In order to test the moderating eff

In order to test the moderating effect of MCS type on the strategy
performance relationship, moderator regression was used. In the first
part, the entire sample was split into two groups:
1. the group consisting of firms which follow a differentiation strategy
and
2. the group consisting of firms that follow a cost leadership strategy.
The respondent firms in the study were split based on the average
score calculated across the nine strategy items for each firm. Firms
with a strategy value of less than 3 (i.e. the median value) were considered
as firms following a cost leadership strategy and firms
that had an average strategy value of 3 or more were considered as
following a differentiation strategy. A total of 83 (39%) sample
elements belonged to the cost leadership group while the remaining
firms were found to be following the differentiation strategy. Moderator
regression was performed for each group separately. For both
the regressions, performance was the dependent variable.
In the cost leadership group, a firm's strategy value was subtracted
by 3 and the absolute value of the resulting scorewas considered as the
strategy value for the firm. This was because, in the strategy variable,
lower values meant greater reliance on cost leadership strategy, with
value nearing 3, showing a minimal reliance on cost leadership strategy.
The strategy variable was the independent variable and the financial
based MCS variable was the moderator variable for the cost leadership group. For the group of firms that were following a differentiation
strategy, themoderator variablewas specified as the extent towhich the
firms were following non-financial based MCS. The hypotheses were
tested using moderated regression (MAR) analysis. In this analysis,
apart from the independent variable and the moderating variable, a
cross product of the independent variable and moderating variable are
included in the regression equation. According to Aiken and West
(1991), the significance of the moderating effect can be inferred from
the statistical significance of the cross product of the independent
variable and the moderating variable. The degree of moderation could
be plotted using the method suggested by Aiken andWest (1991). The
regression plot gives a good idea about the level and direction of
moderation. The regression equations are given in Table 5.
We also conducted two different sets of regression analysis to
explore: (i) the moderating effect of non-financial MCS on costleadership
strategy and performance relationships and (ii) the
moderating effect of financial MCS on differentiation strategy and
performance relationships. The results are shown in Table 6. However,
in both the regression equations, the regression coefficient of the
interaction term (the cross product of the strategy and MCS variable)
was not found to be significant even at pb0.1 level. A moderating
effect is thus ruled out in the case of non-financial MCS for cost
leadership strategy and financial MCS for differentiation strategy.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เพื่อทดสอบผลกระทบต่อเศรษฐกิจของ MCS ชนิดกลยุทธ์ใช้ประสิทธิภาพความสัมพันธ์ ดูแลถดถอย ในครั้งแรกส่วน ตัวอย่างทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม:1.กลุ่มบริษัทซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์การสร้างความแตกต่างและ2.กลุ่มบริษัทตามกลยุทธ์การเป็นผู้นำต้นทุนที่ประกอบด้วยบริษัทผู้ตอบแบบสำรวจในการศึกษาที่ถูกแบ่งตามค่าเฉลี่ยคะแนนคำนวณข้ามรายการเก้ากลยุทธ์สำหรับแต่ละบริษัท บริษัทมีค่าน้อยกว่า (เช่นค่ามัธยฐาน) 3 กลยุทธ์การพิจารณาว่าเป็นบริษัทที่นำกลยุทธ์ต้นทุนและบริษัทที่มีค่าเฉลี่ยกลยุทธ์ของ 3 หรือมากกว่าก็ถือว่าเป็นกลยุทธ์สร้างความแตกต่างต่อไปนี้ ทั้งหมด 83 (39%) ตัวอย่างองค์ประกอบเป็นผู้นำกลุ่มต้นทุนในขณะที่เหลือบริษัทพบว่าเป็นไปกลยุทธ์การสร้างความแตกต่างกัน ผู้ดูแลถดถอยถูกทำสำหรับแต่ละกลุ่มแยกต่างหาก สำหรับทั้งสองแสดง ประสิทธิภาพการทำงานเป็นตัวแปรหักค่ากลยุทธ์ของบริษัทในกลุ่มผู้นำต้นทุนโดย 3 และค่าสัมบูรณ์ของ scorewas เป็นผลลัพธ์ถือว่าเป็นการค่ากลยุทธ์สำหรับบริษัท เนื่องจาก ในการแปรกลยุทธ์ค่าต่ำหมายถึง มากกว่า พึ่งพาต้นทุนกลยุทธ์ความเป็นผู้นำ มีค่าที่ใกล้จะ 3 แสดงพึ่งกลยุทธ์ความเป็นผู้นำต้นทุนน้อยที่สุดตัวแปรกลยุทธ์เป็นตัวแปรอิสระและงบการเงินตาม MCS แปรเป็นตัวแปรผู้ดูแลสำหรับกลุ่มต้นทุนผู้นำ สำหรับกลุ่มบริษัท ที่มีต่อความแตกต่างที่กลยุทธ์ variablewas themoderator ระบุเป็น towhich ขอบเขตการบริษัทได้ต่อ MCS ตามเงิน สมมติฐานได้ทดสอบได้โดยใช้การวิเคราะห์การถดถอยที่มีการควบคุม (MAR) ในการวิเคราะห์นี้นอกเหนือจากตัวแปรอิสระและตัวแปรเศรษฐกิจ การผลคูณไขว้ของตัวแปรอิสระและตัวแปรเศรษฐกิจมีรวมอยู่ในสมการการถดถอย ตามไอเคนและตะวันตก(1991), สามารถสรุปความสำคัญของผลกระทบเศรษฐกิจจากนัยสำคัญทางสถิติของผลิตภัณฑ์ระหว่างการตัวแปรและตัวแปรเศรษฐกิจ ระดับของการควบคุมอาจสามารถวาดโดยใช้วิธีการแนะนำ โดยไอเคน andWest (1991) การพล็อตที่ถดถอยทำให้ความคิดดีเกี่ยวกับระดับและทิศทางของควบคุม สมการถดถอยได้ในตาราง 5นอกจากนี้เรายังทำการวิเคราะห์การถดถอยไปสองชุดที่แตกต่างกันสำรวจ: (i) ผลกระทบต่อเศรษฐกิจของ MCS เงิน costleadershipความสัมพันธ์ของกลยุทธ์และประสิทธิภาพและ (ii) การกลั่นกรองผลของ MCS การเงินกลยุทธ์สร้างความแตกต่าง และความสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพ ผลลัพธ์จะแสดงในตารางที่ 6 อย่างไรก็ตามในทั้งสองการถดถอยสมการ ค่าสัมประสิทธิ์การถดถอยของการการโต้ตอบระยะ (คูณไขว้ของกลยุทธ์และแปร MCS)ไม่พบจะสำคัญยิ่งที่ระดับ pb0.1 การกลั่นกรองจึงปกครองออกผลในกรณีของ MCS เงินสำหรับต้นทุนกลยุทธ์ความเป็นผู้นำและ MCS การเงินกลยุทธ์สร้างความแตกต่าง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เพื่อทดสอบผลการกลั่นกรองจากประเภท MCS ในกลยุทธ์ที่
ความสัมพันธ์ของประสิทธิภาพการถดถอยผู้ดูแลถูกนำมาใช้ ในครั้งแรก
ส่วนกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่มคือกลุ่ม
ที่ 1 กลุ่มประกอบด้วย บริษัท ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์ความแตกต่าง
และ
2 กลุ่มประกอบด้วย บริษัท ที่เป็นไปตามกลยุทธ์การเป็นผู้นำที่มีค่าใช้จ่าย.
บริษัท ที่ตอบแบบสอบถามในการศึกษาถูกแบ่งออกขึ้นอยู่กับค่าเฉลี่ยของ
คะแนนคำนวณข้ามเก้ารายการกลยุทธ์ของแต่ละ บริษัท บริษัท
มีมูลค่ากลยุทธ์น้อยกว่า 3 (เช่นค่ามัธยฐาน) ได้รับการพิจารณา
เป็น บริษัท ต่อไปกลยุทธ์การเป็นผู้นำด้านราคาและ บริษัท
ที่มีค่าเฉลี่ยของกลยุทธ์ที่ 3 หรือมากกว่าได้รับการพิจารณาเป็น
ดังต่อไปนี้กลยุทธ์การสร้างความแตกต่าง รวม 83 (39%) ตัวอย่าง
องค์ประกอบเป็นผู้นำกลุ่มค่าใช้จ่ายส่วนที่เหลือ
บริษัท พบว่ามีดังต่อไปนี้กลยุทธ์ที่แตกต่าง Moderator
ถดถอยได้ดำเนินการสำหรับแต่ละกลุ่มแยกต่างหาก สำหรับทั้ง
วิเคราะห์ผลการดำเนินงานเป็นตัวแปร.
ในกลุ่มผู้นำต้นทุนค่ากลยุทธ์ของ บริษัท มาหักออก
จาก 3 และค่าสัมบูรณ์ของ scorewas ที่เกิดขึ้นถือเป็น
ค่ากลยุทธ์สำหรับ บริษัท เป็นอย่างนี้เพราะในตัวแปรกลยุทธ์
มีค่าต่ำหมายถึงความเชื่อมั่นมากขึ้นเกี่ยวกับกลยุทธ์การเป็นผู้นำด้านราคาที่มี
มูลค่าใกล้ 3 แสดงความเชื่อมั่นน้อยที่สุดในกลยุทธ์การเป็นผู้นำด้านราคา.
ตัวแปรกลยุทธ์เป็นตัวแปรอิสระและการเงิน
ตามตัวแปร MCS เป็นตัวแปรผู้ดูแล สำหรับกลุ่มผู้นำค่าใช้จ่าย สำหรับกลุ่มของ บริษัท ที่ได้รับการต่อไปนี้ความแตกต่างที่
กลยุทธ์ themoderator variablewas ระบุเป็นขอบเขต towhich
บริษัท ได้รับต่อไปที่ไม่ใช่สถาบันการเงินตาม MCS สมมติฐาน
การทดสอบโดยใช้การถดถอยพอสมควร (MAR) การวิเคราะห์ ในการวิเคราะห์นี้
นอกเหนือจากตัวแปรอิสระและตัวแปรดูแลเป็น
สินค้าข้ามของตัวแปรอิสระและตัวแปรดูแลจะ
รวมอยู่ในสมการถดถอย ตามที่ไอเก็นและเวสต์
(1991), ความสำคัญของการดูแลผลกระทบที่สามารถอนุมานจาก
นัยสำคัญทางสถิติของผลิตภัณฑ์ข้ามของอิสระ
ตัวแปรและตัวแปรในการกลั่นกรอง ระดับของการดูแลอาจ
จะวางแผนโดยใช้วิธีการที่แนะนำโดย Aiken andWest (1991)
พล็อตการถดถอยจะช่วยให้ความคิดที่ดีเกี่ยวกับระดับและทิศทางของ
การดูแล สมการถดถอยจะได้รับในตารางที่ 5
นอกจากนี้เรายังดำเนินการสองชุดที่แตกต่างกันของการวิเคราะห์การถดถอยการ
สำรวจ: (i) ผลการดูแลของ MCS ที่ไม่ใช่สถาบันการเงินใน costleadership
กลยุทธ์และความสัมพันธ์ของประสิทธิภาพการทำงานและ (ii)
ผลการดูแลของ MCS ทางการเงินเกี่ยวกับความแตกต่าง กลยุทธ์และ
ผลการดำเนินงานความสัมพันธ์ ผลที่จะได้แสดงในตารางที่ 6 อย่างไรก็ตาม
ทั้งในสมการถดถอยค่าสัมประสิทธิ์การถดถอยของ
ระยะปฏิสัมพันธ์ (ผลิตภัณฑ์ข้ามของกลยุทธ์และตัวแปร MCS)
ไม่พบจะมีความสำคัญแม้แต่ในระดับ pb0.1 ดูแล
ผลถูกปกครองจึงออกมาในกรณีของ MCS ที่ไม่ใช่ทางการเงินสำหรับค่าใช้จ่ายใน
กลยุทธ์การเป็นผู้นำและ MCS ทางการเงินสำหรับกลยุทธ์ความแตกต่าง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เพื่อทดสอบการควบคุม ผลของชนิด MCS ในกลยุทธ์ความสัมพันธ์ระหว่างประสิทธิภาพการถดถอยการใช้ ในที่แรกส่วน ตัวอย่างทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม :1 . กลุ่มประกอบด้วย บริษัท ซึ่งตามกลยุทธ์สร้างความแตกต่างและ2 . กลุ่มประกอบด้วย บริษัท ที่ตามต้นทุนกลยุทธ์ผู้ตอบ บริษัท ในการศึกษานี้ได้แบ่งตามค่าเฉลี่ยคะแนนที่คำนวณผ่านเก้ากลยุทธ์รายการสำหรับแต่ละบริษัท บริษัทด้วยกลยุทธ์ที่คุ้มค่าน้อยกว่า 3 ( เช่นค่ามัธยฐาน ) พิจารณาบริษัท เป็น บริษัท ต่อไปนี้เป็นกลยุทธ์ความเป็นผู้นำด้านต้นทุนว่ามีมูลค่าเฉลี่ยกลยุทธ์ของ 3 หรือเพิ่มเติมพบว่าต่อไปนี้เป็นกลยุทธ์สร้างความแตกต่าง . ทั้งหมด 83 ( 39% ) ตัวอย่างองค์ประกอบของต้นทุน ขณะที่อีกกลุ่มบริษัทไม่พบตามกลยุทธ์การสร้างความแตกต่าง . ผู้ดูแลการกำหนดให้แต่ละกลุ่มแยก สำหรับทั้งวันสังกะสี ประสิทธิภาพ คือตัวแปรตามในกลุ่มต้นทุน ค่า กลยุทธ์ของบริษัทคือหักออกโดย 3 และค่าสัมบูรณ์ของที่เกิดอยู่เหมือนค่ากลยุทธ์สำหรับบริษัท นี้เป็นเพราะในกลยุทธ์ที่ตัวแปรค่าต่ำหมายถึงการมากขึ้นกลยุทธ์ความเป็นผู้นำค่าใช้จ่ายกับค่าใกล้ 3 แสดงความเชื่อมั่นน้อยที่สุดในกลยุทธ์ความเป็นผู้นำด้านต้นทุนกลยุทธ์ตัวแปรคือตัวแปรอิสระ และการเงินตัวแปรคือตัวแปรตาม เป็นพิธีกรผู้ดำเนินรายการสำหรับความเป็นผู้นำกลุ่มต้นทุน สำหรับกลุ่มของ บริษัท ที่มีต่อความแตกต่างกลยุทธ์ themoderator variablewas ระบุเป็นขอบเขต towhich ที่บริษัทตามกลไกตาม MSC สมมติฐานใช้สำหรับทดสอบการถดถอย ( MAR ) การวิเคราะห์ ในการวิเคราะห์นอกเหนือจากตัวแปรอิสระและตัวแปรควบคุมที่ข้ามผลิตภัณฑ์ของตัวแปรอิสระและตัวแปรควบคุมคือรวมอยู่ในสมการถดถอย . ตามที่ไอเคนและตะวันตก( 1991 ) , ความสำคัญของการควบคุมสามารถ inferred จากผลทางสถิติของข้ามผลิตภัณฑ์ของอิสระและตัวแปร 3 ตัวแปร ระดับของการดูแลอาจจะเริ่มใช้วิธีที่แนะนำโดยไอเคน andwest ( 1991 ) ที่พล็อตการถดถอยจะช่วยให้ความคิดที่ดีเกี่ยวกับระดับและทิศทางของสายกลาง สมการแสดงไว้ในตารางที่ 5นอกจากนี้เรายังดำเนินการสองชุดที่แตกต่างกันของการวิเคราะห์การถดถอยสำรวจ : ( i ) ควบคุมผลกระทบของกลไกใน costleadership พิธีกรกลยุทธ์และการปฏิบัติงาน ความสัมพันธ์ และ ( 2 )ควบคุมผลของกลยุทธ์การสร้างความแตกต่างทางการเงินและพิธีกรความสัมพันธ์ประสิทธิภาพ ผลลัพธ์จะแสดงในตารางที่ 6 อย่างไรก็ตามในสมการถดถอย , สัมประสิทธิ์ของระยะการปฏิสัมพันธ์ ( ข้ามผลิตภัณฑ์กลยุทธ์และ MCS ตัวแปร )ไม่พบจะพบได้ในระดับ pb0.1 . มีการควบคุมผลจึงวินิจฉัยว่า กรณีสำนักงาน MCS ราคาภาวะผู้นำและกลยุทธ์ทางการเงินกลยุทธ์การสร้างความแตกต่างระหว่างที่ .