Current evidence suggests that IE t

Current evidence suggests that IE training lowers resting blood pressure (i.e., blood pressure when the heart is not stressed
or physically active). Although the precise mechanism for this reduction is not yet understood, one theory proposes that IE
causes adaptations in the local vasculature. This theory is based on the results of studies which demonstrate improvement in
local reactive blood flow and improved vascular resistance (as measured by increased vessel diameter, blood flow, and blood
velocity).Local vascular adaptations were reported following 8 weeks of isometric hand grip exercises (Badrov et al., 2013)
and 8 weeks of isometric bilateral leg extension training (Baross et al., 2012). It is notable these adaptations were reported in
individuals with hypertension, but were not observed in patients with normal blood pressure (Millar et al., 2014)
• Authors from Canada, Belgium, the United Kingdom, Australia, and Brazil reported that mounting prospective evidence
suggests that IE (e.g., training typically completed 3–5 times per week for 4–10weeks) in both normotensive and
hypertensive cohorts can lead to reductions in blood pressure measurements. Using meta-analysis, the authors further
reported mean reductions of between 10–13 mmHg systolic and 6–8 mmHg diastolic. While these results may not appear
to be noteworthy, even small decreases in systolic and diastolic measurements can translate into significant reductions in
the incidence of coronary artery disease, myocardial infarction, stroke, and mortality as well as less need for medication
(Carlson et al., 2014)
› Long-term strength training and stretching can improve quality of life in patients with chronic neck pain (Salo et al., 2012)
› In India, researchers studied the effects of isometric and proprioceptive exercises among information technology
professionals suffering from subclinical neck pain. 30 subjects were divided into 3 groups: group A was provided with
postural correction exercises, group B was provided with the postural correction lectures plus isometric neck extensor
muscle exercises, and group C was provided with the postural correction lectures, isometric neck extensor muscle
exercises, as well as proprioceptive training exercises such as head relocation practice, gaze stability exercises, eye follow
and eye-coordination exercises. Groups B and C were equally effective and significantly more effective in improving
pain, disability, muscle strength, and proprioception (i.e., the body’s ability to transmit a sense of position, analyze the
information, and react to the stimulation with the proper movement; knowing where a body part is without having to look for
it) than group A (Anu et al., 2014)
› According to a study of patients with osteoarthritis in the knee, IE led to greater improvement in physical function and
treating stiffness, while acupressure yielded a more effective response to reducing pain (Sorour et al., 2014)

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ปัจจุบันหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า IE การฝึกลดความดันโลหิตขณะพัก (เช่น ความดันโลหิตเมื่อหัวใจจะไม่เน้นหรือใช้งานร่างกาย) แม้ว่ากลไกที่แม่นยำสำหรับการลดนี้ไม่เป็นยังที่เข้าใจ ทฤษฎีหนึ่งเสนอที่ IEทำให้การปรับใน vasculature ท้องถิ่น ทฤษฎีนี้เป็นไปตามผลของการศึกษาซึ่งแสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงในไหลเวียนของเลือดภายในปฏิกิริยาและความต้านทานของหลอดเลือดดีขึ้น (จากการวัดเส้นผ่าศูนย์กลางของเรือเพิ่มขึ้น ไหลเวียนของเลือด และเลือดความเร็ว) หลอดเลือดภาษาถูกรายงานต่อสัปดาห์ 8 ของการออกกำลังกายมีมิติเท่ากันมือจับ (Badrov et al. 2013)และ 8 สัปดาห์ของ isometric ทวิภาคีเลกขยายการฝึกอบรม (Baross et al. 2012) น่าสังเกตดัดแปลงเหล่านี้ได้รับรายงานในบุคคลที่ มีความดันโลหิตสูง แต่ก็ไม่ได้สังเกตในผู้ป่วยความดันโลหิตปกติ (Millar et al. 2014)•ผู้เขียนจากแคนาดา เบลเยียม สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และบราซิลรายงานว่า หลักฐานผู้สนใจติดตั้งแนะนำว่า IE (เช่น การฝึกอบรมโดยทั่วไปแล้วเสร็จ 3 – 5 ครั้งต่อสัปดาห์สำหรับ 4 – 10weeks ในทั้ง normotensive และผองเพื่อนความดันโลหิตสูงสามารถนำไปสู่การวัดความดันโลหิตลด ใช้วิเคราะห์ ผู้เขียนเพิ่มเติมรายงานหมายถึงลดระหว่าง 10 – 13 mmHg systolic และ diastolic 6-8 mmHg ในขณะที่ผลลัพธ์เหล่านี้อาจไม่ปรากฏขึ้นจะน่าสนใจ แม้จะลดลงในการวัดค่า systolic และ diastolic สามารถแปลเป็นสำคัญในการลดอุบัติการณ์ ของโรคหลอดเลือดหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจตาย โรคหลอดเลือดสมอง และการตายรวม ทั้ง น้อยจำเป็นต้องใช้ยา(คาร์ลสัน et al. 2014)›ความแข็งแรงระยะยาวการฝึกอบรม และยืดสามารถปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยที่มีอาการปวดคอเรื้อรัง (Salo et al. 2012)›ในอินเดีย นักวิจัยศึกษาผลกระทบของการออกกำลังกายมีมิติเท่ากัน และอากัปกิริยาระหว่างเทคโนโลยีสารสนเทศผู้เชี่ยวชาญที่ทุกข์ทรมานจากอาการปวดคอ subclinical 30 วิชาถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม: กลุ่มให้ด้วยการแก้ไขทรงตัวออกกำลังกาย กลุ่ม B ให้กับบรรยายการแก้ไขทรงตัวบวกคอ isometric เอกซ์เทนเซอร์ออกกำลังกายของกล้ามเนื้อ และกลุ่ม C ให้ มีบรรยายการแก้ไขทรงตัว กล้ามเนื้อเอกซ์เทคอ isometricออกกำลังกาย เป็นอากัปกิริยาการฝึกอบรมการออกกำลังเช่นย้ายหัวปฏิบัติ จ้องมองความมั่นคงการออกกำลังกาย ทำตามตาและการออกกำลังกายประสานตา กลุ่ม B และ C มีประสิทธิภาพเท่าเทียมกันมากขึ้น และมีประสิทธิภาพในการปรับปรุงความเจ็บปวด ความพิการ ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และ proprioception (เช่น ความสามารถของร่างกายเพื่อส่งความรู้สึกของตำแหน่ง วิเคราะห์การข้อมูล และตอบสนองการกระตุ้นด้วยการเคลื่อนไหวที่เหมาะสม รู้อยู่ โดยไม่ต้องมองหาส่วนของร่างกายมัน) มากกว่ากลุ่ม (อนุวงศ์ et al. 2014)›การศึกษาผู้ป่วยที่มีโรคข้อเข่าเสื่อมในข้อเข่า IE นำไปปรับปรุงมากขึ้นในการทำงานทางกายภาพ และรักษาตึง ในขณะที่นวดให้ผลการตอบสนองที่มีประสิทธิภาพในการลดความเจ็บปวด (Sorour et al. 2014)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ปัจจุบันมีหลักฐานแสดงให้เห็นว่าการฝึกอบรม IE ลดความดันเลือดที่พักผ่อน (เช่นความดันโลหิตเมื่อหัวใจจะไม่เครียด
หรือออกกำลังกาย) แม้ว่ากลไกที่แม่นยำสำหรับการลดลงนี้จะไม่เข้าใจเลยทฤษฎีหนึ่งเสนอว่า IE
ทำให้เกิดการปรับตัวในเส้นเลือดท้องถิ่น ทฤษฎีนี้จะขึ้นอยู่กับผลการศึกษาที่แสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงใน
การไหลเวียนเลือดปฏิกิริยาในท้องถิ่นและความต้านทานของหลอดเลือดดีขึ้น (โดยวัดจากเส้นผ่าศูนย์กลางเพิ่มขึ้นเรือไหลเวียนของเลือดและเลือด
ความเร็ว) การปรับตัวของหลอดเลือด .local ได้รับรายงานต่อไป 8 สัปดาห์ของการออกกำลังกายมือจับภาพวาดสามมิติ (Badrov et al., 2013)
และ 8 สัปดาห์ของการฝึกอบรมขยายขาทวิภาคีภาพวาดสามมิติ (Baross et al., 2012) มันเป็นเรื่องน่าทึ่งดัดแปลงเหล่านี้ได้รับรายงานใน
บุคคลที่มีความดันโลหิตสูง แต่ไม่พบในผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตปกติ (มิลลาร์ et al., 2014)
•ผู้เขียนจากแคนาดา, เบลเยียม, สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลียและบราซิลรายงานว่าหลักฐานที่คาดหวัง
แสดงให้เห็นว่า IE (เช่นการฝึกอบรมโดยทั่วไปแล้วเสร็จ 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์สำหรับ 4-10weeks) ทั้งในโลหิตปกติและ
ผองเพื่อนความดันโลหิตสูงสามารถนำไปสู่การลดลงของการวัดความดันโลหิต การใช้ meta-analysis ผู้เขียนเพิ่มเติม
รายงานการลดลงของค่าเฉลี่ยระหว่าง 10-13 มิลลิเมตรปรอท systolic และ diastolic 6-8 มิลลิเมตรปรอท ขณะที่ผลเหล่านี้อาจไม่ปรากฏ
ว่าเป็นที่น่าสังเกตเล็ก ๆ ลดลงแม้ในวัด systolic และ diastolic สามารถแปลเป็นสำคัญในการลด
อุบัติการณ์ของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจกล้ามเนื้อหัวใจตายโรคหลอดเลือดสมองและการเสียชีวิตเช่นเดียวกับความต้องการลดลงสำหรับการใช้ยา
(คาร์ลสัน, et al 2014)
> การฝึกความแข็งแรงในระยะยาวและยืดสามารถปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยที่มีอาการปวดคอเรื้อรัง (ซาโล et al., 2012)
> ในประเทศอินเดีย, นักวิจัยศึกษาผลกระทบของการออกกำลังกายมีมิติเท่ากันและ proprioceptive หมู่เทคโนโลยีสารสนเทศ
มืออาชีพที่ทุกข์ทรมานจากการแสดงอาการ อาการปวดคอ 30 วิชาแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มคือกลุ่มที่ถูกจัดให้มี
การออกกำลังกายการแก้ไขทรงตัวกลุ่ม B ถูกจัดให้มีการบรรยายการแก้ไขทรงตัวบวกคอมีมิติเท่ากันยืด
ออกกำลังกายกล้ามเนื้อและกลุ่ม C ถูกจัดให้มีการบรรยายการแก้ไขทรงตัวคอมีมิติเท่ากันของกล้ามเนื้อยืด
ออกกำลังกาย เช่นเดียวกับการออกกำลังกายการฝึกอบรม proprioceptive ปฏิบัติเช่นหัวย้ายจ้องมองการออกกำลังกายความมั่นคงติดตามตา
และการออกกำลังกายตาประสานงาน กลุ่ม B และ C มีประสิทธิภาพเท่าเทียมกันและมีความหมายมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการปรับปรุง
ความเจ็บปวดความพิการแข็งแรงของกล้ามเนื้อและ proprioception (เช่นความสามารถของร่างกายในการส่งผ่านความรู้สึกของตำแหน่งวิเคราะห์
ข้อมูลและการตอบสนองต่อการกระตุ้นกับการเคลื่อนไหวที่เหมาะสมรู้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายโดยไม่ต้องมองหา
มัน) กว่ากลุ่ม A (อนุวงศ์ et al., 2014)
> จากการศึกษาของผู้ป่วยที่มีโรคข้อเข่าเสื่อมในเข่า, IE นำไปสู่การปรับปรุงมากขึ้นในการทำงานทางกายภาพและ
การรักษาความมั่นคงในขณะที่กดจุด ผลการตอบสนองที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการลดความเจ็บปวด (Sorour et al., 2014)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หลักฐานปัจจุบันแสดงให้เห็นว่าการลดแรงดันเลือดขณะ IE ( เช่น ความดันโลหิตเมื่อหัวใจมันไม่เครียดหรือใช้งานจริง ) แม้ว่ากลไกที่แน่นอนสำหรับการลดภาพนี้ยังไม่เป็นที่เข้าใจทฤษฎีหนึ่งเสนอว่า เช่นสาเหตุการปรับตัวใน vasculature ท้องถิ่น ทฤษฎีนี้จะขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ของการศึกษาซึ่งแสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงในการไหลของเลือดสีในท้องถิ่นและการปรับปรุง vascular resistance ( วัดโดยเรือขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเพิ่มขึ้นการไหลของเลือด และเลือดความเร็ว ) ดัดแปลงลำเลียงท้องถิ่นรายงานต่อไปนี้ 8 สัปดาห์ของการออกกำลังกาย Isometric กล้ามเนื้อมือ ( badrov et al . , 2013 )และ 8 สัปดาห์ของการฝึกอบรมมีมิติเท่ากันขาทั้งสองต่อ บารอส et al . , 2012 ) มันเป็นเรื่องน่าทึ่งการปรับตัวเหล่านี้มีรายงานในบุคคลที่มีความดันโลหิตสูง แต่ไม่พบในผู้ป่วยที่มีความดันปกติ ( มิลลาร์ et al . , 2010 )- เขียนจากแคนาดา เบลเยียม สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และบราซิล รายงานว่า หลักฐานการติดตั้งในอนาคตแสดงให้เห็นว่า IE ( เช่น การฝึกอบรมโดยทั่วไปสมบูรณ์ 3 – 5 ครั้งต่อสัปดาห์ที่ 4 – 10weeks ) ทั้งในเตตสมุน ความดันโลหิตสูงสามารถนำไปสู่การลดลงของการวัดความดันโลหิต ด้วยการวิเคราะห์อภิมาน ผู้เขียนเพิ่มเติมรายงานว่าลดลงระหว่าง 10 – 13 มม. ปรอท systolic และ diastolic 6 – 8 มิลลิเมตรปรอท . ในขณะที่ผลลัพธ์เหล่านี้อาจไม่ปรากฏจะคำนวณลดลง systolic และ diastolic ขนาดเล็กแม้ในการวัดสามารถแปลลงในระบบทางอุบัติการณ์ของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หลอดเลือดหัวใจตีบ เส้นเลือดสมองอุดตัน และการตาย ตลอดจนต้องน้อยกว่ายา( คาร์ลสัน et al . , 2010 )›การฝึกอบรมความแข็งแรงและยืดระยะเวลานาน สามารถปรับปรุงคุณภาพของชีวิตในผู้ป่วยที่มีอาการปวดคอเรื้อรัง ( ซาโล et al . , 2012 )›ในประเทศอินเดีย นักวิจัยได้ศึกษาผลของทิศทางของเทคโนโลยีสารสนเทศและการออกกำลังกาย proprioceptiveผู้เชี่ยวชาญด้านการทุกข์ทรมานจากอาการปวดคอซับคลินิเคิล . 30 คนแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มที่ได้รับ :แบบฝึกหัดท่าทางการแก้ไข , กลุ่ม B ให้กับท่าทางการแก้ไขคำบรรยายบวกคโตคอการออกกำลังกายกล้ามเนื้อและกลุ่ม C ที่ได้รับการบรรยายการแก้ไขท่าทาง Isometric กล้ามเนื้อเหยียดคอ ,แบบฝึกหัด ตลอดจนการฝึกอบรม proprioceptive แบบฝึกหัดเช่นการปฏิบัติการย้ายหัว สายตาของตา ตามแบบฝึกหัดและการฝึกการประสานงานตา กลุ่ม B และ C กันและมีประสิทธิภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติความเจ็บปวด , ความพิการ , ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และ proprioception ( เช่น ความสามารถของร่างกายในการถ่ายทอดความรู้สึกของตำแหน่ง วิเคราะห์ข้อมูล และการตอบสนองต่อการกระตุ้นด้วยการเคลื่อนไหวที่เหมาะสม รู้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายโดยไม่ต้องค้นหา) กว่ากลุ่ม ( Anu et al . , 2010 )›ตามการศึกษาของผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมในข้อเข่า เช่น นำไปสู่การปรับปรุงมากขึ้นในการทำงานทางกายภาพและรักษาความแข็งแรงในขณะที่กดจุดและการตอบสนองที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อลดความเจ็บปวด ( sorour et al . , 2010 )