Laue (1993:256) defined conflict as

Laue (1993:256) defined conflict as ‘escalated natural competition between two or more parties about scarce resources, power and prestige’. Parties in conflict believe they have incompatible goals, and their aim is to neutralise, gain advantage over, injure or destroy one another (Laue 1993:257). According to Fry and Bjorkqvist (1997:26), conflict, although inevitable, is not inherently pathological, sick behaviour or always dysfunctional. Some conflicts are harmful but they may, in some cases, improve society and social relations on a long- term basis. Conflict can be a constructive force in social life (Fry and Bjorkqvist 1997:26). Toft (2004) in his book ‘The geography of ethnic violence: Identity, interests and the indivisibility of territory’ approached the issue of conflicts and genocide in particular within the geography of ethnic violence and argues that conflicts are complex phenomena which are the results of either socio-political, economic or environmental disintegration. Turshen (2001:57) emphasised, for instance, the world market and massive poverty as the roots of genocide in addition to the colonial legacy and the indifference of Western ruling classes. The theoretical links between geography, society and conflicts were alsohighlighted by Ferguson (1994:59) who emphasised that genocides had negative consequences on the infrastructure, structure and superstructure.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Laue (1993:256) กำหนดความขัดแย้งเป็น 'เลื่อนแข่งขันธรรมชาติระหว่างสอง หรือมากกว่าสองฝ่ายเกี่ยวกับการขาดแคลนทรัพยากร พลังงาน และเพรสทีจ' ฝ่ายในความขัดแย้งเชื่อว่า พวกเขามีเป้าหมายที่เข้ากันไม่ได้ และเป้าหมายของพวกเขาคือการ ปรึกษา ได้รับประโยชน์มากกว่า ทำร้าย หรือทำลายกัน (Laue 1993:257) ตามทอดและ Bjorkqvist (1997:26), ความขัดแย้ง หลีกเลี่ยง แม้ว่าไม่มีความพฤติกรรมทางพยาธิวิทยา ป่วย หรือนบาเสมอ ความขัดแย้งบางอย่างมีอันตราย แต่พวกเขาอาจ ในบางกรณี พัฒนาสังคมและความสัมพันธ์ทางสังคมในระยะยาว ความขัดแย้งได้แรงสร้างสรรค์ในชีวิตทางสังคม (1997:26 ทอดและ Bjorkqvist) Toft (2004) ในหนังสือของเขา ' ภูมิศาสตร์ความรุนแรงเชื้อชาติ: เอกลักษณ์ สนใจ และ indivisibility ดินแดน ' ประดับโดยเฉพาะปัญหาความขัดแย้งและพันธุฆาตภายในภูมิศาสตร์ความรุนแรงเชื้อชาติ และว่า ความขัดแย้งเป็นปรากฏการณ์ที่ซับซ้อนซึ่งเป็นผลของการเมือง เศรษฐกิจ หรือสิ่งแวดล้อมสลายตัว จน Turshen (2001:57) emphasised เช่น ตลาดโลกและความยากจนยิ่งใหญ่เป็นรากของพันธุฆาตนอกจากโคโลเนียลแบบเก่าและท่านของชนตะวันตกชั้น ทฤษฎีเชื่อมโยงระหว่างภูมิศาสตร์ สังคม และความขัดแย้งถูก alsohighlighted โดยเฟอร์กูสัน (1994:59) ที่ emphasised ว่า genocides มีผลลบในโครงสร้างพื้นฐาน โครงสร้าง และโครงสร้างส่วนบน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

Laue (1993: 256) การกำหนดความขัดแย้งขณะที่การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นตามธรรมชาติระหว่างสองฝ่ายหรือมากกว่าเกี่ยวกับทรัพยากรที่ขาดแคลนพลังงานและบารมี ' ภาคีในความขัดแย้งเชื่อว่าพวกเขามีเป้าหมายที่เข้ากันไม่ได้และจุดมุ่งหมายของพวกเขาคือการต่อต้านได้รับประโยชน์มากกว่าทำร้ายหรือทำลายคนอื่น (Laue 1993: 257) ตามที่ทอดและ Bjorkqvist (1997: 26) ความขัดแย้งแม้ว่าสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ทางพยาธิวิทยาโดยเนื้อแท้พฤติกรรมที่ผิดปกติป่วยหรือเสมอ บางความขัดแย้งเป็นอันตราย แต่พวกเขาอาจในบางกรณีการปรับปรุงสังคมและความสัมพันธ์ทางสังคมบนพื้นฐานระยะยาว ความขัดแย้งสามารถเป็นแรงสร้างสรรค์ในชีวิตทางสังคม (ทอดและ Bjorkqvist 1997: 26) เคหสถาน (2004) ในหนังสือของเขา 'ภูมิศาสตร์ของความรุนแรงชาติพันธุ์: เอกลักษณ์ความสนใจและสามารถแยกออกจากดินแดน' เข้าหาปัญหาของความขัดแย้งและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในภูมิศาสตร์ของความรุนแรงทางชาติพันธุ์และระบุว่าความขัดแย้งเป็นปรากฏการณ์ที่ซับซ้อนซึ่งเป็นผลของการ ทั้งทางสังคมและการเมือง, การสลายตัวทางเศรษฐกิจหรือสิ่งแวดล้อม Turshen (2001: 57) เน้นเช่นตลาดโลกและความยากจนขนาดใหญ่เป็นรากของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่นอกเหนือไปจากมรดกยุคอาณานิคมและไม่แยแสของชนชั้นปกครองตะวันตก การเชื่อมโยงระหว่างทฤษฎีภูมิศาสตร์สังคมและความขัดแย้งถูก alsohighlighted โดยเฟอร์กูสัน (1994: 59) ที่เน้นย้ำว่าการฆ่าล้างเผ่าพันธ์มีผลกระทบเชิงลบในโครงสร้างพื้นฐานโครงสร้างและเสริม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ลัว ( 1993:256 ) นิยามความขัดแย้งบานปลายเป็น ' ธรรมชาติการแข่งขันระหว่างสองคนหรือมากกว่าบุคคล เกี่ยวกับบางทรัพยากร อำนาจและบารมี ' คู่กรณีในความขัดแย้งเชื่อว่าพวกเขามีเป้าหมายที่เข้ากันไม่ได้ และจุดมุ่งหมายของพวกเขาคือการต่อต้านจะได้รับประโยชน์มากกว่าทำร้ายหรือทำลายคนอื่น ( ลัว 1993:257 ) ตามที่ทอดและ bjorkqvist ( 1997:26 ) ความขัดแย้ง แต่หลีกเลี่ยงไม่ได้ไม่ได้เป็นอย่างโดยเนื้อแท้พยาธิวิทยา , พฤติกรรมป่วยหรือผิดปกติเสมอ ความขัดแย้งจะเป็นอันตราย แต่พวกเขาอาจจะ ในบางกรณี พัฒนาสังคมและความสัมพันธ์ทางสังคมบนพื้นฐานระยะยาว . ความขัดแย้งสามารถเป็นแรงสร้างสรรค์ในสังคม ( ทอดและ bjorkqvist 1997:26 ) ทอฟท์ ( 2004 ) ในหนังสือของเขา ' ภูมิศาสตร์ของความรุนแรงเชื้อชาติ : เอกลักษณ์ความสนใจและ indivisibility ดินแดน ' เข้าหาปัญหาความขัดแย้งและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิศาสตร์ของความรุนแรงและความขัดแย้งชาติระบุว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ซับซ้อนซึ่งเป็นผลให้สังคม การเมือง เศรษฐกิจ หรือการสิ่งแวดล้อม turshen ( 2001:57 ) เน้น เช่นตลาดโลกและความยากจนขนาดใหญ่เป็นรากของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในนอกเหนือไปจากอาณานิคมมรดกและไม่แยแสของชนชั้นปกครองของตะวันตก การเชื่อมโยงระหว่างทฤษฎีทางภูมิศาสตร์ สังคม และความขัดแย้งเป็น alsohighlighted โดยเฟอร์กูสัน ( 1994:59 ) ที่เน้นที่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่มีผลทางลบต่อโครงสร้าง โครงสร้าง และโครงสร้างส่วนบน .