Corn needs a spot with that gets fu

Corn needs a spot with that gets full sun and has fertile, well-drained soil with a pH of 6.0 to 6.8. Seedlings can be set out as soon as the last spring frost has passed. Space plants 8 to 12 inches apart. In case of a surprise late frost, be prepared to cover seedlings with a fabric row cover. In cold climates you can plant in a raised bed covered with black or IRT plastic (infrared transmitting plastic) that will warm the soil. If possible, lay the plastic a week or so before planting.

Plan to fertilize twice because corn is a hungry plant. Before setting out seedlings, amend the soil with compost and mix a balanced organic or timed-release fertilizer into the soil. About a cup of 10-10-10 per 10 feet of row is a good general rate, but be sure to check and follow rates given on the label of any fertilizer you are using. About 6 weeks or so later, when the plants start to produce tassels, fertilize them again. (If you amend the soil with cottonseed meal or other high-nitrogen amendment, it may not be necessary to feed the second time.) Use a hoe or trowel to mix the fertilizer into the top inch of soil between the plants. After this booster feeding, water your corn once or twice weekly if the weather is hot and dry.

Normal plants should grow fast with dark green healthy leaves. Corn will tell you if it is hungry by turning very light green. If so, feed again.

Corn grows fast and needs lots of water to grow properly. It also has shallow roots that make it susceptible to drought. Soaker hoses will insure that your corn gets the water it needs. However, for a large planting, soaker hoses may not be practical.

Hopi and Navaho Techniques
Native Americans in arid climates planted corn in basins to catch spring rainwater and help keep the corn roots down where water would be available longer. The basin was about 4 inches deep and 2 to 3 feet wide with a raised ridge made from the excavated soil around it. Plants were arranged so that they formed a spiral from the center to help with support in wind and with pollination. If you live in an arid climate or a hot climate and have poor sandy soil, as in the Coastal Plains, this technique could help ensure a good harvest.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ข้าวโพดต้องการจุดที่ มีแสงแดดเต็มที่ได้รับ และมีอุดม ระบายน้ำดีดิน มีค่า pH 6.0 6.8 ต้นกล้าสามารถตั้งเป็นน้ำค้างแข็งสปริงครั้งสุดท้ายแล้ว พื้นที่พืช 8-12 นิ้วออกจากกัน แปลกใจสายแข็ง ในกรณีที่มีการครอบต้นกล้า cover ผ้าแถว ในสภาพอากาศเย็น คุณสามารถปลูกในเตียงยกสูงปกคลุม ด้วยสีดำหรือ IRT พลาสติก (พลาสติกส่งอินฟราเรด) ที่จะอบอุ่นดิน ถ้าเป็นไปได้ วางพลาสติกอื่น ๆ ก่อนที่จะปลูกวางแผนให้ปุ๋ยสองครั้งเนื่องจากข้าวโพดเป็นพืชหิว ก่อนออกต้นกล้า แก้ไขดินที่ มีปุ๋ยหมัก และผสมปุ๋ยอินทรีย์ หรือ timed-release สมดุลในดิน ถ้วย 10-10-10 ต่อ 10 ฟุตของแถวเป็นราคาทั่วไป แต่ให้แน่ใจว่าการตรวจสอบ และทำตามราคาที่ระบุบนฉลากของปุ๋ยใด ๆ ที่คุณใช้ ประมาณ 6 สัปดาห์ หรือดังนั้นต่อ มา เมื่อพืชเริ่มผลิตพู่ ขุนพวกเขาอีกครั้ง (ถ้าคุณแก้ไขดินที่ มีอาหารเมล็ดฝ้ายหรือการแก้ไขอื่น ๆ ไนโตรเจนสูง มันอาจไม่จำเป็นให้อาหารครั้ง) ใช้จอบหรือพลั่วในการผสมปุ๋ยลงในนิ้วด้านบนของดินระหว่างพืช หลังจากนี้สนับสนุนให้อาหาร น้ำข้าวโพดของคุณครั้งหรือสองครั้งต่อสัปดาห์ถ้าสภาพอากาศร้อน และแห้งปกติพืชจะเติบโตรวดเร็ว ด้วยใบเขียวเพื่อสุขภาพ ข้าวโพดจะบอกว่า หิว โดยเปิดเขียวอ่อนมาก ถ้าเป็นเช่นนั้น ฟีดอีกCorn grows fast and needs lots of water to grow properly. It also has shallow roots that make it susceptible to drought. Soaker hoses will insure that your corn gets the water it needs. However, for a large planting, soaker hoses may not be practical.Hopi and Navaho TechniquesNative Americans in arid climates planted corn in basins to catch spring rainwater and help keep the corn roots down where water would be available longer. The basin was about 4 inches deep and 2 to 3 feet wide with a raised ridge made from the excavated soil around it. Plants were arranged so that they formed a spiral from the center to help with support in wind and with pollination. If you live in an arid climate or a hot climate and have poor sandy soil, as in the Coastal Plains, this technique could help ensure a good harvest.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ข้าวโพดต้องการจุดกับที่ได้รับแสงแดดเต็มรูปแบบและมีความอุดมสมบูรณ์ของดินระบายน้ำดีที่มีค่า pH 6.0-6.8 ต้นกล้าสามารถตั้งค่าออกมาเร็วที่สุดเท่าที่น้ำค้างแข็งฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมาได้ผ่าน พืชพื้นที่ 8 ถึง 12 นิ้วออกจากกัน ในกรณีของความประหลาดใจปลายน้ำค้างแข็งได้เตรียมที่จะครอบคลุมต้นกล้าที่มีฝาครอบแถวผ้า ในสภาพอากาศที่หนาวเย็นคุณสามารถปลูกในเตียงยกปกคลุมด้วยพลาสติกสีดำหรือ IRT (พลาสติกส่งสัญญาณอินฟราเรด) ที่จะอุ่นดิน ถ้าเป็นไปได้วางพลาสติกสัปดาห์หรือดังนั้นก่อนปลูก.

วางแผนการให้ปุ๋ยครั้งที่สองเพราะข้าวโพดเป็นพืชที่หิว ก่อนที่จะตั้งกล้าแก้ไขดินที่มีปุ๋ยหมักและผสมปุ๋ยอินทรีย์หรือหมดเวลาปล่อยสมดุลลงไปในดิน เกี่ยวกับถ้วย 10-10-10 ต่อ 10 ฟุตของแถวเป็นอัตราที่ดีทั่วไป แต่ต้องแน่ใจว่าจะตรวจสอบและปฏิบัติตามอัตราที่ระบุบนฉลากของปุ๋ยใด ๆ ที่คุณกำลังใช้ ประมาณ 6 สัปดาห์หรือดังนั้นต่อมาเมื่อพืชเริ่มต้นในการผลิตพู่ขุนพวกเขาอีกครั้ง (ถ้าคุณแก้ไขดินที่มีอาหารฝ้ายหรืออื่น ๆ ที่แก้ไขเพิ่มเติมสูงไนโตรเจนมันอาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องให้อาหารครั้งที่สอง.) ใช้จอบหรือเกรียงผสมปุ๋ยลงในนิ้วด้านบนของดินระหว่างพืช หลังจากให้อาหาร Booster นี้น้ำข้าวโพดของคุณอีกครั้งหรือสัปดาห์ละสองครั้งถ้าอากาศร้อนและแห้ง.

พืชปกติจะเติบโตอย่างรวดเร็วที่มีใบสีเขียวเข้มมีสุขภาพดี ข้าวโพดจะบอกคุณถ้ามันหิวด้วยการเปลี่ยนสีเขียวอ่อนมาก ถ้าเป็นเช่นนั้นอาหารอีกครั้ง.

ข้าวโพดเติบโตอย่างรวดเร็วและความต้องการจำนวนมากของน้ำที่จะเติบโตได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ยังมีรากตื้นที่ทำให้มันไวต่อความแห้งแล้ง ท่อ soaker จะประกันว่าข้าวโพดของคุณได้รับน้ำที่จะต้อง แต่สำหรับการเพาะปลูกขนาดใหญ่ท่อ soaker อาจจะไม่ปฏิบัติ.

Hopi และ Navaho เทคนิค
อเมริกันพื้นเมืองในสภาพอากาศที่แห้งแล้งปลูกข้าวโพดในอ่างที่จะจับน้ำฝนในฤดูใบไม้ผลิและช่วยให้รากข้าวโพดลงที่น้ำจะใช้ได้อีกต่อไป ลุ่มน้ำเป็นประมาณ 4 นิ้วลึกและ 2 ถึง 3 ฟุตกว้างกับสันเขายกที่ทำจากดินที่ขุดขึ้นมารอบ ๆ พืชที่ถูกจัดเพื่อให้พวกเขากลายเป็นเกลียวจากศูนย์เพื่อช่วยให้มีการสนับสนุนในลมและมีการผสมเกสร หากคุณอยู่ในสภาพภูมิอากาศที่แห้งแล้งหรือสภาพภูมิอากาศร้อนและมีดินปนทรายที่ไม่ดีเช่นเดียวกับในที่ราบชายฝั่งเทคนิคนี้จะช่วยให้การเก็บเกี่ยวที่ดี