ห่วงโซ่อาหารคือการกินกันของสิ่งมีชี

ห่วงโซ่อาหาร

คือการกินกันของสิ่งมีชีวิต ทำให้สารอาหารและพลังงานถ่ายทอดไปในหมู่สิ่งมีชีวิตและตกลงสู่สิ่งแวดล้อม

ชนิดของห่วงโซ่อาหารได้แก่

1. Decomposition food chain เป็นห่วงโซ่อาหารที่เร่มต้นจากการย่อยสลายซากอินทรีย์โดยพวก

จุลินทรีย์ ได้แก่ เห็ดรา แบคทีเรีย และ Detritivorous animals เป็นระบบนิเวศที่มีสายใยอาหารของ

ผู้ย่อยสลายมากกว่า เช่น

ซากพืชซากสัตว ์ ไส้เดือนดิน นก งู

2. Parasitism food chain เป็นห่วงโซ่อาหารที่เริ่มต้นจากภาวะปรสิต ตัวอย่างเช่น

ไก่ ไรไก่ โปรโตซัว แบคทีเรีย

3. Predation food chain เป็นห่วงโซ่อาหารที่เป็นการกินกันของสัตว์ผู้ล่า (สัตว์กินพืช สัตว์กินเนื้อ)

อาจเป็นพวกขูดกิน (Grazing food chain) ซึ่งห่วงโซ่เริ่มต้นที่สัตว์พวกขูดกินอาหาร เช่น หอยทาก

และสัตว์กินพืชอื่นๆ เช่นสัตว์เคี้ยวเอื้อง

4. Mix food chain เป็นห่วงโซ่อาหารแบบผสม โดยมีการกินกัน และมีปรสิต เช่น

สาหร่ายสีเขียว หอยขม พยาธิใบไม้

นก




.สายใยอาหาร

ในระบบนิเวศหนึ่งๆ จะมีสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิดอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มของสิ่งมีชีวิต

และมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ที่สำคัญคือการเป็นอาหาร

ทำให้มีการถ่ายทอดพลังงานในโมเลกุลของอาหารต่อเนื่องเป็นลำดับจากพืช ซึ่ง

เป็นผู้ผลิต ( Producer ) สู่ผู้บริโภค ( Herbivore ) ผู้บริโภคสัตว์ ( Carnivore ) กลุ่มผู้บริโภคทั้งพืชและ

สัตว์ ( Omnivore ) และผู้ย่อยสลายอินทรียสาร ( Decomposer ) ตามลำดับในห่วงโซ่อาหาร

( Food Chain ) ในระบบนิเวศธรรมชาติระบบหนึ่งๆ จะมีห่วงโซ่อาหารสัมพันธ์กันอย่างซับซ้อนหลายห่วง

โซ่ เป็นสายใยอาหาร ( Food Web )



ระหว่างสิ่งมีชีวิตในสายใยอาหารในแผนภาพจะเห็นว่าเป็นความสัมพันธ์ที่เป็นการแก่งแย่งกันระหว่างสิ่งมีชีวิตแต่ละ

สปีซีส์ คือ เป็นเหยื่อกับผู้ล่าเหยื่อ ( Prey – Predator Interaction ) ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่มีฝ่ายหนึ่งได้ประโยชน์

์และอีกฝ่ายหนึ่งเสียประโยชน์

ไลเคนส์เป็นสิ่งมีชีวิต 2 ชนิด คือ รากับสาหร่ายสีเขียว การอยู่ร่วมกันนี้ทั้งสาหร่ายและราต่างได้รับประโยชน์ กล่าวคือ

สาหร่ายสร้างอาหารเองได้แต่ต้องอาศัยความชื้นจากรา ราก็ได้อาศัยอาหารที่สาหร่ายสร้างขึ้นและให้ความชื้นแก่

สาหร่าย ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิต 2 ชนิดที่อาศัยอยู่ร่วมกันชั่วคราวหรือตลอดไป และต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์

เรียกว่า ภาวะทีพึ่งพากัน ( Mutualism )

แบคทีเรีย พวกไรโซเบียม ( Rhizobium ) ที่อาศัยอยู่ที่ปมรากพืชตระกูลถั่ว โดยแบคทีเรียจับไนโตรเจนในอากาศ

แล้วเปลี่ยนเป็นสารประกอบไนเตรตที่พืชนำไปใช้ ส่วนแบคทีเรียก็ได้พลังงานจากการสลายสารอาหารที่มีอยู่ในรากพืช

นอกจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างซีแอนีโมนีกับปูเสฉวน มดดำกับเพลี้ยก็เป็นความสัมพันธ์แบบพึ่งพาฝ่ายหนึ่งได้รับ

ประโยชน์เพียงฝ่ายเดียว แต่อีกฝ่ายหนึ่งไม่เสียประโยชน์แต่อย่างใด เช่น เหาฉลามเกาะอยู่บนปลาฉลาม
พืชที่เจริญบนต้นไม้ใหญ่ เช่น เฟิร์น พลูด่าง กล้วยไม้ เถาวัลย์ ที่เลื้อยพันอยู่กับต้นไม้ใหญ่เฉพาะบริเวณเปลือกของลำต้น

เพื่ออาศัยความชื้นและแร่ธาตุบางอย่างจากเปลือกต้นไม้เท่านั้น โดยต้นไม้ใหญ่ไม่เสียประโยชน์เรียกความสัมพันธ์เช่นน

ี้ว่า ภาวะอ้างอิง ( Commensalism )
ฝ่ายหนึ่งได้รับประโยชน์และอีกฝ่ายหนึ่งเสียประโยชน์ คือความสัมพันธ์ที่เรียกว่า ภาวะปรสิต ( Parasitism ) เช่น

เห็บที่อาศัยที่ผิวหนังของสุนัข สุนัขเป็นผู้ถูกอาศัย ( Host ) ถูกเห็บสุนัขดูดเลือดจึงเป็นฝ่ายเสียประโยชน์ ส่วนเห็บซึ่ง

เป็นปรสิต ( Parasite ) ได้รับประโยชน์คือได้อาหารจากเลือดของสุนัข
ภายในร่างกายของสิ่งมีชีวิตต่างๆ ยังเป็นที่อาศัยของปรสิตหลายชนิด เช่น พยาธิใบไม้ในตับ พยาธิไส้เดือน พยาธิตัวตืด

ในทางเดินอาหาร เป็นต้น

กลุ่มสิ่งมีชีวิตที่เป็นผู้ย่อยสลายอินทรียสาร ได้แก่ แบคทีเรีย เห็ด รา จะสร้างสารออกมาย่อยสลายซากสิ่งมีชีวิต บางส่วน

ของสารที่ย่อยแล้วจะถูกดูดกลับไปใช้ในการดำรงชีวิต ด้วยกระบวนการดังกล่าวทำให้ซากสิ่งมีชีวิตเน่าเปื่อยย่อยสลาย

เป็นอนินทรียสารกลับคืนสู่สิ่งแวดล้อม ความสัมพันธ์แบบนี้เรียกว่า ภาวะมีการย่อยสลาย ( Saprophytism )

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ห่วงโซ่อาหารคือการกินกันของสิ่งมีชีวิตทำให้สารอาหารและพลังงานถ่ายทอดไปในหมู่สิ่งมีชีวิตและตกลงสู่สิ่งแวดล้อมชนิดของห่วงโซ่อาหารได้แก่1. แยกส่วนประกอบเป็นห่วงโซ่อาหารที่เร่มต้นจากการย่อยสลายซากอินทรีย์โดยพวกห่วงโซ่อาหารจุลินทรีย์ได้แก่เห็ดราแบคทีเรียและ Detritivorous สัตว์เป็นระบบนิเวศที่มีสายใยอาหารของผู้ย่อยสลายมากกว่าเช่นซากพืชซากสัตวโทรศัพท์ไส้เดือนดินนกงู2. parasitism ห่วงโซ่อาหารเป็นห่วงโซ่อาหารที่เริ่มต้นจากภาวะปรสิตตัวอย่างเช่นไก่ไรไก่โปรโตซัวแบคทีเรีย3. predation ห่วงโซ่อาหารเป็นห่วงโซ่อาหารที่เป็นการกินกันของสัตว์ผู้ล่า (สัตว์กินพืชสัตว์กินเนื้อ)หอยทากเช่นซึ่งห่วงโซ่เริ่มต้นที่สัตว์พวกขูดกินอาหารอาจเป็นพวกขูดกิน (ห่วงโซ่อาหาร Grazing)และสัตว์กินพืชอื่น ๆ เช่นสัตว์เคี้ยวเอื้อง4. ผสมเช่นห่วงโซ่อาหารเป็นห่วงโซ่อาหารแบบผสมโดยมีการกินกันและมีปรสิตสาหร่ายสีเขียวหอยขมพยาธิใบไม้ นก.สายใยอาหารในระบบนิเวศหนึ่ง ๆ จะมีสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิดอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มของสิ่งมีชีวิตและมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันที่สำคัญคือการเป็นอาหารทำให้มีการถ่ายทอดพลังงานในโมเลกุลของอาหารต่อเนื่องเป็นลำดับจากพืชซึ่งกลุ่มผู้บริโภคทั้งพืชและผู้บริโภคสัตว์ (มังสวิรัติชอบดื่มแอลกอฮอล์) สู่ผู้บริโภค (Herbivore) เป็นผู้ผลิต (ผู้ผลิต)ตามลำดับในห่วงโซ่อาหารและผู้ย่อยสลายอินทรียสาร (Decomposer) สัตว์ (Omnivore)(ห่วงโซ่อาหาร) ในระบบนิเวศธรรมชาติระบบหนึ่ง ๆ จะมีห่วงโซ่อาหารสัมพันธ์กันอย่างซับซ้อนหลายห่วงโซ่เป็นสายใยอาหาร (ใยอาหาร)ระหว่างสิ่งมีชีวิตในสายใยอาหารในแผนภาพจะเห็นว่าเป็นความสัมพันธ์ที่เป็นการแก่งแย่งกันระหว่างสิ่งมีชีวิตแต่ละสปีซีส์คือเป็นเหยื่อกับผู้ล่าเหยื่อ (เหยื่อ – โต้ตอบสัมผัส) ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่มีฝ่ายหนึ่งได้ประโยชน์์และอีกฝ่ายหนึ่งเสียประโยชน์ไลเคนส์เป็นสิ่งมีชีวิต 2 สิ่งคือรากับสาหร่ายสีเขียวการอยู่ร่วมกันนี้ทั้งสาหร่ายและราต่างได้รับประโยชน์กล่าวคือสาหร่ายสร้างอาหารเองได้แต่ต้องอาศัยความชื้นจากราราก็ได้อาศัยอาหารที่สาหร่ายสร้างขึ้นและให้ความชื้นแก่สาหร่ายความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิต 2 ชนิดที่อาศัยอยู่ร่วมกันชั่วคราวหรือตลอดไปและต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์เรียกว่าภาวะทีพึ่งพากัน (Mutualism)แบคทีเรียพวกไรโซเบียม (ไรโซเบียม) ที่อาศัยอยู่ที่ปมรากพืชตระกูลถั่วโดยแบคทีเรียจับไนโตรเจนในอากาศแล้วเปลี่ยนเป็นสารประกอบไนเตรตที่พืชนำไปใช้ส่วนแบคทีเรียก็ได้พลังงานจากการสลายสารอาหารที่มีอยู่ในรากพืชนอกจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างซีแอนีโมนีกับปูเสฉวนมดดำกับเพลี้ยก็เป็นความสัมพันธ์แบบพึ่งพาฝ่ายหนึ่งได้รับประโยชน์เพียงฝ่ายเดียวแต่อีกฝ่ายหนึ่งไม่เสียประโยชน์แต่อย่างใดเช่นเหาฉลามเกาะอยู่บนปลาฉลามพืชที่เจริญบนต้นไม้ใหญ่เช่นเฟิร์นพลูด่างกล้วยไม้เถาวัลย์ที่เลื้อยพันอยู่กับต้นไม้ใหญ่เฉพาะบริเวณเปลือกของลำต้นเพื่ออาศัยความชื้นและแร่ธาตุบางอย่างจากเปลือกต้นไม้เท่านั้นโดยต้นไม้ใหญ่ไม่เสียประโยชน์เรียกความสัมพันธ์เช่นนี้ว่าภาวะอ้างอิง (Commensalism) ฝ่ายหนึ่งได้รับประโยชน์และอีกฝ่ายหนึ่งเสียประโยชน์คือความสัมพันธ์ที่เรียกว่าภาวะปรสิต (Parasitism) เช่นเห็บที่อาศัยที่ผิวหนังของสุนัขสุนัขเป็นผู้ถูกอาศัย (โฮสต์) ถูกเห็บสุนัขดูดเลือดจึงเป็นฝ่ายเสียประโยชน์ส่วนเห็บซึ่งได้รับประโยชน์คือได้อาหารจากเลือดของสุนัขเป็นปรสิต (ปรสิต)ภายในร่างกายของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ยังเป็นที่อาศัยของปรสิตหลายชนิดเช่นพยาธิใบไม้ในตับพยาธิไส้เดือนพยาธิตัวตืดในทางเดินอาหารเป็นต้นกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่เป็นผู้ย่อยสลายอินทรียสารได้แก่แบคทีเรียเห็ดราจะสร้างสารออกมาย่อยสลายซากสิ่งมีชีวิตบางส่วนของสารที่ย่อยแล้วจะถูกดูดกลับไปใช้ในการดำรงชีวิตด้วยกระบวนการดังกล่าวทำให้ซากสิ่งมีชีวิตเน่าเปื่อยย่อยสลายเป็นอนินทรียสารกลับคืนสู่สิ่งแวดล้อมความสัมพันธ์แบบนี้เรียกว่าภาวะมีการย่อยสลาย (Saprophytism)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ห่วงโซ่อาหารสลายตัว ได้แก่ เห็ดราแบคทีเรียและสัตว์ Detritivorous เช่นซากพืชซากสัตว์ไส้เดือนดินนกงู2 parasitism ห่วงโซ่อาหาร เช่นตัวอย่าง arrow ไก่ไรไก่โปรโตซัวแบคทีเรีย3 ห่วงโซ่อาหารปล้นสะดม (สัตว์กินพืชสัตว์กินเนื้อ) อาจเป็นพวกขูดกิน (ห่วงโซ่อาหารแทะเล็ม) หอยทากเช่นและสัตว์กินพืชอื่น ๆ เช่นสัตว์เคี้ยวเอื้อง 4 ผสมห่วงโซ่อาหารห่วงโซ่เป็นอาหารแบบผสมโดยมีหัวเรื่อง: การกินกันและมีปรสิตเช่นสาหร่ายสีเขียวหอยขม ซึ่งเป็นผู้ผลิต (ผู้ผลิต) สู่ผู้บริโภค (กินผัก) ผู้บริโภคสัตว์ (เนื้อ) กลุ่มผู้บริโภคทั้งพืชและสัตว์(Omnivore) และผู้ย่อยสลายอินทรียสาร (หมัก) ตามลำดับในห่วงโซ่อาหาร(Food โซ่) ในระบบ นิเวศธรรมชาติระบบหนึ่ง ๆ เป็นสายใยอาหาร (Food เว็บ คือเป็นเหยื่อกับผู้ล่าเหยื่อ (Prey - ล่าปฏิสัมพันธ์) 2 ชนิดคือรากับสาหร่ายสีเขียว ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิต 2 ภาวะทีพึ่งพากัน (Mutualism) แบคทีเรียพวกไรโซเบียม (ไรโซเบียม) ที่อาศัยอยู่ที่ปมรากพืชตระกูลถั่ว เช่น เช่นเฟิร์นพลูด่างกล้วยไม้เถาวัลย์ ภาวะอ้างอิง (commensalism คือความสัมพันธ์ที่เรียกว่าภาวะปรสิต (parasitism) สุนัขเป็นผู้ถูกอาศัย (พิธีกร) เห็บซึ่งส่วนเป็นปรสิต (พยาธิ) เป็นที่ยังอาศัยของปรสิตหลายชนิดเช่นพยาธิใบไม้ในตับพยาธิไส้เดือนพยาธิตัวตืดในทางเดินอาหาร ได้แก่ แบคทีเรียเห็ดรา ความสัมพันธ์แบบนี้เรียกว่าภาวะมีการย่อยสลาย (Saprophytism)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ห่วงโซ่อาหาร

คือการกินกันของสิ่งมีชีวิตทำให้สารอาหารและพลังงานถ่ายทอดไปในหมู่สิ่งมีชีวิตและตกลงสู่สิ่งแวดล้อม

ชนิดของห่วงโซ่อาหารได้แก่

1การย่อยสลายโซ่อาหารเป็นห่วงโซ่อาหารที่เร่มต้นจากการย่อยสลายซากอินทรีย์โดยพวก

จุลินทรีย์ได้แก่เห็ดราแบคทีเรียและ detritivorous สัตว์เป็นระบบนิเวศที่มีสายใยอาหารของ

ผู้ย่อยสลายมากกว่าเช่น

ซากพืชซากสัตว์ไส้เดือนดินนกงู

2 ห่วงโซ่อาหารปรสิตเป็นห่วงโซ่อาหารที่เริ่มต้นจากภาวะปรสิตตัวอย่างเช่น

ไก่ไรไก่โปรโตซัวแบคทีเรีย

3การปล้นสะดมห่วงโซ่อาหารเป็นห่วงโซ่อาหารที่เป็นการกินกันของสัตว์ผู้ล่า ( สัตว์กินพืชสัตว์กินเนื้อ )

อาจเป็นพวกขูดกิน ( grazing ห่วงโซ่อาหาร ) ซึ่งห่วงโซ่เริ่มต้นที่สัตว์พวกขูดกินอาหารเช่นหอยทาก

และสัตว์กินพืชอื่นๆเช่นสัตว์เคี้ยวเอื้อง

4 . ผสมอาหารโซ่เป็นห่วงโซ่อาหารแบบผสมโดยมีการกินกันและมีปรสิตเช่น

สาหร่ายสีเขียวหอยขมพยาธิใบไม้

นก




สายใยอาหาร

.ในระบบนิเวศหนึ่งๆจะมีสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิดอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มของสิ่งมีชีวิต

และมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันที่สำคัญคือการเป็นอาหาร

ทำให้มีการถ่ายทอดพลังงานในโมเลกุลของอาหารต่อเนื่องเป็นลำดับจากพืชซึ่ง

เป็นผู้ผลิต ( ผู้ผลิต ) สู่ผู้บริโภค ( มังสวิรัติ ) ผู้บริโภคสัตว์ ( สัตว์กินเนื้อ ) กลุ่มผู้บริโภคทั้งพืชและ

สัตว์ ( เขมือบ ) และผู้ย่อยสลายอินทรียสาร ( สลายตัว ) ตามลำดับในห่วงโซ่อาหาร

( ห่วงโซ่อาหาร ) ในระบบนิเวศธรรมชาติระบบหนึ่งๆจะมีห่วงโซ่อาหารสัมพันธ์กันอย่างซับซ้อนหลายห่วง

โซ่เป็นสายใยอาหาร ( เมกะเฮิรตซ์ )



ระหว่างสิ่งมีชีวิตในสายใยอาหารในแผนภาพจะเห็นว่าเป็นความสัมพันธ์ที่เป็นการแก่งแย่งกันระหว่างสิ่งมีชีวิตแต่ละ

สปีซีส์ความเป็นเหยื่อกับผู้ล่าเหยื่อ ( เหยื่อ ) นักล่าปฏิสัมพันธ์ ) ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่มีฝ่ายหนึ่งได้ประโยชน์



์และอีกฝ่ายหนึ่งเสียประโยชน์ไลเคนส์เป็นสิ่งมีชีวิต 2 ชนิดความรากับสาหร่ายสีเขียวการอยู่ร่วมกันนี้ทั้งสาหร่ายและราต่างได้รับประโยชน์กล่าวคือ

สาหร่ายสร้างอาหารเองได้แต่ต้องอาศัยความชื้นจากราราก็ได้อาศัยอาหารที่สาหร่ายสร้างขึ้นและให้ความชื้นแก่

สาหร่ายความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิต 2 ชนิดที่อาศัยอยู่ร่วมกันชั่วคราวหรือตลอดไปและต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์

เรียกว่าภาวะทีพึ่งพากัน ( ซึ่งกันและกัน )

แบคทีเรียพวกไรโซเบียม ( ต่อ ) ที่อาศัยอยู่ที่ปมรากพืชตระกูลถั่วโดยแบคทีเรียจับไนโตรเจนในอากาศ

แล้วเปลี่ยนเป็นสารประกอบไนเตรตที่พืชนำไปใช้ส่วนแบคทีเรียก็ได้พลังงานจากการสลายสารอาหารที่มีอยู่ในรากพืช

นอกจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างซีแอนีโมนีกับปูเสฉวนมดดำกับเพลี้ยก็เป็นความสัมพันธ์แบบพึ่งพาฝ่ายหนึ่งได้รับ

ประโยชน์เพียงฝ่ายเดียวแต่อีกฝ่ายหนึ่งไม่เสียประโยชน์แต่อย่างใดเช่นเหาฉลามเกาะอยู่บนปลาฉลาม
พืชที่เจริญบนต้นไม้ใหญ่เช่นเฟิร์นพลูด่างกล้วยไม้เถาวัลย์ที่เลื้อยพันอยู่กับต้นไม้ใหญ่เฉพาะบริเวณเปลือกของลำต้น

เพื่ออาศัยความชื้นและแร่ธาตุบางอย่างจากเปลือกต้นไม้เท่านั้นโดยต้นไม้ใหญ่ไม่เสียประโยชน์เรียกความสัมพันธ์เช่นน

ี้ว่าภาวะอ้างอิง ( น้ำมันระกำ )
ฝ่ายหนึ่งได้รับประโยชน์และอีกฝ่ายหนึ่งเสียประโยชน์คือความสัมพันธ์ที่เรียกว่าภาวะปรสิต ( ปรสิต ) เช่น

เห็บที่อาศัยที่ผิวหนังของสุนัขสุนัขเป็นผู้ถูกอาศัย ( เจ้าภาพ ) ถูกเห็บสุนัขดูดเลือดจึงเป็นฝ่ายเสียประโยชน์ส่วนเห็บซึ่ง

เป็นปรสิต ( ปรสิต ) ได้รับประโยชน์คือได้อาหารจากเลือดของสุนัข
ภายในร่างกายของสิ่งมีชีวิตต่างๆยังเป็นที่อาศัยของปรสิตหลายชนิดเช่นพยาธิใบไม้ในตับพยาธิไส้เดือนพยาธิตัวตืด

ในทางเดินอาหารเป็นต้น

กลุ่มสิ่งมีชีวิตที่เป็นผู้ย่อยสลายอินทรียสารได้แก่แบคทีเรียเห็ดราจะสร้างสารออกมาย่อยสลายซากสิ่งมีชีวิตบางส่วน

ของสารที่ย่อยแล้วจะถูกดูดกลับไปใช้ในการดำรงชีวิตด้วยกระบวนการดังกล่าวทำให้ซากสิ่งมีชีวิตเน่าเปื่อยย่อยสลาย

เป็นอนินทรียสารกลับคืนสู่สิ่งแวดล้อมความสัมพันธ์แบบนี้เรียกว่าภาวะมีการย่อยสลาย ( อิง )