The Thai civil court's order today

The Thai civil court's order today is one step closer to full scale judicial coup. By preserving the emergency decree in form but invalidating its key contents, the court rendered the decree almost pointless for the government.

Two points need to be stressed:

1. The factual determination in emergency situation falls under jurisdiction of the executive. This is granted by the emergency decree which could be stuck down only by the constitutional court but by letting the decree stay the court and any other courts have no jurisdiction over this issue.

2. The constitutional court's ruling only binds the civil court legally but not factually. That means the civil court is bound by legal interpretation but there is no judicial basis for the civil court to rely on factual determination by the constitutional court. The constitutional court determined the facts at one point in time but facts change by minute, therefore it is judicially impossible and legally illogical for the civil court to disregard the current situation and conveniently rely on the constitutional court's ruling.

In sum, the civil court basically teamed up with the constitutional court in attempts to intervene in the executive domain, where the court has no accountability, and pave ways for the protestors to claim pseudo legitimacy to overthrow the government.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ศาลแพ่งไทยของคำสั่งในวันนี้คือขั้นตอนหนึ่งที่ใกล้ชิดกับการทำรัฐประหารอย่างเต็มรูปแบบในการพิจารณาคดี โดยพระราชกฤษฎีกาการรักษาฉุกเฉินในรูปแบบ แต่ไม่ถูกต้องเนื้อหาที่สำคัญของศาลแสดงพระราชกฤษฎีกาเกือบไม่มีจุดหมายสำหรับรัฐบาล

สองจุดจะต้องเน้น.

1 การกำหนดความจริงในสถานการณ์ฉุกเฉินตกอยู่ภายใต้อำนาจของผู้บริหารนี้จะได้รับจากคำสั่งในกรณีฉุกเฉินที่อาจจะติดอยู่ลงโดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญ แต่โดยให้คำสั่งศาลอยู่และสนามอื่น ๆ ที่มีเขตอำนาจเหนือปัญหานี้.

2 การพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้นผูกศาลแพ่งถูกต้องตามกฎหมาย แต่ไม่จริงนั่นหมายความว่าศาลพลเรือนที่ถูกผูกไว้โดยการตีความตามกฎหมาย แต่ไม่มีพื้นฐานการพิจารณาคดีที่ศาลพลเรือนที่จะพึ่งพาความตั้งใจจริงโดยศาลรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาข้อเท็จจริงที่หนึ่งจุดในเวลา แต่ข้อเท็จจริงมีการเปลี่ยนแปลงโดยนาทีจึงเป็นลงมือเป็นไปไม่ได้และไร้เหตุผลถูกต้องตามกฎหมายสำหรับศาลแพ่งให้ความสนใจกับสถานการณ์ในปัจจุบันและสะดวกพึ่งพาการพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญของ.

ในผลรวมศาลพลเรือนทั่วไปร่วมกับศาลรัฐธรรมนูญในความพยายามที่จะเข้าไปแทรกแซงในโดเมนผู้บริหาร ที่ศาลมีความรับผิดชอบไม่มีและปูวิธีการที่กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงเพื่อเรียกร้องความชอบธรรมหลอกที่จะโค่นล้มรัฐบาล

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

คำสั่งของศาลแพ่งไทยวันนี้คือ ขั้นที่หนึ่งใกล้กับรัฐประหารตุลาการภิวัตน์เต็มสเกล โดยรักษาราชในฟอร์ม แต่ทำให้เนื้อหาที่สำคัญ ศาลแสดงกฤษฎีกาอวกาศเกือบสำหรับรัฐบาล

สองจุดที่ต้องการจะเน้น:

1 กำหนดเรื่องในสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่ภายใต้อำนาจของผู้บริหาร นี้จะได้รับอนุญาต โดยกฎหมายฉุกเฉินที่สามารถติดลง โดยศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่ โดยให้กฤษฎีกาส่งศาล และศาลใดมีอำนาจไม่ผ่านปัญหานี้

2 ของศาลรัฐธรรมนูญปกครอง binds ศาลแพ่งตามกฎหมาย แต่ไม่ส่ง นั่นหมายความว่า ศาลแพ่งจะผูก โดยตีความตามกฎหมาย แต่มีพื้นฐานไม่ยุติธรรมศาลแพ่งที่กำหนดจริงโดยศาลรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาข้อเท็จจริงที่จุดหนึ่งในเวลา แต่การเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริง โดยนาที ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่ judicially และไม่สมเหตุผลตามกฎหมายในศาลแพ่งจะไม่สนใจในสถานการณ์ปัจจุบัน และบริการอาศัยความปกครองของศาลรัฐธรรมนูญ

ในผล ศาลแพ่งพื้น teamed ขึ้นกับศาลรัฐธรรมนูญในความพยายามที่จะแทรกแซงในโดเมนเอ็ก ซึ่งศาลได้ไม่มีความรับผิดชอบ และถางทางสำหรับกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงเพื่อเรียกร้องหลอกชอบธรรมเพื่อโค่นล้มรัฐบาล

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การสั่งซื้อของไทยต่อศาลแพ่งในปัจจุบันคือเข้าใกล้อีกก้าวหนึ่งสำหรับการทำรัฐประหารอย่างสมบูรณ์โดยกระบวนการยุติธรรมขนาด โดยการรักษาพ.ร.ก.ฉุกเฉินที่อยู่ในแบบฟอร์มแต่ invalidating เนื้อหาสำคัญของศาลทำให้พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่แทบจะไร้จุดหมายสำหรับรัฐบาล.

สองจุดต้องเน้น:

1 การกำหนดความจริงในสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่ในเขตอำนาจศาลของผู้บริหารโรงแรมแห่งนี้ได้รับอนุญาตโดยพ.ร.ก.ฉุกเฉินซึ่งสามารถติดอยู่ลงมาเท่านั้นโดยศาลรัฐธรรมนูญแต่ด้วยการปล่อยให้พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะได้เข้าพักที่ศาลและศาลอื่นใดไม่มีอำนาจมากกว่าปัญหานี้.

2 คำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้นผูกพันศาลพลเรือนที่ได้รับแต่ไม่ factuallyซึ่งหมายความว่าศาลพลเรือนที่มีความผูกพันกับการตีความทางกฎหมายแต่ไม่มีพื้นฐานทางกฎหมายในศาลพลเรือนที่ต้องตามความเป็นจริงโดยในการวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญได้ ศาลรัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ความจริงได้ที่หนึ่งจุดในเวลาแต่ข้อเท็จจริงเปลี่ยนโดยนาทีดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้และปราศจากเหตุผลได้รับ judicially ในศาลพลเรือนที่จะไม่ต้องคำนึงถึงสถานการณ์ในปัจจุบันและความสะดวกสบายที่ต้องอาศัยอยู่ในคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ.

ในจำนวนเงินศาลแพ่งโดยพื้นฐานแล้วทำงานเป็นทีมร่วมกับศาลรัฐธรรมนูญที่ในความพยายามที่จะเข้าไปแทรกแซงในโดเมนผู้บริหารที่ศาลไม่มีความรับผิดชอบและปูทางสำหรับผู้ชุมนุมที่อ้างถึงความชอบธรรมในการโค่นล้มรัฐบาลจอมปลอมที่