Caucasus and Central Asia, Afghanis

Caucasus and Central Asia, Afghanistan, and Lebanon.30
Saudi Arabia played a central role in combating Iran’s international influence. The Islamic Revolution in Iran rattled the Saudi monarchy more than other re- gional governments, as the Saudis legitimized their rule through religion and had a substantial Shi’a minority. Relying on its vast resources, Saudi Arabia thus moved to shore up support with friendly governments. For ex- ample, in Pakistan—a country possessing its own large Shi’a minority—the military dictatorship of Zia-ul-Haq was directly exposed to conservative influence from Saudi Arabia, which financed the proliferation of Sunni religious schools and collaborated with Zia’s govern- ment to provide support for the Afghan jihad against the Soviets. The combination of religious schooling and the conflict in Afghanistan radicalized many Pakistani Sunni students.31 These radicalized groups soon took a militant form under the patronage of the CIA and Paki- stan’s umbrella intelligence agency, the Directorate for Inter-Services Intelligence (more commonly known as Inter-Services Intelligence, or simply ISI).32 Saudi Ara- bia’s funding of anti-Shi’a Sunni groups was a tactic to de-legitimize Shi’a Islam and the Iranian Revolution in order to lessen its appeal in Saudi Arabia. The Saudis largely succeeded, but as a consequence there was a vast proliferation of extremist groups.33
Beyond Saudi Arabia, regional fears of expanding Ira- nian influence seemed to be confirmed by communal riots and civil disturbances, terrorist acts, and hijackings in Kuwait. These events were also linked to instability in Bahrain, where several coup attempts were directly traced back to Iran through the Hojjat al-Islam Hadi Mudarrisi, a network of support for Khomeini that had been created while he was still in exile.34
November 4, 1979 was a decisive moment in Iran’s rela- tionship with the international community. On that day, Iranian students, political activists, and religious actors stormed and took over the US embassy. This dramatic show of force reflected widespread fears of a repeat of the 1953 CIA-engineered coup against Mossadeq. The takeover of the US embassy in Tehran had two aims: to limit the capacity of Americans to intervene in Iran, and to arouse anti-Americanism and stoke a sense of Ira- nian nationalism. In addition to these objectives, which
were largely successful, the hostage-takers were also able to target, label, and marginalize political opponents as pro-American. Indeed, the hostage-takers hailed their capture of the US embassy as the Second Islamic Revo- lution.35
Khomeini’s harsh anti-Western rhetoric and the take- over of the US embassy marked a turning post in post- revolutionary Iran’s relationship with the international community. The extreme tension with the United States and the increasing need for international support and allies meant that external issues directly impacted Kho- meini’s hold on power. Khomeini’s potent language and support of those in control of the embassy allowed him to assume the leadership of the revolutionary movement while working within the powerful current of national- ism and anti-imperialism.36
Few states other than Saudi Arabia were as fearful of the Iranian Revolution as Iraq. However, Saddam Hus- sein was also confident of Iran’s temporary weakness, and thus invaded Iran in September 1980. In doing so, he expected to regain territory signed away in 1975 and hoped to put an end to the appeal of Khomeini. In this sense, the Iran-Iraq War was, in part, an attempt at counter-revolution.
Instead, the Iran-Iraq war unified and mobilized the Ira- nian masses under Khomeini’s leadership. Islam became a central factor in the war effort, especially Shi’a Islam and the tradition of martyrdom. Both the Iranian nation and religion were perceived to be under attack, creating a powerful common purpose for the Iranian people. Af- ter anti-Americanism, war became Khomeini’s rationale for eliminating the remaining political opposition. The Iran-Iraq War afforded Khomeini the necessary latitude to implement his vision for Iran.37 Khomeini used it to clamp down on opposition and to consolidate power for Islamists by showing that his version of Islam was asso- ciated with the defense of the true Islam. By 1988, the regime had consolidated its position. The military had held up and there was less need to export the revolution. Moreover, as a result of Saddam’s clear aggression, Iran was more accepted within the international community and Khomeini was no longer under direct threat; the Islamic Revolution had been firmly established.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

คอเคซัส และเอเชียกลาง อัฟกานิสถาน และ Lebanon.30ซาอุดีอาระเบียมีบทบาทศูนย์กลางในการต่อสู้กับอิทธิพลต่างประเทศของอิหร่าน การปฏิวัติอิสลามในอิหร่าน rattled มหากษัตริย์ซาอุมากกว่ารัฐบาลอื่น ๆ re gional, Saudis ที่ legitimized กฎของพวกเขาผ่านทางศาสนา และมีชนกลุ่มน้อย Shi'a พบ พึ่งพาทรัพยากรมากมาย ซาอุดีอาระเบียจึงย้ายจุนสนับสนุนกับรัฐบาลที่เป็นมิตร ในอดีต-ใหญ่ ปากีสถาน – ประเทศที่มีชนกลุ่มน้อย Shi'a ตนเองขนาดใหญ่ — โดยตรงที่สัมผัสกับอิทธิพลหัวเก่าที่เผด็จการทหารของ Zia ul Haq จากซาอุดีอาระเบีย เคหะกไป Sunni ศาสนาโรงเรียน และร่วมมือกันของ Zia ควบคุมติดขัดสำหรับญิฮา Afghan กับสหภาพ ศึกษาศาสนาและความขัดแย้งในอัฟกานิสถาน radicalized Sunni ปากีสถานหลาย students.31 กลุ่ม radicalized เหล่านี้เร็ว ๆ นี้เอาแบบหัวรุนแรงแบบฟอร์มภายใต้อุปถัมภ์ของ CIA และ Paki - สแตนร่มสำนักข่าวกรอง ฝ่ายการข่าวกรองระหว่างบริการ (มากกว่าปกติเรียกว่าข่าวกรองระหว่างบริการ หรือเพียงแค่ ISI) Ara .32 ซาอุ-ของเบี้ยเงินทุนของกลุ่ม Sunni Shi'a ป้องกันถูกแทการ de-legitimize Shi'a อิสลามและการปฏิวัติอิหร่านเพื่อลดความน่าดึงดูดในซาอุดีอาระเบีย Saudis ที่ส่วนใหญ่ประสบความสำเร็จ แต่ผล มีการแพร่หลายมากมายของ groups.33 โต่งนอกเหนือจากซาอุดีอาระเบีย กลัวภูมิภาคการขยายอิทธิพลของไอร่าเนียนดูเหมือนจะได้รับการยืนยัน โดยจลาจลชุมชน และแปรปรวนทางแพ่ง กระทำการก่อการร้าย และปล้นในคูเวต เหตุการณ์เหล่านี้ถูกเชื่อมโยงกับความไม่แน่นอนในบาห์เรน ที่ความพยายามทำรัฐประหารหลายครั้งได้โดยตรงสืบกลับอิหร่านผ่านการ Hojjat อัลอิสลามฮาดิ Mudarrisi เครือข่ายการสนับสนุนสำหรับโคที่ได้สร้างขึ้นในขณะที่เขายังอยู่ใน exile.34 ยัง4 พฤศจิกายน 1979 ได้ครู่เด็ดขาดใน tionship rela ของอิหร่านกับประเทศ วัน นักศึกษาอิหร่าน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และนักแสดงศาสนา stormed และเอาผ่านสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา แสดงละครนี้ของแรงสะท้อนความกลัวอย่างแพร่หลายของการทำซ้ำของ 1953 CIA ได้วางแผนทำรัฐประหารกับ Mossadeq Takeover ของสถานทูตสหรัฐฯ ในเตหะรานมีจุดมุ่งหมายที่สอง: การจำกัดกำลังการผลิตของชาวอเมริกันประเทศอิหร่าน และ การกระตุ้น anti-Americanism สโต๊คความรู้สึกชาตินิยมไอร่าเนียน นอกจากวัตถุประสงค์เหล่านี้ ซึ่งส่วนใหญ่ประสบความสำเร็จ ผู้ทำตัวประกันก็ยังสามารถเป้าหมาย ป้ายชื่อ และฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองเป็นอเมริกันสนับสนุน marginalize แน่นอน ผู้ทำตัวประกันคำยกย่องของจับของสถานทูตสหรัฐเป็น lution.35 สองอิสลาม Revo-สำนวนต่อต้านตะวันตกรุนแรงของโคและไปใช้ของสถานทูตสหรัฐหมายโพสต์เปลี่ยนปฏิวัติของอิหร่านหลังความสัมพันธ์กับชุมชนนานาชาติ ความตึงเครียดมากกับสหรัฐอเมริกาและนานาชาติสนับสนุนและพันธมิตรต้องเพิ่มขึ้นหมายถึง ว่า ปัญหาภายนอกโดยตรงรับผลกระทบระงับอำนาจคอ meini ภาษามีศักยภาพและสนับสนุนในการควบคุมของสถานทูตของโคให้เขาถือว่าเป็นผู้นำของขบวนการปฏิวัติในขณะที่ทำงานภายในที่มีประสิทธิภาพปัจจุบันของ ism แห่งชาติ และต่อต้าน-imperialism.36อเมริกาไม่ใช่ประเทศซาอุดีอาระเบียได้เป็นที่น่ากลัวของการปฏิวัติอิหร่านเป็นประเทศอิรัก อย่างไรก็ตาม Hus-sein ของซัดดัมยังมั่นอ่อนแอชั่วคราวของอิหร่าน และบุกอิหร่านในเดือนกันยายนพ.ศ. 2523 จึง ในการทำเช่นนั้น เขาคาดว่าจะฟื้นดินแดนลงไปในปี 1975 และหวังให้ยุติจะอุทธรณ์ของโค ในนี้รู้สึก สงครามอิหร่านอิรักได้ ในส่วน ความพยายามในการปราบปรามการปฏิวัติแทน สงครามอิหร่านอิรักโดยรวม และปฏิบัติการมวลชนไอร่าเนียนภายใต้การนำของโค อิสลามเป็น ตัวกลางในสงครามพยายาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Shi'a อิสลามและประเพณีการเป็นมรณสักขี ประเทศอิหร่านและศาสนาถูกรับรู้อยู่ภายใต้การโจมตี การสร้างวัตถุประสงค์ทั่วไปที่มีประสิทธิภาพสำหรับบุคคลอิหร่าน Af-เธอ anti-Americanism สงครามกลายเป็น เหตุผลของโคสำหรับตัดค้านที่เหลือ สงครามอิหร่านอิรักนี่โคแลจำเป็นจะใช้วิสัยทัศน์ของเขาสำหรับโค Iran.37 ใช้ clamp ลงในฝ่ายค้าน และรวมพลังสำหรับ Islamists โดยแสดงว่า รุ่นของเขาศาสนาถูก asso-ciated กับการป้องกันของอิสลามอย่างแท้จริง โดย 1988 ระบบการปกครองได้รวมตำแหน่ง ทหารได้จัดขึ้น และมีน้อยจำเป็นต้องส่งออกการปฏิวัติ นอกจากนี้ จากการรุกรานของซัดดัมชัดเจน อิหร่านยอมรับมากขึ้นภายในประเทศ และโคถูกไม่ได้อยู่ภายใต้ภัยคุกคามโดยตรง มีการสร้างการปฏิวัติอิสลามอย่างมั่นคง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

คอเคซัสและเอเชียกลางอัฟกานิสถานและ Lebanon.30
ซาอุดิอารเบียมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้กับอิทธิพลระหว่างประเทศของอิหร่าน การปฏิวัติอิสลามในอิหร่าน rattled สถาบันพระมหากษัตริย์ซาอุฯ มากกว่ารัฐบาลอื่น ๆ อีก gional เป็นซาอุดิอาระเบีย legitimized กฎของพวกเขาผ่านศาสนาและชนกลุ่มน้อยชิมาก อาศัยทรัพยากรที่หลากหลายของซาอุดีอาระเบียจึงย้ายไปขึ้นฝั่งสนับสนุนกับรัฐบาลที่เป็นมิตร สำหรับอดีตกว้างขวางในปากีสถานเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ของชิเองชนกลุ่มน้อยที่การปกครองแบบเผด็จการทหารของเซียยูลลัคได้รับการสัมผัสโดยตรงกับอิทธิพลอนุรักษ์นิยมจากประเทศซาอุดิอาระเบียซึ่งทุนการแพร่กระจายของโรงเรียนสอนศาสนาสุหนี่และร่วมมือกับเซีย ment รัฐบาลจะให้การสนับสนุนสำหรับการญิฮาดในอัฟกานิสถานต่อต้านโซเวียต การรวมกันของการศึกษาทางศาสนาและความขัดแย้งในอัฟกานิสถานปากีสถาน radicalized หลาย students.31 ซุนกลุ่ม radicalized เหล่านี้เร็ว ๆ นี้เอารูปแบบการต่อสู้ภายใต้การอุปถัมภ์ของซีไอเอและหน่วยงานข่าวกรองร่ม Paki- สแตนฯ , คณะกรรมการข่าวกรองอินเตอร์บริการ (รู้จักกันมากกว่าปกติ เป็นหน่วยสืบราชการลับระหว่างบริการหรือ ISI) 0.32 ซาอุเงินทุน bia Ara- ของกลุ่มต่อต้านซุนชิเป็นกลยุทธ์ที่จะยกเลิกการถูกต้องตามกฎหมายอิสลามและชิปฏิวัติอิหร่านเพื่อลดอุทธรณ์ในซาอุดิอาระเบีย ซาอุดิอาระเบียส่วนใหญ่ประสบความสำเร็จ แต่เป็นผลมาจากมีการขยายใหญ่ของ groups.33
หัวรุนแรงนอกเหนือจากซาอุดีอาระเบีย, ความกลัวในระดับภูมิภาคของการขยายอิทธิพล Ira- Nian ดูเหมือนจะได้รับการยืนยันจากการจลาจลและการรบกวนชุมชนประชาการก่อการร้ายและ hijackings ในคูเวต เหตุการณ์เหล่านี้ได้รับการเชื่อมโยงไปยังความไม่แน่นอนในบาห์เรนที่พยายามทำรัฐประหารหลายคนถูกโยงโดยตรงกลับไปยังอิหร่านผ่าน Hojjat อัลอิสลามฮาดี Mudarrisi ซึ่งเป็นเครือข่ายของการสนับสนุนการ Khomeini ที่ได้รับการสร้างขึ้นในขณะที่เขายังคงอยู่ใน exile.34
วันที่ 4 พฤศจิกายน ปี 1979 เป็นช่วงเวลาที่ชี้ขาดใน tionship สัมพันธ์ของอิหร่านกับประชาคมระหว่างประเทศ ในวันนั้นนักเรียนอิหร่านเคลื่อนไหวทางการเมืองและนักแสดงทางศาสนาและบุกเข้ามาในสถานทูตสหรัฐ การแสดงที่น่าทึ่งนี้กำลังสะท้อนให้เห็นถึงความกลัวอย่างแพร่หลายของการทำซ้ำของการทำรัฐประหาร 1953 ซีไอเอวิศวกรรมกับ Mossadeq การปฏิวัติของสถานทูตสหรัฐในกรุงเตหะรานมีสองจุดมุ่งหมาย: เพื่อ จำกัด กำลังการผลิตของชาวอเมริกันที่จะเข้าไปแทรกแซงในอิหร่านและเพื่อกระตุ้นการต่อต้านสหรัฐอเมริกาและจี้ความรู้สึกของความรักชาติ Ira- Nian
นอกจากวัตถุประสงค์เหล่านี้ซึ่งประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ตัวประกันผู้รับก็มีความสามารถที่จะกำหนดเป้าหมายฉลากและเหยียดหยามฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองเป็นโปรชาวอเมริกัน อันที่จริงเป็นตัวประกันผู้รับการยกย่องว่าจับภาพของพวกเขาจากสถานทูตสหรัฐในขณะที่อิสลาม Revolution ก่อนหน้าสอง lution.35
สำนวนต่อต้านตะวันตกของ Khomeini รุนแรงและ take- มากกว่าของสถานทูตสหรัฐทำเครื่องหมายโพสต์โพสต์เปลี่ยนในการปฏิวัติของอิหร่านมีความสัมพันธ์กับต่างประเทศ ชุมชน ความตึงเครียดที่รุนแรงกับประเทศสหรัฐอเมริกาและต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการสนับสนุนและพันธมิตรต่างประเทศหมายความว่าปัญหาภายนอกรับผลกระทบโดยตรงถือ Kho- MEINI ของพลังงาน ภาษาที่มีศักยภาพของ Khomeini และการสนับสนุนจากผู้ที่อยู่ในการควบคุมของสถานทูตอนุญาตให้เขาเป็นผู้นำของขบวนการปฏิวัติในขณะที่ทำงานในปัจจุบันที่มีประสิทธิภาพของลัทธิ national- และต่อต้าน imperialism.36
รัฐไม่กี่อื่น ๆ นอกเหนือจากซาอุดีอาระเบียพบว่ากลัวอิหร่าน การปฏิวัติเป็นอิรัก แต่ซัดดัม Hus- เซียนก็ยังมีความมั่นใจในความอ่อนแอชั่วคราวของอิหร่านและอิหร่านจึงบุกเข้ามาในเดือนกันยายนปี 1980 ในการทำเช่นนั้นเขาคาดว่าจะฟื้นดินแดนออกไปลงนามในปี 1975 และหวังว่าจะหมดสิ้นไปอุทธรณ์ของ Khomeini ในแง่นี้อิหร่านอิรักสงครามในส่วนความพยายามที่ปฏิวัติ.
แทนอิหร่านสงครามอิรักแบบครบวงจรและการระดมมวลชน Nian Ira- ภายใต้การนำของ Khomeini ศาสนาอิสลามได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญในความพยายามทำสงครามโดยเฉพาะอย่างยิ่งชิศาสนาอิสลามและประเพณีของการทรมาน ทั้งสองประเทศอิหร่านและศาสนาถูกมองว่าจะอยู่ภายใต้การโจมตี, การสร้างจุดมุ่งหมายร่วมกันที่มีประสิทธิภาพสำหรับคนอิหร่าน Af- ตรีต่อต้านสหรัฐอเมริกาสงครามกลายเป็นเหตุผลของ Khomeini สำหรับการขจัดความขัดแย้งทางการเมืองที่เหลืออยู่ อิหร่านสงครามอิรักอึด Khomeini ละติจูดที่จำเป็นในการดำเนินการตามวิสัยทัศน์ของเขาสำหรับ Iran.37 Khomeini ใช้มันเพื่อยึดลงฝ่ายค้านและเพื่อรวมพลังสำหรับอิสลามโดยแสดงให้เห็นว่ารุ่นของเขาของศาสนาอิสลามที่ถูก asso- ciated กับการป้องกันของศาสนาอิสลามที่แท้จริง . โดยปี 1988 รัฐบาลได้รวมตำแหน่ง ทหารได้จัดขึ้นและมีความจำเป็นน้อยลงในการส่งออกการปฏิวัติ นอกจากนี้ยังเป็นผลมาจากการรุกรานที่ชัดเจนของซัดดัมที่อิหร่านได้รับการยอมรับมากขึ้นในชุมชนระหว่างประเทศและ Khomeini ก็ไม่ได้อยู่ภายใต้ภัยคุกคามโดยตรง; การปฏิวัติอิสลามได้รับการก่อตั้งขึ้นอย่างมั่นคง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เทือกเขาคอเคซัสและเอเชียกลาง อัฟกานิสถาน เลบานอน 30
ซาอุดิอาระเบียเล่นบทบาทกลางในการส่งอิทธิพลระหว่างประเทศอิหร่าน การปฏิวัติอิสลามในอิหร่าน ทำให้กษัตริย์ซาอุดีอาระเบียมากกว่าอื่น ๆ อีกครั้ง gional รัฐบาลซาอุฯ ผ่านการเรียกเก็บเงิน legitimized เป็นกฎของศาสนา และมีชนกลุ่มน้อยชิเป็นอย่างมาก อาศัยทรัพยากรที่กว้างใหญ่ของซาอุดีอาระเบียจึงย้ายขึ้นฝั่งสนับสนุนเป็นมิตรกับรัฐบาล สำหรับอดีตและกว้างขวางในประเทศที่มีชนกลุ่มน้อย pakistan-a เชียร์ของตัวเองขนาดใหญ่ของระบอบเผด็จการทหารของเซีย UL Haq คือการสัมผัสโดยตรงเพื่ออนุลักษณ์อิทธิพลจาก ซาอุดิอาระเบียซึ่งทุน proliferation ของโรงเรียนศาสนาสุหนี่และร่วมมือกับเซียก็ปกครอง - ment เพื่อให้การสนับสนุนสำหรับอัฟกานิสถานญิฮาดต่อต้านโซเวียต การรวมกันของการศึกษาศาสนาและความขัดแย้งในอัฟกานิสถาน radicalized นักเรียนสุหนี่ปากีสถานหลาย31 นี้แล้วเอาแบบฟอร์ม radicalized กลุ่มหัวรุนแรงภายใต้การอุปถัมภ์ของซีไอเอ และคนปากีสถาน - สแตนร่มข่าวกรอง , ผู้อำนวยการหน่วยสืบราชการลับอินเตอร์ ( ที่รู้จักกันมากกว่าปกติเป็นอินเตอร์ ปัญญา บริการหรือเพียงแค่ ISI )ซาอุดิอาราเบีย เป็น 32 - anti-shi'a เงินทุนของกลุ่มสุหนี่เป็นรูป de ถูกต้องตามกฎหมายชิเป็นอิสลามและอิหร่านปฏิวัติเพื่อลดการอุทธรณ์ในซาอุดิอาระเบีย คนซาอุฯ ส่วนใหญ่ประสบความสำเร็จ แต่ผลที่ตามมามีการมากมายของกลุ่มหัวรุนแรง . 33
นอกจากซาอุดีอาระเบียความกลัวของการขยายอิทธิพลในภูมิภาคอิราเนียนดูเหมือนจะได้รับการยืนยันโดยการจลาจลส่วนกลางและพลเรือนการจลาจล การก่อการร้าย และการในคูเวต เหตุการณ์เหล่านี้ได้ถูกเชื่อมโยงกับความไม่มั่นคงในบาห์เรน ซึ่งความพยายามรัฐประหารหลายโดยตรงตรวจสอบกลับไปยังอิหร่านผ่าน hojjat ถึง mudarrisi อัลอิสลาม ,