สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากวิชาวาดเส้นและสีน้ำคือการวัดขนาดของสิ่งของให้เหมาะสมและสมส่วน ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการทำงานให้ดูสวยงามและเหมาะสมมากที่สุด แต่อีกอย่างหนึ่งที่เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กันก็คือ การเข้าใจมุมมอง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราควรรู้และทำความเข้าใจกับมัน เพราะถ้าเราเปลี่ยนมุมมองไปเพียงนิดเดียว ย่อมหมายถึงสิ่งที่เรากำลังจะวาดลงไปนั้น สัดส่วนย่อมเปลี่ยนไปแล้ว ซึ่งวิชานี้นั้นสอนให้เราเป็นคนที่มีความละเอียด รอบคอบ และ ช่างสังเกตไปด้วย แต่อีกสิ่งหนึ่งที่เมื่อเราทำการวัดขนาดให้เหมาะสมและสมส่วนแล้ว ต่อมาคือการลงแสงเงาให้สมจริง ซึ่งการลงแสงเงานั้นเราต้องคำนึงถึงน้ำหนักและลักษณะของพื้นผิวที่แตกต่างกันไปในแต่ละวัสดุด้วย นับเป็นสิ่งที่ทำให้เราเข้าใจในเรื่องของพื้นผิวที่เป็นสิ่งของตามธรรมชาติและสิ่งของที่มนุษย์สร้างขึ้นได้เป็นอย่างดี
ในแต่ละพื้นที่ย่อมมีบรรยากาศที่แตกต่างกันไป ซึ่งวิชาสีน้ำ ที่ทำให้เราเข้าใจในเรื่องของแสงในบรรยากาศว่า แสงในแต่ละช่วงเวลานั้นย่อมมีสีที่แตกต่างกันไปและความรู้สึกก็จะแตกต่างกันด้วย นับเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราสามารถเลือกใช้แสงสีเหล่านี้ในการสร้างบรรยากาศสำหรับผู้อยู่อาศัยในงานออกแบบตกแต่งภายในได้เป็นอย่างดี
รวมถึงวิชาเขียนแบบต้องคำนึงถึงน้ำหนักของเส้น ความคมชัด ละเอียดรอบคอบ และ ความสะอาดซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการฝึกวินัยที่ดีของนักออกแบบให้เป็นคนที่มีนิสัยละเอียด รอบคอบ ซึ่งจะส่งผลดีต่อตัวของนักออกแบบในอนาคต
ดังนั้นวิชาการออกเเบบขั้นพื้นฐานมีความสำคัญเป็นอย่างมากเนื่องจากวิชาพื้นฐานการออกเเบบของมัณฑนศิลป์เป็นการสร้าง เสริมประสบการณ์เเละพื้นฐานทางด้านการออกเเบบ ดังนั้นพื้นฐานทางด้านการออกเเบบนั้นสำคัญเเละมีพลในระยะยาวที่จะ สืบเนื่องไปถึงการออกเเบบในวิชาชีพได้ เพราะในวิชาออกเเบบมัณฑนศิลป์ได้มีการ วางฐานทั้งหมดที่สำคัญ เเละมีความละเอียดสูงของในเเต่ละเรื่องเพื่อให้นักศึกษาได้มีความเข้าใจ เเละพร้อมที่จะนำความรู้ต่างๆของ วิชาออกเเบบนี้ไปประยุกตใช้ในการทำงานของวิชาชีพได้อย่างสมบูรณ์