อาหารนอกจากจะเป็นสิ่งที่แสดงออกทางวัฒนธรรมแล้ว ยังเป็นสิ่งที่ช่วยบ่งบอกถึงความใส่ใจในสุขภาพอีกด้วยโดยการเน้นคุณภาพของวัตถุดิบ และวิธีการปรุงอย่างพิถีพิถัน ซึ่งต้องมาจากพ่อครัวมืออาหาร ซึ่งประเทศไทย เป็นแหล่งที่อุดมสมบูรณ์ด้วยอาหาร และเชฟชั้นนำ ดังนั้น นอกจากการให้บริการภายในประเทศ การทำเชิงรุกในต่างประเทศเป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นตลาดได้อีกทางหนึ่งและช่วยลดการตัดสินใจซื้อได้อีกด้วย ประเทศบรูไน เป็นประเทศที่มีความร่ำรวยและมี GDP per capita สูง แต่ขาดทรัพยากรด้านอาหาร เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศที่มีเต็มไปด้วยน้ำมันจำนวนมหาศาล ทำให้ความเป็นอยู่เป็นแบบคนร่ำรวย นอกจากนี้นโยบายประเทศที่กระตุ้นการลงทุนในอนาคต จะทำให้เกิดการลงทุนและมีคนที่มีฐานะเข้ามาทำงานในประเทศมากขึ้น ดังนั้น การเปิดร้านอาหารในประเทศบูรไน จึงจำเป็นที่ต้องยกระดับการบริการที่สูงแบบ World class และเน้นความเป็นธรรมชาติ โดยให้ความสำคัญกับวัตถุดิบ และสิ่งแวดล้อม ที่เป็นนวัตกรรม (Innovation) แต่ไม่ผิดหลักศาสนา ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเกิดการร่วมทุน ระหว่างนักธุรกิจชาวไทย ชายบรูไน และชาวสิงคโปร์ ที่ส่งวัตถุดิบต่างๆ ที่มีคุณภาพสูงจากต่างประเทศเข้าประเทศในรูปแบบต่างๆ เข่น ท่าเรือและทางอากาศ ต่างๆ เพื่อตอบสนองชาวบรูไน และชาวต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนและชาวต่างประเทศที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศ ทั้งนี้ อาหาร จะเน้นวัตถุดิบหลักเป็นอาหารไทย 4 ภาค เช่น ลาบกุ้ง (โดยวัตถุดิบหลักคือ กุ้งแม่น้ำอยุธยา และ Lobster หรือการเสริฟน้ำผลไม้ เช่น น้ำดอกดาหลา น้ำตอกเข็ม เพื่อสุขภาพเป็นต้น) แต่ผสมผสานความเป็นมุสลิม และปรับปรุงรสชาติ ให้มีทั้งแบบต้นตำรับและแบบเน้นเครื่องเทศ ตามรสนิยมของชาวมุสลิม อีกด้วย
นอกจากนี้ ระดับการให้บริการที่เป็นแบบร่วมสมัย โดยได้นำเทคโนโลยี RFID และการให้บริการแบบไทยๆ และการแสดงแบบไทย เข้ามาผสมผสาน เพื่อให้เปิดสุนทรียภาพ ที่คนบรูไน และประเทศข้างเคียง จะได้สัมผัสวัฒนธรรมไทย ได้ก่อนที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย