undervalued companies with the inte

undervalued companies with the intention of holding the securities indefinitely. Giants like Coca-Cola, American Express and the Gillette Company all met his criteria and remained in the Berkshire Hathaway portfolio for many years. In several cases he bought the companies outright and let their management teams carry on running the companies. Companies that are in this category include See’s Candies, Fruit of the Loom, GEICO Auto Insurance and Dairy Queen.
Buffett became a billionaire when Berkshire Hathaway began selling class A shares in the middle of 1990 with the market closing at $7,175 per share. His reputation remained solid until technology stocks increased in popularity. As a self-confessed technophobe, Buffett opted out of the incredible rise of technology stocks during the latter part of the 1990’s and decided to continue to only invest in companies that met is criteria. Buffett was heavily criticised for this but many of the Wall Street experts responsible for this criticism went bankrupt when the dotcom bubble burst and Buffett’s profits doubled.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บริษัท undervalued ตั้งใจถือครองหลักทรัพย์ไม่มีกำหนด ยักษ์ใหญ่เช่นโคคาโคล่า อเมริกันเอ็กซ์เพรส และ บริษัทยิลเลตต์ทั้งหมดตามเงื่อนไขของเขา และยังคงอยู่ใน Berkshire Hathaway หลายปี ในหลายกรณี เขาซื้อบริษัททันที และให้ทีมบริหารดำเนินการในการทำงานในบริษัท บริษัทที่อยู่ในประเภทนี้ได้แก่ลูกอมของดู ผลไม้ของเครื่องทอผ้า ประกัน ภัยรถยนต์ของ GEICO และแดรี่ควีนนั้นบัฟเฟตต์เป็น มหาเศรษฐีเมื่อ Berkshire Hathaway เริ่มขายหุ้นชั้น A ในกลางปี 1990 กับตลาดปิดที่ $7,175 ต่อหุ้น ชื่อเสียงของเขายังคงแข็งจนหุ้นเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นในความนิยม เป็นตัวเองสารภาพ technophobe บัฟเฟตต์ปฏิเสธที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อของหุ้นเทคโนโลยีในช่วงครึ่งหลังของปี 1990 และตัดสินใจที่จะลงทุนเฉพาะ ในบริษัทที่พบเป็นเกณฑ์ บัฟเฟตต์ถูกวิจารณ์อย่างหนักสำหรับการนี้ แต่ของสตรีผู้เชี่ยวชาญรับผิดชอบการวิจารณ์นี้ก็ล้มละลายเมื่อ dotcom ฟองระเบิดและผลกำไรของบัฟเฟตต์สองเท่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บริษัท เท่าไหร่ที่มีความตั้งใจในการถือครองหลักทรัพย์ไม่สิ้นสุด ไจแอนต์เช่น Coca-Cola, อเมริกันเอ็กซ์เพรสและ บริษัท ยิลเลตต์ทั้งหมดตามเกณฑ์ของเขาและยังคงอยู่ในผลงานของ Berkshire Hathaway เป็นเวลาหลายปี ในหลายกรณีที่เขาซื้อ บริษัท ทันทีและแจ้งให้ทีมงานดำเนินการจัดการของพวกเขาในการทำงาน บริษัท บริษัท ที่อยู่ในหมวดหมู่นี้ ได้แก่ Candies ของเห็นผลไม้จาก Loom, ไกโคแอนด์ประกันภัยรถยนต์และแดรี่ควีน.
บัฟเฟตกลายเป็นมหาเศรษฐีเมื่อ Berkshire Hathaway เริ่มขายหุ้นชั้นในกลางปี ​​1990 ด้วยตลาดปิดที่ $ 7,175 ต่อหุ้น ชื่อเสียงของเขายังคงเป็นของแข็งจนหุ้นเทคโนโลยีความนิยมเพิ่มขึ้น ในฐานะที่เป็น technophobe ตัวเองสารภาพบัฟเฟเลือกที่จะเพิ่มขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อของหุ้นเทคโนโลยีในช่วงหลังของปี 1990 และตัดสินใจที่จะดำเนินการต่อไปเพียง แต่การลงทุนใน บริษัท ที่พบเป็นเกณฑ์ บัฟเฟตได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักสำหรับการนี้ แต่ส่วนมากของผู้เชี่ยวชาญ Wall Street รับผิดชอบในการวิจารณ์นี้ล้มละลายเมื่อระเบิดฟองดอทคอมและผลกำไรที่บัฟเฟตสองเท่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

บริษัท undervalued กับความตั้งใจของถือหลักทรัพย์ไปเรื่อย ๆ ยักษ์ใหญ่อย่างโคคาโคล่า , American Express และ บริษัท ยิลเลตต์ ทั้งหมดได้พบกับเกณฑ์ของเขาและยังคงอยู่ในผลงานของ Berkshire Hathaway เป็นเวลาหลายปี ในหลายกรณีเขาซื้อบริษัททันทีและให้ทีมงานการจัดการของพวกเขาดำเนินการบริหารบริษัท บริษัทที่อยู่ในประเภทนี้ ได้แก่ ดูสิ ขนมหวาน ผลไม้ของ Loom , Geico ประกันภัยรถยนต์ และแดรี่ควีนBuffett กลายเป็นมหาเศรษฐีเมื่อเบิร์กเชียร์ แฮธอะเวย์เริ่มขายหุ้นในระดับกลาง ปี 1990 ด้วยการปิดตลาดที่ $ 7175 ต่อหุ้น ชื่อเสียงของเขายังคงแข็งจนหุ้นเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นในความนิยม เป็นตนเองสารภาพ technophobe ตรงที่เลือกใช้จากการเพิ่มขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อของหุ้นเทคโนโลยีในส่วนหลังของปี 1990 และตัดสินใจที่จะลงทุนใน บริษัท ที่พบเป็นเพียงเกณฑ์ บัฟเฟตถูกวิจารณ์อย่างหนักนี้ แต่หลายของ Wall Street ผู้เชี่ยวชาญรับผิดชอบการวิจารณ์นี้ล้มละลายเมื่อระเบิดฟองคอมและผลกำไรบัฟเฟตเป็นสองเท่า