาและใช้โปรแกรมพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ ซึ่งพบว่ามีผลต่อระดับของความสามารถในการเผชิญและฝ่าฟันอุปสรรค ,และพัฒนากลยุทธ์การแทรกแซงเพื่อเพิ่มความสามารถในการเผชิญและฝ่าฟันอุปสรรคโดยเฉพาะปรับกลยุทธ์การแทรกแซงสำหรับพยาบาลที่มีความฉลาดทางอารมณ์และเคราะห์กรรมหารในระดับต่ำกว่าพนักงานออฟฟิศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้พวกเขารับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในงาน และปรับปรุงคุณภาพของแต่ละงานบริการ พยาบาล และคนงานสำนักงาน ความพึงพอใจในงาน และคุณภาพของชีวิต