Humanistic psychology tends to look

Humanistic psychology tends to look beyond the medical model of psychology in order to open up a non pathologizing view of the person.[35] This usually implies that the therapist downplays the pathological aspects of a person’s life in favour of the healthy aspects. Humanistic psychology tries to be a science of human experience, focusing on the actual lived experience of persons.[3] Therefore, a key ingredient is the actual meeting of therapist and client and the possibilities for dialogue to ensue between them. The role of the therapist is to create an environment where the client can freely express any thoughts or feelings; he does not suggest topics for conversation nor does he guide the conversation in any way. The therapist also does not analyze or interpret the client’s behavior or any information the client shares. The role of the therapist is to provide empathy and to listen attentively to the client.[4]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Humanistic จิตวิทยามีแนวโน้มมองนอกเหนือจากรูปแบบทางการแพทย์ของจิตวิทยาเพื่อเปิดมุมมอง pathologizing ไม่ใช่ของบุคคล[35] มักจะหมายความว่า ผู้บำบัด downplays ลักษณะทางพยาธิวิทยาของชีวิตของบุคคลลงด้านสุขภาพ จิตวิทยา humanistic พยายามเป็นวิทยาศาสตร์ประสบการณ์มนุษย์ เน้นประสบการณ์ lived จริงของท่าน[3] ดังนั้น ส่วนผสมสำคัญคือ บำบัดโรค และไคลเอนต์ และเพื่อเจรจาให้ใส่ใจการประชุมจริง บทบาทของผู้บำบัดจะสร้างสภาพแวดล้อมที่ไคลเอนต์สามารถอิสระแสดงความคิดหรือความรู้สึก ใด ๆ เขาแนะนำหัวข้อการสนทนา หรือไม่เขาแนะนำการสนทนาในลักษณะใด บำบัดโรคที่ยังไม่วิเคราะห์ หรือตีความพฤติกรรมของลูกค้าหรือข้อมูลที่ลูกค้าใช้ร่วมกัน บทบาทของผู้บำบัดจะให้การเอาใจใส่ และสดับตรับฟังไปยังไคลเอนต์[4]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

จิตวิทยาเห็นอกเห็นใจมีแนวโน้มที่จะมองไกลออกไปในรูปแบบทางการแพทย์ของจิตวิทยาในการสั่งซื้อที่จะเปิดมุมมอง pathologizing ไม่ใช่ของบุคคล. [35] นี้มักจะแสดงให้เห็นว่านักบำบัด downplays ด้านพยาธิวิทยาของชีวิตของบุคคลในการสนับสนุนในด้านที่มีสุขภาพดี จิตวิทยาเห็นอกเห็นใจพยายามที่จะเป็นวิทยาศาสตร์ของประสบการณ์ของมนุษย์โดยมุ่งเน้นที่ประสบการณ์ที่มีอยู่ของบุคคลที่เกิดขึ้นจริง. [3] ดังนั้นองค์ประกอบที่สำคัญคือการประชุมที่เกิดขึ้นจริงของการบำบัดโรคและลูกค้าและความเป็นไปได้สำหรับการเจรจาที่จะตามมาระหว่างพวกเขา บทบาทของนักบำบัดคือการสร้างสภาพแวดล้อมที่ลูกค้าได้อย่างอิสระสามารถแสดงความคิดหรือความรู้สึกใด ๆ ; เขาไม่ได้เสนอเรื่องเข้าสู่การสนทนาเขาไม่แนะนำการสนทนาในทางใดทางหนึ่ง บำบัดโรคยังไม่ได้วิเคราะห์หรือตีความพฤติกรรมของลูกค้าหรือข้อมูลใด ๆ ที่หุ้นลูกค้า บทบาทของนักบำบัดคือการให้การเอาใจใส่และการฟังอย่างตั้งใจให้กับลูกค้า. [4]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

จิตวิทยามนุษยนิยมมีแนวโน้มที่จะดูเกินการแพทย์แบบจิตวิทยา เพื่อเปิดมุมมองของคนไม่ pathologizing [ 35 ] นี้มักจะหมายความว่า therapist downplays ด้านพยาธิวิทยาของชีวิตของบุคคลในความโปรดปรานของด้านสุขภาพ จิตวิทยามนุษยนิยมพยายามเป็นวิทยาศาสตร์ของประสบการณ์ของมนุษย์ เน้น จริง ประสบการณ์ชีวิตของคน [ 3 ] ดังนั้นกุญแจสำคัญคือการประชุมที่แท้จริงของพนักงานและลูกค้าและความเป็นไปได้สำหรับการสนทนาไปมาระหว่างพวกเขา บทบาทของจิตแพทย์คือการสร้างสภาพแวดล้อมที่ลูกค้าได้อย่างอิสระสามารถแสดงความคิดหรือความรู้สึก เขาไม่แนะนำให้หัวข้อสำหรับการสนทนาและเขาแนะนำการสนทนาในลักษณะใดนักบำบัดที่ยังไม่ได้วิเคราะห์หรือตีความของลูกค้าพฤติกรรม หรือข้อมูลใด ๆ ลูกค้าหุ้น บทบาทของจิตแพทย์ให้และเอาใจใส่ที่จะรับฟังลูกค้า [ 4 ]