Until relatively recently, the fiel

Until relatively recently, the field of International Relations studied
the causes of war and conflict and the global expansion of trade and
commerce with no particular reference to people. Indeed the use of
abstract categories such as ‘the state’, ‘the system’, strategic security discourses
such as nuclear deterrence and positivist research approaches
effectively removed people as agents embedded in social and historical
contexts from theories of international relations. This is ironic since the
scholarly field emerged, following the end of the First World War, to
democratize foreign policy making and empower people as citizen-subjects
rather than mere objects of elite statecraft (Hill 1999). So where does the
study of people called ‘women’ and ‘men’ or the social construction of
masculine and feminine genders fit within International Relations? How
is the international system and the International Relations field gendered?
To what extent do feminist perspectives help us to explain, understand

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

จนถึงค่อนข้างเมื่อเร็ว ๆ นี้ ฟิลด์ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศศึกษาสาเหตุของสงคราม และความขัดแย้ง และการขยายการค้าโลก และพาณิชย์ที่อ้างอิงไม่เฉพาะท่าน แน่นอนการใช้discourses กลยุทธ์ความปลอดภัยประเภทนามธรรมเช่น 'สถานะ' 'ระบบ'เช่นผ่านนิวเคลียร์และวิธีวิจัย positivistเอาคนเป็นตัวแทนที่ฝังอยู่ในสังคม และประวัติศาสตร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพบริบทจากทฤษฎีของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ นี้เป็นเรื่องน่าขันตั้งแต่การฟิลด์วิชาการโผล่ออกมา สิ้นสุดสงครามโลก การdemocratize ทำนโยบายต่างประเทศ และประชาชนเป็นวิชาพลเมืองแทนที่วัตถุเพียงของ elite statecraft (1999 ฮิลล์) เพื่อไม่ให้ศึกษาคนที่เรียกว่า 'ผู้หญิง' และ 'ผู้ชาย' หรือการก่อสร้างทางสังคมเพศเป็นชาย และหญิงพอดีภายในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ วิธีเป็นระบบสากลและฟิลด์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ genderedขอบเขตทำมุมมองสตรีช่วยอธิบาย เข้าใจ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

จนกระทั่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ค่อนข้างข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ศึกษา
สาเหตุของสงครามและความขัดแย้งและการขยายตัวทั่วโลกของการค้าและ
การพาณิชย์โดยไม่มีการอ้างอิงโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคน อันที่จริงการใช้
ประเภทนามธรรมเช่น 'รัฐ', 'ระบบ' วาทกรรมเชิงกลยุทธ์การรักษาความปลอดภัย
เช่นการป้องปรามนิวเคลียร์และการวิจัยเชิงวิธีการ
ลบบุคคลอย่างมีประสิทธิภาพเป็นตัวแทนฝังตัวอยู่ในสังคมและประวัติศาสตร์
บริบทจากทฤษฎีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ นี้เป็นเรื่องน่าขันตั้งแต่
สาขาวิชาการโผล่ออกมาหลังจากการสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเพื่อ
ประชาธิปไตยการกำหนดนโยบายต่างประเทศและช่วยให้คนเป็นพลเมืองอาสาสมัคร
มากกว่าวัตถุเพียงของรัฐนาวาชนชั้น (Hill 1999) ดังนั้นที่ใดที่
การศึกษาของคนที่เรียกว่า 'ผู้หญิง' และ 'คน' หรือการก่อสร้างทางสังคมของ
เพศชายและหญิงพอดีกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ? วิธี
เป็นระบบระหว่างประเทศและสาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ gendered?
สิ่งที่ขอบเขตไม่มุมมองสตรีนิยมช่วยให้เราที่จะอธิบายทำความเข้าใจ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

จนกว่าจะค่อนข้างเร็ว ๆ นี้ ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศศึกษาสาเหตุของสงครามและความขัดแย้ง และการขยายตัวของการค้าโลกและพาณิชย์ด้วยโดยเฉพาะการอ้างอิงไปยังคน จริงๆแล้วใช้ประเภทนามธรรมเช่น " รัฐ " " ระบบ " วาทกรรมความมั่นคงเชิงยุทธศาสตร์เช่น การป้องปรามและแนวทางการวิจัย positivist นิวเคลียร์มีประสิทธิภาพลบคนที่เป็นตัวแทนที่ฝังตัวอยู่ในสังคมและประวัติศาสตร์บริบทจากทฤษฎีของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ นี่คือการประชดประชัน ตั้งแต่ทางวิชาการด้านออกมา หลังสิ้นสุดสงครามโลกก่อนการดำเนินนโยบายต่างประเทศ และการทำให้เป็นประชาธิปไตยให้ประชาชนในฐานะพลเมืองคนแทนที่จะเป็นเพียงวัตถุของยอดคัตยูชา ( ฮิลล์ 1999 ) ดังนั้น ที่ไม่การศึกษาของประชาชน ที่เรียกว่า " ผู้หญิง " และ " คน " หรือ การสร้างสังคมของเพศชายและเพศหญิงเพศพอดีกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ยังไงเป็นระบบระหว่างประเทศและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้านเพศ ?สิ่งที่ขอบเขตที่คุณสตรีมุมมองช่วยให้เราอธิบาย เข้าใจ