Purpose/Objectives: To test the eff

Purpose/Objectives: To test the effectiveness of two interventions compared to usual care in decreasing attitudinal barriers to cancer pain management, decreasing pain intensity, and improving functional status and quality of life (QOL).Design: Randomized clinical trial.Setting: Six outpatient oncology clinics (three Veterans Affairs [VA] facilities, one county hospital, and one community-based practice in California, and one VA clinic in New Jersey)Sample: 318 adults with various types of cancer-related pain.Methods: Patients were randomly assigned to one of three groups: control, standardized education, or coaching. Patients in the education and coaching groups viewed a video and received a pamphlet on managing cancer pain. In addition, patients in the coaching group participated in four telephone sessions with an advanced practice nurse interventionist using motivational interviewing techniques to decrease attitudinal barriers to cancer pain management. Questionnaires were completed at baseline and six weeks after the final telephone calls. Analysis of covariance was used to evaluate for differences in study outcomes among the three groups.Main Research Variables: Pain intensity, pain relief, pain interference, attitudinal barriers, functional status, and QOL.Findings: Attitudinal barrier scores did not change over time among groups. Patients randomized to the coaching group reported significant improvement in their ratings of pain-related interference with function, as well as general health, vitality, and mental health.Conclusions: Although additional evaluation is needed, coaching may be a useful strategy to help patients decrease attitudinal barriers toward cancer pain management and to better manage their cancer pain.Implications for Nursing: By using motivational interviewing techniques, advanced practice oncology nurses can help patients develop an appropriate plan of care to decrease pain and other symptoms.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วัตถุประสงค์/เป้าหมาย: เพื่อทดสอบประสิทธิผลของมาตรการที่สองเมื่อเทียบกับปกติดูแลลดอุปสรรค attitudinal การจัดการอาการปวดของมะเร็ง ลดความรุนแรงของอาการปวด และปรับปรุงสถานะการทำงานและคุณภาพชีวิต (QOL) ออกแบบ: Randomized ทดลองทางคลินิก การตั้งค่า: หกรักษามะเร็งวิทยาคลินิก (สามกิจการทหารผ่านศึก [VA] สิ่งอำนวยความสะดวก โรงพยาบาลเขตหนึ่ง และปฏิบัติชุมชนหนึ่งในรัฐแคลิฟอร์เนีย และคลินิก VA หนึ่งในนิวเจอร์ซี่) ตัวอย่าง: ผู้ใหญ่ 318 กับอาการปวดที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ วิธีการ: ผู้ป่วยถูกสุ่มกำหนดให้หนึ่งในสามกลุ่ม: ควบคุม มาตรฐานการศึกษา หรือฝึก ผู้ป่วยในการศึกษาและฝึกอบรมกลุ่มดูวิดีโอ และได้รับจุลสารเกี่ยวกับการจัดการอาการปวดของโรคมะเร็ง นอกจากนี้ ผู้ป่วยในกลุ่มการฝึกอบรมร่วมในเซสชันโทรศัพท์สี่กับ interventionist พยาบาลปฏิบัติการขั้นสูงที่ใช้เทคนิคการสัมภาษณ์ข้อมูลส่วนตัวหัดลดอุปสรรค attitudinal การจัดการอาการปวดของมะเร็ง แบบสอบถามเสร็จสมบูรณ์ที่พื้นฐานและ 6 สัปดาห์หลังจากการโทรครั้งสุดท้าย การวิเคราะห์ความแปรปรวนร่วมที่ใช้ประเมินสำหรับความแตกต่างในผลการศึกษาระหว่างกลุ่มสาม ตัวแปรหลักของการวิจัย: ความรุนแรงของอาการปวด บรรเทาอาการปวดหลัง ปวดรบกวน อุปสรรค attitudinal สถานะการทำงาน และ QOL ค้นพบ: อุปสรรค Attitudinal คะแนนไม่เปลี่ยนแปลงช่วงเวลาระหว่างกลุ่ม ผู้ป่วย randomized การฝึกอบรมรายงานการปรับปรุงที่สำคัญในการจัดอันดับของอาการปวดที่เกี่ยวข้องกับ ฟังก์ชัน ตลอดจนสุขภาพทั่วไป พลัง และสุขภาพจิต บทสรุป: แม้ว่าการประเมินเพิ่มเติมเป็นสิ่งจำเป็น ฝึกได้กลยุทธ์มีประโยชน์เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยลดอุปสรรค attitudinal ไปทางการจัดการอาการปวดของโรคมะเร็ง และเพื่อจัดการอาการปวดของโรคมะเร็ง ผลการพยาบาล: โดยใช้เทคนิคการสัมภาษณ์ข้อมูลส่วนตัวหัด พยาบาลมะเร็งวิทยาปฏิบัติขั้นสูงสามารถช่วยให้ผู้ป่วยที่พัฒนาแผนการที่เหมาะสมของการดูแลเพื่อลดอาการปวดและอาการอื่น ๆ ได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัตถุประสงค์ / วัตถุประสงค์: เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของทั้งสองการแทรกแซงเมื่อเทียบกับการดูแลตามปกติในการลดอุปสรรคทัศนคติในการจัดการความปวดมะเร็งลดความปวดและการปรับปรุงสถานะการทำงานและคุณภาพชีวิต (คุณภาพชีวิต) .Design: คลินิกแบบสุ่ม trial.Setting: หกผู้ป่วยนอก คลินิกเนื้องอก (สามกิจการทหารผ่านศึก [VA] สิ่งอำนวยความสะดวก, โรงพยาบาลแห่งหนึ่งเขตและเป็นหนึ่งในชุมชนที่ปฏิบัติอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียและเป็นหนึ่งในคลินิกเวอร์จิเนียนิวเจอร์ซีย์) ตัวอย่าง: 318 ผู้ใหญ่ที่มีหลากหลายชนิด pain.Methods ที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง: ผู้ป่วยที่มีการสุ่ม ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหนึ่งในสามกลุ่ม: การควบคุมมาตรฐานการศึกษาหรือการฝึก ผู้ป่วยในการศึกษาและการฝึกกลุ่มดูวิดีโอและได้รับหนังสือเล่มเล็ก ๆ เกี่ยวกับการจัดการความเจ็บปวดโรคมะเร็ง นอกจากนี้ผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มการฝึกร่วมในสี่ประชุมทางโทรศัพท์กับพยาบาลปฏิบัติขั้นสูงแทรกแซงโดยใช้เทคนิคการสร้างแรงบันดาลใจการสัมภาษณ์เพื่อลดอุปสรรคทัศนคติในการจัดการความเจ็บปวดโรคมะเร็ง แบบสอบถามเสร็จสมบูรณ์ที่ baseline และหกสัปดาห์หลังจากที่สายโทรศัพท์ครั้งสุดท้าย การวิเคราะห์ความแปรปรวนถูกนำมาใช้ในการประเมินความแตกต่างในผลการศึกษาในสาม groups.Main ตัวแปรการวิจัย: ความรุนแรงปวดบรรเทาอาการปวด, ปวดรบกวนอุปสรรคทัศนคติสถานะการทำงานและ QOL.Findings: คะแนนอุปสรรคทัศนคติไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาผ่านไปในหมู่ กลุ่ม ผู้ป่วยที่สุ่มไปยังกลุ่มการฝึกที่มีการรายงานการปรับปรุงที่สำคัญในการจัดอันดับของพวกเขาจากการรบกวนความเจ็บปวดที่เกี่ยวข้องกับการทำงานเช่นเดียวกับสุขภาพโดยทั่วไปพลังและจิต health.Conclusions: แม้ว่าการประเมินผลเพิ่มเติมเป็นสิ่งจำเป็นการฝึกอาจจะเป็นกลยุทธ์ที่มีประโยชน์ในการช่วยให้ผู้ป่วยลดลง ปัญหาและอุปสรรคที่มีต่อทัศนคติการจัดการความเจ็บปวดโรคมะเร็งและการจัดการที่ดี pain.Implications มะเร็งของพวกเขาสำหรับการพยาบาล: โดยใช้เทคนิคการสร้างแรงบันดาลใจการสัมภาษณ์การปฏิบัติพยาบาลเนื้องอกขั้นสูงสามารถช่วยให้ผู้ป่วยพัฒนาแผนของการดูแลที่เหมาะสมเพื่อลดอาการปวดและอาการอื่น ๆ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วัตถุประสงค์ วัตถุประสงค์ : เพื่อทดสอบประสิทธิผลของการแทรกแซงที่ 2 เมื่อเทียบกับการดูแลตามปกติในการลดอุปสรรคในการจัดการความเจ็บปวดและมะเร็ง ลดระดับความรุนแรงของอาการ และปรับปรุงสภาพการทำงาน และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การออกแบบและการทดลองทางคลินิก การตั้งค่าผู้ป่วยนอกคลินิก ( 3 : 6 ) กิจการทหารผ่านศึก [ และ ] เครื่องหนึ่งเขตโรงพยาบาล ,และการฝึกในแคลิฟอร์เนีย และคลินิกและหนึ่งใน New Jersey ) ตัวอย่าง : 318 ผู้ใหญ่กับประเภทต่างๆของโรคมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับความเจ็บปวด วิธีการ : แบ่งกลุ่มตัวอย่างเป็น 3 กลุ่มควบคุม , การศึกษา , มาตรฐานหรือการฝึก ผู้ป่วยในกลุ่มศึกษาและฝึกดูวิดีโอและได้รับหนังสือเล่มเล็กเกี่ยวกับการจัดการอาการปวดมะเร็ง นอกจากนี้ผู้ป่วยกลุ่มที่ฝึกร่วมสี่โทรศัพท์การประชุมกับขั้นสูงพยาบาล interventionist แรงจูงใจสัมภาษณ์โดยใช้เทคนิคเพื่อลดอุปสรรคและการจัดการอาการปวดมะเร็ง ได้รับแบบสอบถามที่สมบูรณ์ที่ baseline และหกสัปดาห์หลังจากที่โทรศัพท์ สุดท้ายการวิเคราะห์ความแปรปรวนร่วมประเมินผลสำหรับความแตกต่างในผลการศึกษาทั้ง 3 กลุ่ม ตัวแปรการวิจัยหลัก : ความรุนแรงของอาการปวดบรรเทา ความเจ็บปวดแทรก ความเจ็บปวด อุปสรรค และสภาพการทำงาน และคุณภาพชีวิต การศึกษา : คะแนนอุปสรรคและไม่ได้เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ระหว่างกลุ่มผู้ป่วยกลุ่มที่ฝึกแบบการรายงานการปรับปรุงที่สำคัญในการจัดอันดับของความเจ็บปวดที่เกี่ยวข้องกับการแทรกแซงการทำงาน ตลอดจนสุขภาพทั่วไป , พลัง , และสุขภาพจิต สรุป แม้ว่าการประเมินเพิ่มเติมเป็นสิ่งจำเป็น การฝึกอาจเป็นกลยุทธ์ที่เป็นประโยชน์เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยลดอุปสรรคต่อการจัดการความปวดจากมะเร็ง และมีการจัดการดีขึ้น อาการปวดมะเร็งของพวกเขาสำหรับพยาบาล : โดยใช้แรงจูงใจเทคนิคการสัมภาษณ์ , พยาบาลและการปฏิบัติการพยาบาลขั้นสูงสามารถช่วยพัฒนาแผนการดูแลผู้ป่วยที่เหมาะสม เพื่อลดอาการปวดและอาการอื่น ๆ