Friction is the force resisting the

Friction is the force resisting the relative motion of solid surfaces, fluid layers, and material elements sliding against each other.[1] There are several types of friction:

Dry friction resists relative lateral motion of two solid surfaces in contact. Dry friction is subdivided into static friction ("stiction") between non-moving surfaces, and kinetic friction between moving surfaces.
Fluid friction describes the friction between layers of a viscous fluid that are moving relative to each other.[2][3]
Lubricated friction is a case of fluid friction where a lubricant fluid separates two solid surfaces.[4][5][6]
Skin friction is a component of drag, the force resisting the motion of a fluid across the surface of a body.
Internal friction is the force resisting motion between the elements making up a solid material while it undergoes deformation.[3]
When surfaces in contact move relative to each other, the friction between the two surfaces converts kinetic energy into thermal energy. This property can have dramatic consequences, as illustrated by the use of friction created by rubbing pieces of wood together to start a fire. Kinetic energy is converted to thermal energy whenever motion with friction occurs, for example when a viscous fluid is stirred. Another important consequence of many types of friction can be wear, which may lead to performance degradation and/or damage to components. Friction is a component of the science of tribology.

Friction is not itself a fundamental force but arises from interatomic and intermolecular forces between the two contacting surfaces. The complexity of these interactions makes the calculation of friction from first principles impractical and necessitates the use of empirical methods for analysis and the development of theory.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แรงเสียดทานเป็นแรงที่ต่อต้านการเคลื่อนไหวสัมพันธ์กันของพื้นผิวของแข็ง ของเหลวชั้น และองค์ประกอบวัสดุเลื่อนกับแต่ละอื่น ๆ[1] มีหลายชนิดของแรงเสียดทาน:แรงเสียดทานแห้งพยายามขัดขวางสัมพันธ์เคลื่อนไหวด้านข้างของพื้นผิวของแข็งสองติดต่อ แรงเสียดทานแห้งเป็นปฐมภูมิเป็นแรงเสียดทานคงที่ ("stiction") ระหว่างพื้นผิวไม่เคลื่อน เคลื่อนไหวแรงเสียดทานระหว่างพื้นผิวเคลื่อนย้ายแรงเสียดทานของเหลวอธิบายแรงเสียดทานระหว่างชั้นของเหลวข้นที่เคลื่อนไหวซึ่งกันและกัน[2][3]แรงเสียดทาน lubricated เป็นกรณีของแรงเสียดทานของเหลวซึ่งของเหลวหล่อลื่นแยกพื้นผิวของแข็งสอง[4][5][6]แรงเสียดทานผิวเป็นส่วนประกอบของลาก แรงต่อต้านการเคลื่อนไหวของไหลผ่านพื้นผิวของร่างกายแรงเสียดทานภายในมีการเคลื่อนไหว resisting แรงระหว่างองค์ประกอบที่ทำขึ้นเป็นวัสดุทึบในขณะที่มันผ่านแมพ[3]เมื่อย้ายพื้นผิวในการติดต่อซึ่งกันและกัน แรงเสียดทานระหว่างพื้นผิวทั้งสองแปลงพลังงานจลน์เป็นพลังงานความร้อน นี้สามารถมีผลละคร ตามใช้แรงเสียดทานที่สร้างขึ้น โดยถูชิ้นไม้เข้าด้วยกันเพื่อเริ่มต้นไฟ พลังงานจลน์จะถูกแปลงเป็นพลังงานความร้อนเมื่อใดก็ ตามที่เคลื่อนไหว มีแรงเสียดทานเกิดขึ้น เช่นเมื่อกวนของเหลวข้น สัจจะสำคัญอีกหลายชนิดของแรงเสียดทานสามารถสวมใส่ ซึ่งอาจนำไปสู่ประสิทธิภาพ และ/หรือความเสียหายต่อส่วนประกอบ แรงเสียดทานเป็นส่วนประกอบของศาสตร์ tribologyแรงเสียดทานเป็นแรงพื้นฐานไม่เอง แต่เกิดขึ้นจากกองกำลัง interatomic และ intermolecular ระหว่างพื้นผิวกำลังติดต่อสอง ความซับซ้อนของการโต้ตอบเหล่านี้ทำให้การคำนวณแรงเสียดทานจากหลักแรกมาก และ necessitates ใช้วิธีรวมการวิเคราะห์และการพัฒนาของทฤษฎี

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แรงเสียดทานเป็นแรงต่อต้านการเคลื่อนไหวของญาติของพื้นผิวที่เป็นของแข็งชั้นของเหลวและองค์ประกอบวัสดุเลื่อนกับแต่ละอื่น ๆ [1] มีหลายประเภทของแรงเสียดทานคือ. แรงเสียดทานแห้งต่อต้านการเคลื่อนไหวด้านข้างญาติของสองพื้นผิวที่เป็นของแข็งในการติดต่อ แรงเสียดทานแห้งแบ่งเป็นแรงเสียดทานสถิต ("Stiction") ระหว่างพื้นผิวที่ไม่เคลื่อนไหวและแรงเสียดทานจลน์ระหว่างพื้นผิวเคลื่อนที่. แรงเสียดทานของไหลอธิบายแรงเสียดทานระหว่างชั้นของของเหลวหนืดที่กำลังจะย้ายเมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ . [2] [3] แรงเสียดทานการหล่อลื่นเป็นกรณีของแรงเสียดทานของเหลวที่ของเหลวน้ำมันหล่อลื่นแยกสองพื้นผิวที่เป็นของแข็ง. [4] [5] [6] แรงเสียดทานผิวเป็นส่วนประกอบของการลาก, แรงต่อต้านการเคลื่อนไหวของของเหลวบนพื้นผิวของร่างกาย. ภายใน แรงเสียดทานเป็นแรงต่อต้านการเคลื่อนไหวระหว่างองค์ประกอบทำให้วัสดุที่เป็นของแข็งในขณะที่มันได้รับการเปลี่ยนรูป. [3] เมื่อพื้นผิวในการติดต่อญาติย้ายไปกันและกันแรงเสียดทานระหว่างพื้นผิวสองแปลงพลังงานจลน์เป็นพลังงานความร้อน โรงแรมแห่งนี้สามารถมีผลกระทบอย่างมากที่แสดงโดยการใช้แรงเสียดทานที่สร้างขึ้นโดยการถูชิ้นส่วนของไม้ร่วมกันเพื่อเริ่มต้นไฟ พลังงานจลน์จะถูกแปลงเป็นพลังงานความร้อนเมื่อใดก็ตามที่เคลื่อนไหวกับแรงเสียดทานที่เกิดขึ้นตัวอย่างเช่นเมื่อของเหลวหนืดกวน อีกผลที่สำคัญของหลายประเภทของแรงเสียดทานสามารถสวมใส่ซึ่งอาจนำไปสู่การลดประสิทธิภาพการทำงานและ / หรือความเสียหายของชิ้นส่วน แรงเสียดทานเป็นส่วนประกอบของวิทยาศาสตร์ของ Tribology. แรงเสียดทานไม่ได้เป็นตัวเองแรงพื้นฐาน แต่เกิดขึ้นจากกองกำลังระหว่างอะตอมและโมเลกุลระหว่างสองพื้นผิวการติดต่อ ความซับซ้อนของการโต้ตอบเหล่านี้ทำให้การคำนวณของแรงเสียดทานจากหลักการแรกที่ทำไม่ได้และจำเป็นต้องใช้วิธีการเชิงประจักษ์ในการวิเคราะห์และการพัฒนาของทฤษฎี

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แรงเสียดทานเป็นแรงต้านการเคลื่อนที่สัมพัทธ์ของพื้นผิวของแข็ง ของเหลว ชั้น และวัสดุองค์ประกอบ เลื่อน กับแต่ละอื่น ๆ . [ 1 ] มีหลายประเภทของแรงเสียดทาน :

บริการแรงเสียดทานต่อต้านการเคลื่อนไหวด้านข้างของญาติสองพื้นผิวของแข็งในการติดต่อ แรงเสียดทานแห้งแบ่งแรงเสียดทานสถิต ( " stiction " ) ระหว่างพื้นผิวที่ไม่เคลื่อนที่ และแรงเสียดทานจลน์ระหว่าง
ย้ายพื้นผิวความเสียดทานของไหล กล่าวถึงความขัดแย้งระหว่างชั้นของของเหลวหนืดที่เคลื่อนที่สัมพัทธ์กับแต่ละอื่น ๆ . [ 2 ] [ 3 ]
หล่อลื่นแรงเสียดทานเป็นกรณีของของเหลวหล่อลื่นของเหลวแยกสองแรงเสียดทานที่พื้นผิวของแข็ง [ 4 ] [ 5 ] [ 6 ]
ค่าแรงเสียดทานที่ผิว เป็นส่วนประกอบของ ลาก แรง แรง การเคลื่อนที่ของของไหลผ่านพื้นผิวของร่างกาย .
เสียดทานภายในเป็นแรงต้านการเคลื่อนที่ระหว่างองค์ประกอบการทำวัสดุแข็งในขณะที่มันผ่านการ [ 3 ]
เมื่อพื้นผิวสัมผัสเคลื่อนที่สัมพันธ์กับแต่ละอื่น ๆ การเสียดสีระหว่างสองพื้นผิวแปลงพลังงานจลน์เป็นพลังงาน คุณสมบัตินี้สามารถมีผลอย่างมากที่แสดงโดยการใช้แรงเสียดทานที่สร้างขึ้น โดย rubbing ชิ้นไม้เข้าด้วยกันเพื่อเริ่มต้นไฟ พลังงานจลน์เป็นพลังงานที่แปลงการเคลื่อนไหวกับแรงเสียดทานที่เกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น เมื่อของเหลวหนืด เป็นคน อีกหนึ่งผลที่สำคัญของหลายประเภทของแรงเสียดทานสามารถสวมใส่ ซึ่งอาจนำไปสู่การเสื่อมประสิทธิภาพ และ / หรือความเสียหายของชิ้นส่วนแรงเสียดทานเป็นส่วนประกอบของวิทยาศาสตร์ของไทรโบโลยี .

แรงเสียดทานไม่ตัวเองพื้นฐานบังคับ แต่เกิดขึ้นจาก interatomic ์และกองกำลังระหว่างสองติดต่อพื้นผิว ความซับซ้อนของปฏิสัมพันธ์เหล่านี้ทำให้การคำนวณแรงเสียดทานจากหลักการไม่ได้ก่อน และจำเป็นต้องใช้วิธีการเชิงประจักษ์สำหรับการวิเคราะห์และการพัฒนาของทฤษฎี