Okra (Abelmoschus esculentus (L.) M

Okra (Abelmoschus esculentus (L.) Moench) belongs to
the Malvaceae family and is one of the most popular fruit
vegetables cultivated in Africa (Schippers, 2000) and other
places around the world (NIHORT, 1986). It is cultivated
for its fibrous fruits or pods and the fruits are harvested when
immature and eaten as a vegetable. They are a good source of
carbohydrate, protein, fats, vitamins and minerals (Akintoye
et al., 2011). Apart from its popular use as vegetable, it has
also been used for several purposes such as coffee additive and
paper making (Moekchantuk and Kumar, 2004). The
mucilage is also suitable for medicinal and industrial
applications (Akinyele and Temikotan, 2007). However,
despite the nutritional values of okra and its geographical
distribution, as well as adaptability to varying climatic
conditions, the yield of okra is still very low. This was
attributed to continuous decline in soil fertility, especially in
the tropics, and unstable climatic conditions. Normally, okra,
being a tropical plant, grows well under warm conditions
with sufficient moisture levels and light intensities. With the
recent change in climate and the problem of soil fertility, the
yield of okra has been reduced. Okra production is being
constrained by a complex of biotic and abiotic factors at every
stage of growth (Anne and Carter, 2004).
Unfavorable climatic conditions such as drought, edaphic
factors, excess or low light intensity can damage the quality
and reduce the yield (Agbogidi and Nweke, 2005). Light is an
absolute requirement for plant growth and development,
next to water. This is because an increase in the light intensity
will result to an increase in the rate of photosynthesis. Light
modifies the anatomy and physiology of leaf (Wilson and
Coope, 1969). It is reported that plants grown under high
light intensity are capable of stronger photosynthesis than
those grown under weaker light (Knorr and Vegtmann,
1983). Leafs formed in shade are also thinner than those
formed under sun or high light intensity. Meanwhile,
different plants have optimum light requirements for
optimum performance and both low and high/excessive light
intensities are injurious to plant growth. When in excess, light
inhibits stem growth due to its effect on gibberellins while
deficit in light intensities tends to reduce plant growth,
development and yield (Vergara, 1978). This is because low
amount of solar energy is said to reduce the rate of
photosynthesis and below a certain/minimum light intensity,
the plant growth will fall below what is called the
‘compensation point’ (Edmond et al., 1978). Optimum light
requirement by a particular crop must therefore be
determined.
However, with the optimum light intensity, crop
performance can also be limited by inadequate availability of
essential nutrients in the soil (Akande et al., 2010). Fertilizer
is an important input contributing to crop production
because it increases productivity and improves yield quality
and quantity (Adeniyan and Ojeniyi, 2003). On the contrary,
inorganic fertilizers release nutrients quickly, but most of

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

กระเจี๊ยบเขียว (Abelmoschus esculentus (L. ) Moench)
เป็นของครอบครัวMalvaceae
และเป็นหนึ่งในผลไม้ที่นิยมมากที่สุดผักที่ปลูกในแอฟริกา(Schippers, 2000) และอื่น ๆ
สถานที่ทั่วโลก (NIHORT, 1986) มันมีการปลูกผลไม้เส้นใยหรือฝักและผลไม้ที่เก็บเกี่ยวเมื่ออ่อนกินเป็นผัก พวกเขาเป็นแหล่งที่ดีของคาร์โบไฮเดรตโปรตีนไขมันวิตามินและเกลือแร่ (Akintoye et al., 2011) นอกเหนือจากการใช้งานที่เป็นที่นิยมเป็นผักมันได้ถูกนำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์หลายอย่างเช่นเป็นสารเติมแต่งเครื่องชงกาแฟและการทำกระดาษ(Moekchantuk และมาร์, 2004) เมือกนอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับอุตสาหกรรมยาและการใช้งาน (Akinyele และ Temikotan 2007) อย่างไรก็ตามแม้จะมีคุณค่าทางโภชนาการของกระเจี๊ยบเขียวและภูมิศาสตร์ของการจัดจำหน่ายเช่นเดียวกับการปรับตัวที่แตกต่างกันภูมิอากาศเงื่อนไขผลผลิตของกระเจี๊ยบเขียวยังคงอยู่ในระดับต่ำมาก นี้ถูกนำมาประกอบกับการลดลงอย่างต่อเนื่องในอุดมสมบูรณ์ของดินโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตร้อนและสภาพภูมิอากาศที่ไม่แน่นอน ปกติกระเจี๊ยบเป็นพืชเขตร้อนเจริญเติบโตได้ดีภายใต้เงื่อนไขที่อบอุ่นที่มีระดับความชุ่มชื้นที่เพียงพอและความเข้มแสง กับการเปลี่ยนแปลงที่ผ่านมาในสภาพภูมิอากาศและปัญหาที่เกิดจากความอุดมสมบูรณ์ของดินที่ผลผลิตของกระเจี๊ยบเขียวได้รับลดลง การผลิตกระเจี๊ยบเขียวจะถูกจำกัด โดยความซับซ้อนของปัจจัยทางชีววิทยาและ abiotic ในทุกขั้นตอนของการเจริญเติบโต(แอนน์และคาร์เตอร์, 2004). สภาพภูมิอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยเช่นภัยแล้งทางดินปัจจัยส่วนเกินหรือความเข้มของแสงต่ำสามารถสร้างความเสียหายที่มีคุณภาพและลดอัตราผลตอบแทน( Agbogidi และ Nweke 2005) แสงเป็นความต้องการที่แน่นอนสำหรับการเจริญเติบโตและการพัฒนาต่อไปลงไปในน้ำ เพราะนี่คือการเพิ่มขึ้นของความเข้มของแสงจะส่งผลให้เกิดการเพิ่มขึ้นของอัตราการสังเคราะห์แสงได้ แสงปรับเปลี่ยนลักษณะทางกายวิภาคและสรีรวิทยาของใบ (วิลสันและ Coope, 1969) มีรายงานว่าพืชที่ปลูกภายใต้สูงความเข้มของแสงมีความสามารถในการสังเคราะห์แสงที่แข็งแกร่งกว่าผู้ที่เติบโตขึ้นภายใต้แสงปรับตัวลดลง(คนอร์และ Vegtmann, 1983) ลีฟส์ที่เกิดขึ้นในที่ร่มนอกจากนี้ยังมีบางกว่าผู้ที่เกิดภายใต้ดวงอาทิตย์หรือความเข้มของแสงสูง ในขณะเดียวกันพืชที่แตกต่างกันมีความต้องการแสงที่เหมาะสมสำหรับผลการดำเนินงานที่เหมาะสมและทั้งต่ำและสูง/ แสงมากเกินไปเข้มเป็นอันตรายต่อการเจริญเติบโตของพืช เมื่ออยู่ในส่วนเกิน, ไฟยับยั้งการเจริญเติบโตของต้นกำเนิดอันเนื่องมาจากผลกระทบต่อเรลลิในขณะที่การขาดดุลในความเข้มแสงที่มีแนวโน้มที่จะลดการเจริญเติบโตของพืช, การพัฒนาและผลผลิต (Vergara, 1978) เพราะนี่คือต่ำปริมาณของพลังงานแสงอาทิตย์มีการกล่าวถึงการลดอัตราการสังเคราะห์แสงและด้านล่างบาง/ ความเข้มของแสงต่ำสุดเจริญเติบโตของพืชจะลดลงต่ำกว่าสิ่งที่เรียกว่า'การชดเชยจุด (เอดมันด์ et al., 1978) แสงที่เหมาะสมกับความต้องการของพืชโดยเฉพาะดังนั้นจึงต้องกำหนด. แต่ด้วยความเข้มของแสงที่เหมาะสมพืชผลการดำเนินงานยังสามารถถูก จำกัด โดยความพร้อมไม่เพียงพอของสารอาหารที่จำเป็นในดิน(Akande et al., 2010) ปุ๋ยเป็นการป้อนข้อมูลที่สำคัญที่เอื้อต่อการเพาะปลูกการผลิตเพราะมันจะเพิ่มการผลิตและปรับปรุงคุณภาพผลผลิตและปริมาณ(Adeniyan และ Ojeniyi, 2003) ในทางตรงกันข้ามปุ๋ยอนินทรีปล่อยสารอาหารได้อย่างรวดเร็ว แต่ส่วนมากของ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กระเจี๊ยบเขียว ( โครงการย่อยที่ 4 ( L . ) 9 ) เป็นของ
ตระกูล Malvaceae และเป็นหนึ่งในความนิยมมากที่สุดผลไม้ ผักที่ปลูกในแอฟริกา ( schippers

, 2000 ) และสถานที่อื่น ๆทั่วโลก ( nihort , 1986 ) มันเป็นที่ปลูก
สำหรับเส้นใยผลไม้หรือฝักและผลไม้ที่เก็บเกี่ยวเมื่อ
อ่อนกินเป็นผัก พวกเขาเป็นแหล่งที่ดีของโปรตีนคาร์โบไฮเดรตไขมัน
, , ,วิตามินและแร่ธาตุ ( akintoye
et al . , 2011 ) นอกจากใช้เป็นผักที่ได้รับความนิยมก็มี
ยังถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์หลายๆอย่าง เช่น สารกาแฟ
กระดาษ ( moekchantuk กับคูมาร์ , 2004 )
เมือกยังเหมาะสำหรับยาและอุตสาหกรรม
โปรแกรม ( และ akinyele temikotan , 2007 ) อย่างไรก็ตาม
แม้คุณค่าทางโภชนาการของกระเจี๊ยบและภูมิศาสตร์
กระจายรวมทั้งการปรับตัวเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
, ผลผลิตของกระเจี๊ยบเขียวยังต่ำมาก นี้คือ
ประกอบลดลงอย่างต่อเนื่องในความอุดมสมบูรณ์ของดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน
เขตร้อน และสภาพอากาศแปรปรวน โดยปกติ , กระเจี๊ยบ ,
เป็นพืชเขตร้อน เจริญเติบโตได้ดีภายใต้สภาวะที่มีความชื้นเพียงพอ
อบอุ่นและความเข้มแสง กับ
ล่าสุดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและปัญหาความอุดมสมบูรณ์ของดิน และผลผลิตของกระเจี๊ยบเขียว
ได้รับลดลง การผลิตกระเจี๊ยบเขียวเป็น
กำหนดโดยการซับซ้อนของปัจจัยในการทดลองทุก
ระยะการเจริญเติบโต ( แอนน์ และ คาร์เตอร์ , 2004 ) .
สภาพอากาศไม่เอื้อ เช่น ความแห้งแล้ง ปัจจัยครั้งนี้
เกินหรือต่ำความเข้มของแสงที่สามารถสร้างความเสียหายคุณภาพ
และลดผลผลิต ( agbogidi และ nweke , 2005 )แสงเป็น
ความต้องการแน่นอนสำหรับการเจริญเติบโตของพืชและการพัฒนา
ข้างน้ำ นี้เป็นเพราะมีการเพิ่มความเข้มของแสง
จะมีผลเพิ่มขึ้นในอัตราการสังเคราะห์ด้วยแสง แสง
ปรับเปลี่ยนกายวิภาคและสรีรวิทยาของใบ ( วิลสันและ
coope , 1969 ) มีรายงานว่าพืชที่ปลูกภายใต้ความเข้มแสงสูงมีความสามารถในการสังเคราะห์แสงแข็งแกร่งกว่า

ผู้เติบโตภายใต้แสงที่อ่อนแอ ( นอร์ และ vegtmann
, 1983 ) ใบไม้รูปแบบในร่มยังเรียวกว่า
เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์หรือความเข้มแสงสูง โดย
พืชที่แตกต่างกันมีความต้องการแสงที่เหมาะสมสำหรับ
สูงสุดประสิทธิภาพและทั้งต่ำและความเข้มแสง
/ มากเกินไปสูงจะเปลืองการเจริญเติบโตของพืช ในส่วนที่เกิน , ไฟต้น
ยับยั้งการเจริญเติบโตเนื่องจากผลของจิบเบอเรลลินในขณะที่
การส่งออกมีแนวโน้มที่จะลดความเข้มแสงที่พืชเจริญเติบโตการพัฒนาและผลผลิต ( Vergara , 1978 ) นี้เป็นเพราะปริมาณน้อย
พลังงานแสงอาทิตย์กล่าวว่า จะช่วยลดอัตราความเข้มแสง
การสังเคราะห์แสงและด้านล่างขั้นต่ำบาง /
การเจริญเติบโตของพืชจะตกอยู่ด้านล่างสิ่งที่เรียกว่า
จุด 'compensation ' ( เอ็ดมันด์ et al . , 1978 ) ความต้องการแสงที่เหมาะสมโดยการปลูกพืชโดยเฉพาะ

จึงต้องเป็นกำหนด .
แต่ด้วยความเข้มแสงที่เหมาะสม ประสิทธิภาพ พืชสามารถถูก จำกัด ด้วย

ว่างไม่เพียงพอของสารอาหารในดิน ( akande et al . , 2010 ) ที่สำคัญคือใส่ปุ๋ย

เพราะมันเอื้อต่อการผลิตพืชเพิ่มผลผลิตและปรับปรุงคุณภาพผลผลิต และปริมาณ (
adeniyan และ ojeniyi , 2003 ) ในทางตรงกันข้าม
ปุ๋ยอนินทรีย์ปล่อยสารอาหารได้อย่างรวดเร็ว แต่ส่วนใหญ่ของ