Leadership BehaviorHooijberg, Lane,

Leadership Behavior
Hooijberg, Lane, and Diversé (2010) explained that there has been an extensive
collection of theories studied that give emphasis to behavioral approaches to leadership
ranging from Fiedler’s (1967) LPC theory to House’s (1971) path-goal theory to Quinn’s
(1988) competing values framework (CVF) and Bass’ (1985) transformational leadership
theory. A leader’s behavior is a powerful display of mannerisms that convey the
expectations and values of the organization that sets the tone for the organizational
climate (Grojean et al., 2004). According to Yukl (2006), researchers have spent more
time and energy conducting research on leadership behavior than on any other aspect
of leadership. Research in leadership behavior falls into one of two categories: the first
line of research examines how leaders spend their time throughout the day, their
particular pattern of activities, and their job responsibilities. The second line of research
focuses on identifying effective leadership behavior. Despite the fact that there could
potentially be numerous leadership behaviors, Farris (1988) identified two specific
kinds of leadership behaviors: task-oriented behaviors and relations-oriented behaviors.
Task-oriented leadership behaviors. Task-oriented leaders are primarily concerned
with reaching goals. They help their employees accomplish their goals by defining
roles, establishing goals and methods of evaluations, giving directions, setting time

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

พฤติกรรมผู้นำ
Hooijberg เลนและมีความหลากหลาย (2010) อธิบายว่ามีการกว้างขวาง
คอลเลกชันของทฤษฎีการศึกษาที่ให้ความสำคัญกับวิธีการพฤติกรรมความเป็นผู้นำ
ตั้งแต่เลอร์ของ (1967) ทฤษฎี LPC การบ้าน (1971) ทฤษฎีเส้นทางเป้าหมายที่จะควินน์
( 1988) กรอบค่านิยมการแข่งขัน (CVF) และเสียงเบส '(1985) ผู้นำการเปลี่ยนแปลง
ทฤษฎี พฤติกรรมของผู้นำเป็นจอแสดงผลที่มีประสิทธิภาพของท่าทางที่ถ่ายทอด
ความคาดหวังและค่านิยมขององค์กรที่กำหนดเสียงสำหรับองค์กร
อากาศ (Grojean et al., 2004) ตาม Yukl (2006) นักวิจัยได้ใช้เวลามากขึ้น
เวลาและพลังงานการทำวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมความเป็นผู้นำมากกว่าด้านอื่น ๆ
ของการเป็นผู้นำ การวิจัยในพฤติกรรมความเป็นผู้นำตกอยู่ในหนึ่งในสองประเภท: ครั้งแรกที่
สายของการวิจัยวิธีการตรวจสอบผู้นำของพวกเขาใช้เวลาตลอดทั้งวันของพวกเขา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปแบบของกิจกรรมและความรับผิดชอบในงานของพวกเขา บรรทัดที่สองของการวิจัย
มุ่งเน้นไปที่การระบุพฤติกรรมความเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพ แม้จะมีความจริงที่ว่าอาจมี
อาจจะเป็นพฤติกรรมผู้นำหลาย Farris (1988) ระบุเฉพาะสอง
ชนิดของพฤติกรรมผู้นำ. พฤติกรรมการงานที่มุ่งเน้นและพฤติกรรมที่มุ่งเน้นความสัมพันธ์ระหว่าง
พฤติกรรมผู้นำงานที่มุ่งเน้น ผู้นำงานที่มุ่งเน้นการมีความกังวลเกี่ยวเนื่อง
กับการบรรลุถึงเป้าหมาย พวกเขาช่วยให้พนักงานของพวกเขาบรรลุเป้าหมายของพวกเขาโดยการกำหนด
บทบาท, การกำหนดเป้าหมายและวิธีการประเมินผลการให้ทิศทางการตั้งค่าเวลา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

พฤติกรรมภาวะผู้นำ
hooijberg เลน และนักดำน้ำจาก ( 2010 ) อธิบายว่า มีการสะสมของทฤษฎีการศึกษาที่ให้

เน้นเชิงพฤติกรรมภาวะผู้นำตั้งแต่ฟิดเลอร์ ( 1967 ) LPC ทฤษฎีบ้าน ( 1971 ) เป้าหมายทางทฤษฎีกับควินน์
( 1988 ) และค่า ( cvf ชิงชัย ) และเบส ( 1985 ) ทฤษฎีภาวะผู้นำ
เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้นำที่เป็นจอแสดงผลที่มีประสิทธิภาพของกิริยาท่าทางที่ถ่ายทอด
ความคาดหวังและคุณค่าของการตั้งค่าเสียงสำหรับบรรยากาศองค์การ
( grojean et al . , 2004 ) ตาม ยุคล ( 2006 ) , นักวิจัยได้ใช้เวลา
และพลังงานวิจัยพฤติกรรมความเป็นผู้นำกว่าใด ๆอื่น ๆด้าน
ของภาวะผู้นำวิจัยพฤติกรรมผู้นำตกอยู่ในหนึ่งในสองประเภท : บรรทัดแรก
ของการวิจัยวิธีการตรวจสอบผู้นำใช้เวลาของพวกเขาตลอดทั้งวัน รูปแบบของพวกเขา
เฉพาะของกิจกรรมและความรับผิดชอบงานของพวกเขา บรรทัดที่สองของการวิจัย
เน้นระบุพฤติกรรมภาวะผู้นำที่มีประสิทธิภาพ แม้จะมีข้อเท็จจริงที่ว่ามันอาจ
อาจพฤติกรรมความเป็นผู้นำมากมายฟาร์ริส ( 1988 ) ระบุสองชนิดที่เฉพาะเจาะจง
พฤติกรรมภาวะผู้นำ : งานเชิงพฤติกรรมและความสัมพันธ์เชิงพฤติกรรม
งานเชิงพฤติกรรมภาวะผู้นำ งานที่มุ่งเน้นเป็นหลักที่เกี่ยวข้องกับผู้นำ
ถึงเป้าหมาย จะช่วยให้พนักงานของพวกเขาบรรลุเป้าหมายของพวกเขาโดยการกำหนดเป้าหมายและวิธีการจัดตั้ง
บทบาท ตามการบอกทิศทาง การตั้งค่าเวลา