A Melbourne mother has blamed her 1

A Melbourne mother has blamed her 14-year-old daughter's suicide on the internet and the tragic case has highlighted the problem of cyber bullying among young people.

In Australia, one of the first comprehensive studies of cyber bullying shows about 10 per cent of teenagers and children have experienced some form of sustained bullying using technology.

It is a behaviour that can have tragic consequences.

Speaking on Melbourne radio, mother Karen Rae is in no doubt that cyber bullying was responsible for the death of her 14-year-old daughter.

"Friday night she was on the internet and told me about some message that had come through, and she wanted to die because of the message," Ms Rae said.

"I laid in bed with her in my bed and we discussed it for about an hour and she left me fairly happy. I can guarantee you if she didn't go on the internet Friday night she'd be alive today."

The girl's death has devastated her family and friends and has dramatically brought to the fore the impact of cyber bullying.

Depression, anxiety

Professor Donna Cross from Edith Cowan University has completed a landmark study on cyber bullying, commissioned by the Federal Government.

Professor Cross describes cyber bullying as "any bullying behaviour that is delivered through technology - through mobile phones or over the internet".

She says kids who have been bullied are much more likely to suffer from depression and anxiety.

"We know that probably the most significant effects on children who've been bullied are effects on their mental health," she said.

"They're much more likely to feel depressed, anxious, their self-esteem is affected, there are some students that report suicide ideation; it has very serious immediate effects and long-term effects."

Twenty-thousand Australian school children were surveyed using a combination of anonymous questionnaires and interviews.

According to the survey conducted by Professor Cross, about 10 per cent of young people reported they were being cyber bullied.

'Chain of abuse'

One of those young people who has been the target of cyber bullying is Tom Wood.

"I was involved in a lot of forums and websites on the net and one of them had members that wanted to abuse others just to get reactions," he said.

"I tried to stand up to him one day and it just started a chain of continuous abuse and threats."

Mr Wood had no idea how to respond to the abuse that was being directed at him online.

He recalls the experience from a few years ago and how difficult it was to speak up about what was happening.

"For a while I didn't know and I didn't react and stop it, instead my thoughts were it wasn't worth telling my parents," he said.

"It would have just alarmed them; they wouldn't have any idea of what to do, so I thought I'd just keep retaliating and not put up with it.

"But after a while I realised all it did was make it get worse and kept provoking the situation, so at the end I just decided not to respond and after a while I didn't get any abuse any more and it just stopped it, simple as that."

Since his experience, Mr Wood has become an activist speaking in schools about tackling cyber bulling.

He says the internet is a positive and important social tool for young people and just switching off the computer in order to deal with cyber bullying is not a realistic option.

"I usually tell them not to respond to the bully but try to block and delete them," he said.

"Save the evidence and report the abuse to the administrator, because most of the time that will effectively stop it."

Not taken seriously?

But for Professor Cross, one of the biggest problems identified by her research is that young people do not think adults take cyber bullying seriously.

"The young people would say the greatest harm is that they feel they can't tell anybody, that covert bullying is something that adults would think isn't that serious," she said.

"Having a rumour spread about you, does that really hurt you? Young people would say, yes, it does, it hurts us enormously, it hurts our reputation, our sense of popularity, and as a result it really can do some harm to us socially, emotionally and mentally."

And what many cyber bullies do not realise is that the abuse which may be meted out over the net or mobile phone may well put them not just outside acceptable social norms but also the law.

Lawyer James Newman says the act of cyber bullying could result in criminal charges.

"There can be offences against the Commonwealth Crimes Act for things all the way from threats to kill down to simply harassment," he said.

"If that harassment, threats to injure, threats to kill occur over telecommunications equipment, those students can be exposing themselves to criminal charges."

There are now calls for parents, schools and children to act together to combat the growing problem of cyber bullying.

"The group that has the greatest opportunity to change this behaviour are peers - we need young people to say, 'we

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แม่เมลเบิร์นมีตำหนิอายุ 14 ปีลูกสาวของเธอฆ่าตัวตายบนอินเทอร์เน็ต และกรณีน่าเศร้าได้เน้นปัญหาการกลั่นแกล้งไซเบอร์ในหมู่คนหนุ่มสาวในออสเตรเลีย การศึกษาครอบคลุมแรกของไซเบอร์ที่แสดงเกี่ยวกับ 10 ร้อยละของเด็กและวัยรุ่นมีประสบการณ์บางรูปแบบของการกลั่นแกล้งอย่างใดอย่างหนึ่งคงกลั่นแกล้งโดยใช้เทคโนโลยีมันเป็นพฤติกรรมที่สามารถมีผลกระทบที่น่าเศร้าพูดวิทยุเมลเบิร์น แม่เรกะเหรี่ยงอยู่ในข้อสงสัยที่กลั่นแกล้งไซเบอร์รับผิดชอบการตายของลูกสาวอายุ 14 ปี"คืนเธอบนอินเทอร์เน็ต และบอกฉันเกี่ยวกับข้อความบางอย่างที่ได้มาผ่าน และเธออยากตายเนื่องจากข้อความ เร Ms กล่าว"เราวางเตียงกับเตียงของผม และเรากล่าวถึงสำหรับชั่วโมง และเธอทิ้งฉันค่อนข้างมีความสุข ฉันสามารถรับประกันคุณถ้าเธอไม่ได้ไปบนอินเทอร์เน็ตคืนเธอจะมีชีวิตอยู่วันนี้"ตายของหญิงสาวได้ทำลายครอบครัวและเพื่อนของเธอ และได้นำมากข้างหน้าผลกระทบของการกลั่นแกล้งไซเบอร์ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวลข้าม Donna ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัย Cowan เอดิธเสร็จการศึกษาสถานที่สำคัญบนโลกไซเบอร์รุนแรง โดยรัฐบาลข้ามอาจารย์อธิบายกลั่นแกล้งไซเบอร์เป็น "พฤติกรรมการคุกคามที่ส่งผ่านเทคโนโลยี - ผ่านโทรศัพท์มือถือ หรืออินเทอร์เน็ต อยู่"เธอบอกว่า เด็กที่ถูกรังแกมักจะทุกข์ทรมานจากภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวลเธอกล่าวว่า "เรารู้ว่า อาจจะผลกระทบสำคัญที่สุดในเด็กที่ได้รับการรังแก ผลสุขภาพของจิตใจ"ก็มักจะรู้สึกหดหู่ วิตกกังวล ความนับถือตนเองของพวกเขาได้รับผลกระทบ มีนักเรียนที่รายงาน ideation ฆ่าตัวตาย มันได้ผลทันทีที่ร้ายแรงผลกระทบระยะยาว"เด็กออสเตรเลียสอง - หมื่นถูกสำรวจโดยใช้แบบไม่ระบุชื่อแบบสอบถามและสัมภาษณ์ตามการสำรวจ โดยศาสตราจารย์ข้าม ประมาณร้อยละ 10 ของคนหนุ่มสาวรายงานพวกเขาถูกไซเบอร์ที่ถูกกลั่นแกล้ง'ห่วงโซ่ของการละเมิด'เหล่าคนหนุ่มสาวที่มีเป้าหมายของการกลั่นแกล้งไซเบอร์อย่างใดอย่างหนึ่งคือไม้ Tomเขากล่าวว่า "เกี่ยวข้องกับกระดานข่าวและเว็บไซต์บนสุทธิ และหนึ่งในนั้นมีสมาชิกที่ต้องการละเมิดผู้อื่นเพียงเพื่อให้ปฏิกิริยา"พยายามยืนขึ้นเขาวันหนึ่ง และมันเพิ่งเริ่มต้นห่วงโซ่ของการละเมิดอย่างต่อเนื่องและการคุกคาม"นายไม้มีความคิดวิธีการละเมิดที่ถูกกำกับที่เขาออนไลน์เขาเรียกคืนประสบการณ์กี่ปีแล้ว และว่ายากมันก็พูดขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น"ในขณะที่ผมไม่ทราบ และผมไม่ได้ตอบสนอง และหยุด แทน ความคิดของฉันถูกไม่คุ้มบอกว่า พ่อแม่ของฉัน เขากล่าวว่า"มันจะมีแค่ตกใจพวกเขา พวกเขาจะไม่มีความคิดใด ๆ ของสิ่งที่ต้องทำ ดังนั้นฉันคิดว่า ฉันจะเพียงเก็บ retaliating และไม่ทนกับมัน" แต่หลังชั่วคราวทั้งหมดมันไม่ได้ทำให้มันแย่ลง และเก็บไว้ยั่วปลาย เพียงตัดสินใจไม่ตอบสนองหลังกลับไม่ได้ละเมิดใด ๆ อีก และเพียงหยุด สถานการณ์ ง่ายที่"ตั้งแต่ประสบการณ์ นายไม้ได้กลายเป็น นักกิจกรรมพูดในโรงเรียนเกี่ยวกับการแก้ปัญหาเบอร์ bullingเขากล่าวว่า อินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือสังคมบวก และสิ่งสำคัญสำหรับคนหนุ่มสาว และเพิ่งเปลี่ยนเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อจัดการกับไซเบอร์กลั่นแกล้งไม่ได้ตัวจริง"ฉันมักจะบอกพวกเขาไม่ตอบสนองต่อการคนพาล แต่พยายามบล็อก และลบ, " เขากล่าวว่า"บันทึกหลักฐาน และรายงานการใช้ผู้ดูแลระบบ เนื่องจากส่วนใหญ่ของเวลาที่จะมีประสิทธิภาพหยุด"ไม่ได้ถ่ายอย่างจริงจังแต่สำหรับศาสตราจารย์ข้าม หนึ่งในปัญหาใหญ่ที่สุดโดยงานวิจัยของเธอว่า คนหนุ่มสาวไม่คิดว่า ผู้ใหญ่ใช้อย่างจริงจังในการกลั่นแกล้งไซเบอร์"คนหนุ่มสาวจะบอกว่า เป็นอันตรายมากที่สุดว่า พวกเขารู้สึกว่า พวกเขาไม่สามารถบอกใคร ที่ กลั่นแกล้งแอบแฝงเป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่คิดว่า ไม่ร้ายแรงว่า, " เธอกล่าวว่า"มีข่าวลือที่แพร่กระจายเกี่ยวกับคุณ ไม่ที่จริง ๆ ค่ะคุณ คนหนุ่มสาวจะบอกว่า ใช่ ไม่ มันเจ็บเราอย่างมาก มันเจ็บชื่อเสียง ความนิยม ความของเรา และเป็นผล จริง ๆ สามารถทำอันตรายบางเราสังคม อารมณ์ และจิตใจ"และไซเบอร์จำนวนมากที่ผู้กลั่นแกล้งไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งที่ละเมิดซึ่งอาจได้จากสุทธิหรือโทรศัพท์มือถือ อาจดีใส่ไม่นอกบรรทัดฐานทางสังคมที่ยอมรับได้ แต่กฎหมายนิวแมน James ทนายความกล่าวว่า อาจมีผลให้การกระทำของการกลั่นแกล้งไซเบอร์อาญา"ไม่สามารถจะกระทำผิดจากการกระทำอาชญากรรมเครือจักรภพอย่างทางจากภัยคุกคามฆ่าลงไปเพียงแค่ก่อกวน เขากล่าวว่า"ถ้าที่คุกคาม การคุกคามทำร้าย ภัยคุกคามฆ่าเกิดผ่านอุปกรณ์โทรคมนาคม นักเรียนที่สามารถจะเปิดเผยตัวเองกับอาญา"ขณะนี้มีโทร โรงเรียนเด็ก และผู้ปกครองทำร่วมกันเพื่อต่อสู้ปัญหาเจริญเติบโตของการกลั่นแกล้งไซเบอร์"กลุ่มที่มีโอกาสมากที่สุดเพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนี้เป็นเพื่อน - เราต้องคนหนุ่มจะบอกว่า, ' เรา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แม่เมลเบิร์นได้กล่าวหาว่าฆ่าตัวตายลูกสาว 14 ปีของเธอบนอินเทอร์เน็ตและกรณีที่น่าเศร้าได้เน้นปัญหาของการกลั่นแกล้งไซเบอร์ในหมู่คนหนุ่มสาว. ในประเทศออสเตรเลียซึ่งเป็นหนึ่งในการศึกษาครั้งแรกที่ครอบคลุมของการกลั่นแกล้งไซเบอร์แสดงให้เห็นเกี่ยวกับร้อยละ 10 ของวัยรุ่นต่อ และเด็กมีประสบการณ์รูปแบบของยั่งยืนกลั่นแกล้งโดยใช้เทคโนโลยีบางอย่าง. มันเป็นพฤติกรรมที่สามารถมีผลกระทบที่น่าเศร้า. พูดในวิทยุเมลเบิร์น, แม่กะเหรี่ยงแรอยู่ในข้อสงสัยว่าการกลั่นแกล้งไซเบอร์เป็นผู้รับผิดชอบการตายของลูกสาว 14 ปีของเธอไม่มี . "คืนวันศุกร์ที่เธออยู่บนอินเทอร์เน็ตและบอกฉันเกี่ยวกับข้อความบางอย่างที่ผ่านเข้ามาและเธอก็อยากจะตายเพราะของข้อความ" Ms แรกล่าวว่า. "ผมวางอยู่บนเตียงกับเธอในเตียงของฉันและเราพูดถึงมัน ประมาณหนึ่งชั่วโมงเธอทิ้งฉันมีความสุขอย่างเป็นธรรม. ฉันสามารถรับประกันคุณถ้าเธอไม่ได้ไปบนอินเทอร์เน็ตในคืนวันศุกร์ที่เธอต้องการจะมีชีวิตอยู่ในวันนี้. " ความตายของหญิงสาวที่ได้ทำลายครอบครัวและเพื่อน ๆ ของเธอและได้นำไปก่อนอย่างรวดเร็วที่ . ผลกระทบของการกลั่นแกล้งอาการซึมเศร้าวิตกกังวลศาสตราจารย์เอกข้ามจาก Edith Cowan University ได้เสร็จสิ้นการศึกษาสถานที่สำคัญในการกลั่นแกล้งไซเบอร์โดยนายรัฐบาล. ศาสตราจารย์ครอสอธิบายกลั่นแกล้งไซเบอร์เป็น "พฤติกรรมการข่มขู่ใด ๆ ที่จะถูกส่งผ่านเทคโนโลยี - ผ่านทางโทรศัพท์มือถือหรือ ผ่านทางอินเทอร์เน็ต ". เธอบอกว่าเด็กที่ได้รับการรังแกมีมากมีแนวโน้มที่จะประสบภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล. " เรารู้ว่าอาจจะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญมากที่สุดในเด็กที่ได้รับการรังแกที่มีผลกระทบต่อสุขภาพจิตของพวกเขา "เธอกล่าว"พวกเขากำลังมากมีแนวโน้มที่จะรู้สึกหดหู่กังวลความภาคภูมิใจในตนเองของพวกเขาได้รับผลกระทบมีนักเรียนบางคนที่รายงานความคิดฆ่าตัวตาย; มันมีผลในทันทีอย่างจริงจังและเป็นผลกระทบระยะยาว. " ยี่สิบพันเด็กนักเรียนออสเตรเลียได้ทำการสำรวจโดยใช้การรวมกันของแบบสอบถามที่ไม่ระบุชื่อและสัมภาษณ์. ตามการสำรวจที่จัดทำโดยศาสตราจารย์ครอประมาณร้อยละ 10 ของคนหนุ่มสาวรายงานว่าพวกเขาถูก ไซเบอร์รังแก. 'ห่วงโซ่ของการละเมิด' หนึ่งของคนหนุ่มสาวผู้ที่ได้รับการกำหนดเป้าหมายของการกลั่นแกล้งไซเบอร์คือทอมไม้. "ผมมีส่วนร่วมในจำนวนมากของฟอรั่มและเว็บไซต์ในสุทธิและหนึ่งในนั้นมีสมาชิกที่อยากจะละเมิดคนอื่น ๆ เพียงเพื่อให้ได้ปฏิกิริยา "เขากล่าว. " ผมพยายามที่จะยืนขึ้นกับเขาในวันหนึ่งและมันเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นของห่วงโซ่ของการละเมิดอย่างต่อเนื่องและภัยคุกคาม. " นายไม้มีความคิดวิธีการที่จะตอบสนองต่อการละเมิดที่ถูกผู้กำกับที่เขาออนไลน์ไม่มี . เขาจำได้ประสบการณ์จากไม่กี่ปีที่ผ่านมาและวิธีการที่มันเป็นเรื่องยากที่จะพูดขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น. the "สำหรับในขณะที่ผมไม่ทราบและผมไม่ได้ตอบสนองและหยุดมันแทนความคิดของฉันมันไม่ได้ มูลค่าบอกพ่อแม่ของฉัน "เขากล่าว. " มันจะได้ตื่นตระหนกเพียงแค่พวกเขา; พวกเขาจะได้มีความคิดว่าจะทำอย่างไรใด ๆ ดังนั้นฉันคิดว่าฉันต้องการเพียงแค่ให้ตอบโต้และไม่ใส่กับมัน. " แต่หลังจากที่ในขณะที่ฉันตระหนักทั้งหมดก็ไม่ได้ทำให้มันแย่ลงและเก็บไว้ยั่วสถานการณ์ดังนั้น ในที่สุดผมก็ตัดสินใจที่จะไม่ตอบสนองและหลังในขณะที่ฉันไม่ได้รับการละเมิดใด ๆ มากขึ้นและมันก็หยุดมันง่ายเหมือนที่. " เนื่องจากประสบการณ์ของเขานายไม้ได้กลายเป็นกิจกรรมที่พูดในโรงเรียนเกี่ยวกับการแก้ปัญหา bulling ไซเบอร์ . เขาบอกว่าอินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือทางสังคมในเชิงบวกและมีความสำคัญสำหรับคนหนุ่มสาวและเพียงแค่ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อที่จะจัดการกับการกลั่นแกล้งไซเบอร์ไม่ได้เป็นตัวจริง. "ฉันมักจะบอกพวกเขาไม่ได้ที่จะตอบสนองต่อคนพาล แต่พยายามที่จะป้องกันและ ลบพวกเขา "เขากล่าว. " บันทึกหลักฐานและรายงานการละเมิดในการดูแลระบบเพราะส่วนใหญ่เวลาที่มีประสิทธิภาพจะหยุดมัน. " ยังไม่ได้ดำเนินการอย่างจริงจัง? แต่สำหรับศาสตราจารย์ครอสซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่ระบุโดยงานวิจัยของเธอคือ ว่าคนหนุ่มสาวไม่คิดว่าผู้ใหญ่จะใช้กลั่นแกล้งไซเบอร์อย่างจริงจัง. "คนหนุ่มสาวจะบอกว่าอันตรายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการที่พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาไม่สามารถบอกใครว่ากลั่นแกล้งแอบแฝงเป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่จะคิดว่าไม่ร้ายแรงว่า" เธอกล่าว . "มีข่าวลือแพร่กระจายเกี่ยวกับคุณไม่ว่าจริงๆทำร้ายคุณ? คนหนุ่มสาวที่จะบอกว่าใช่มันไม่ทำร้ายเราอย่างมากมันเจ็บชื่อเสียงของเราความรู้สึกของความนิยมของเราและเป็นผลจริงๆมันสามารถทำอันตรายบางอย่างเพื่อให้เราสังคมอารมณ์และจิตใจ. " และสิ่งที่ไซเบอร์รังแกหลายคนทำ ไม่ตระหนักคือว่าการละเมิดซึ่งอาจจะกระจายออกไปสุทธิหรือโทรศัพท์มือถือที่ดีอาจทำให้พวกเขาไม่เพียง แต่ได้รับการยอมรับนอกบรรทัดฐานของสังคม แต่ยังกฎหมาย. ทนายความเจมส์นิวแมนกล่าวว่าการกระทำของการข่มขู่ไซเบอร์อาจส่งผลให้ค่าใช้จ่ายทางอาญา. "มีสามารถ เป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติเครือจักรภพอาชญากรรมสำหรับสิ่งที่ทุกทางจากภัยคุกคามที่จะฆ่าลงไปเพียงแค่การล่วงละเมิด "เขากล่าว. " ถ้าการล่วงละเมิดที่ภัยคุกคามจะทำร้ายภัยคุกคามที่จะฆ่าเกิดขึ้นในอุปกรณ์โทรคมนาคมนักเรียนเหล่านั้นสามารถเปิดเผยตัวเองเพื่อความผิดทางอาญา ค่าใช้จ่าย ". ขณะนี้เรียกร้องให้พ่อแม่ผู้ปกครองโรงเรียนและเด็กที่จะทำหน้าที่ร่วมกันในการต่อสู้กับปัญหาการเจริญเติบโตของการกลั่นแกล้งไซเบอร์. " กลุ่ม บริษัท ที่มีโอกาสมากที่สุดที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมนี้เพื่อน - เราต้องการคนหนุ่มสาวที่จะพูดว่า 'เรา