Solar Energy Development Environmen

Solar Energy Development Environmental Considerations

Utility-scale solar energy environmental considerations include land disturbance/land use impacts; potential impacts to specially designated areas; impacts to soil, water and air resources; impacts to vegetation, wildlife, wildlife habitat, and sensitive species; visual, cultural, paleontological, socioeconomic, and environmental justice impacts, and potential impacts from hazardous materials.

Solar power facilities reduce the environmental impacts of combustion used in fossil fuel power generation, such as impacts from green house gases and other air pollution emissions. Unlike fossil fuel power generating facilities, solar facilities have very low air emissions of air pollutants such as sulfur dioxide, nitrogen oxides, carbon monoxide, volatile organic compounds, and the greenhouse gas carbon dioxide during operations. In addition to these benefits of solar development, construction and operation of solar facilities creates both direct and indirect employment and additional income in the regions where the development occurs. However, there are also some adverse impacts associated with solar power facilities that must be considered in BLM's process of granting solar right-of-way authorizations and DOE's process of developing environmental guidance for solar facilities. Potential adverse impacts to various resources associated with the construction, operation, and decommissioning of solar power plants are briefly outlined below. These impacts and mitigation measures for solar facilities are addressed in detail in the Solar Energy Development Programmatic EIS.

Land Disturbance/Land Use Impacts

All utility-scale solar energy facilities require relatively large areas for solar radiation collection when used to generate electricity at utility-scale (defined for the Solar PEIS as facilities with a generation capacity of 20 MW or greater). Solar facilities may interfere with existing land uses, such as grazing, wild horse and burro management, military uses, and minerals production. Solar facilities could impact the use of nearby specially designated areas such as wilderness areas, areas of critical environmental concern, or special recreation management areas. Proper siting decisions can help to avoid land disturbance and land use impacts.

Impacts to Soil, Water, and Air Resources

Construction of solar facilities on large areas of land requires clearing and grading, and results in soil compaction, potential alteration of drainage channels, and increased runoff and erosion. Engineering methods can be used to mitigate these impacts.

Parabolic trough and central tower systems typically use conventional steam plants to generate electricity, which commonly consume water for cooling. In arid settings, any increase in water demand can strain available water resources. Use of or spills of chemicals at solar facilities (for example, dust suppressants, dielectric fluids, herbicides) could result in contamination of surface or groundwater.

The construction and operation of solar facilities generates particulate matter, which can be a significant pollutant particularly in any nearby areas classified as Class I under Prevention of Significant Deterioration regulations (such as national parks and wilderness areas).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

พิจารณาสิ่งแวดล้อมพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์พลังงานสาธารณูปโภคสิ่งแวดล้อมพิจารณารวมถึงผลกระทบต่อการใช้ที่ดินรบกวน/ที่ดิน ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นเป็นพิเศษพื้นที่ ผลกระทบต่อทรัพยากรดิน น้ำ และอากาศ ผลกระทบกับพืช สัตว์ป่า สัตว์ป่า และพันธุ์ พันธุ์สำคัญ ยุติธรรมแสดง วัฒนธรรม วีรยุทธ์ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และผลกระทบ และผลกระทบที่อาจเกิดจากวัสดุที่เป็นอันตรายพลังงานแสงอาทิตย์สะดวกลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมของการเผาไหม้ที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิล เช่นผลกระทบจากก๊าซเรือนกระจกและการปล่อยมลพิษทางอากาศอื่น ๆ ซึ่งแตกต่างจากเชื้อเพลิงฟอสซิลพลังงานสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก พลังงานแสงอาทิตย์สะดวกมีปล่อยอากาศที่ต่ำมากของมลพิษทางอากาศเช่นก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ไนโตรเจนออกไซด์ คาร์บอนมอนอกไซด์ สารอินทรีย์ และก๊าซเรือนกระจกก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระหว่างการดำเนินงาน นอกจากนี้ประโยชน์ของการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ ก่อสร้างและการทำงานของพลังงานแสงอาทิตย์สร้างทั้งทางตรง และทางอ้อมการจ้างงานและรายได้เพิ่มเติมในพื้นที่ที่เกิดการพัฒนา อย่างไรก็ตาม มีบางผลกระทบเกี่ยวข้องกับพลังงานแสงอาทิตย์สิ่งที่ต้องพิจารณาของ BLM ขั้นตอนการตรวจสอบขวาแสงอาทิตย์และกระบวนการของ DOE การพัฒนาสิ่งแวดล้อมแนะนำสำหรับอาทิตย์นี้ อาจเกิดผลกระทบกับทรัพยากรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง ดำเนินการ และรื้อถอนโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์อธิบายสั้น ๆ ด้านล่าง ผลกระทบและมาตรการเพื่อลดสำหรับพลังงานแสงอาทิตย์เหล่านี้ระบุในรายละเอียดในพลังงานแสงอาทิตย์พลังงานพัฒนาโปรแกรม EISที่ดิน/ที่ดินรบกวนใช้ผลกระทบสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณูปโภคพลังงานแสงอาทิตย์ต้องใช้พื้นที่ค่อนข้างมากสำหรับการรวบรวมรังสีดวงอาทิตย์เมื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าที่สาธารณูปโภค (กำหนดสำหรับ PEIS พลังงานแสงอาทิตย์เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมความจุรุ่น 20 MW หรือมากกว่า) สิ่งอำนวยความสะดวกแสงอาทิตย์อาจรบกวนใช้ที่ดินที่มีอยู่ เช่นเล็มหญ้า ม้าและถ้วยตัดสินการจัดการป่า ทหาร และการผลิตแร่ธาตุ สิ่งอำนวยความสะดวกแสงอาทิตย์ส่งผลกระทบต่อการใช้พื้นที่กำหนดเป็นพิเศษเช่นพื้นที่ถิ่นทุรกันดาร พื้นที่ของความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ หรือสันทนาการพิเศษจัดการพื้นที่ใกล้เคียง ทนาการตัดสินใจที่เหมาะสมสามารถช่วยหลีกเลี่ยงการรบกวนดิน และผลกระทบต่อใช้ที่ดินผลกระทบต่อดิน น้ำ และทรัพยากรอากาศก่อสร้างบนพื้นที่ขนาดใหญ่ของที่ดินของแสงอาทิตย์ต้องล้าง และคัดเกรด และผลในการบดอัดดิน การเปลี่ยนแปลงศักยภาพของ ช่องระบายน้ำ และเพิ่มขึ้นไหลบ่า และพังทลาย วิศวกรรมวิธีใช้ลดผลกระทบเหล่านี้รางและระบบหอคอยกลางมักใช้พืชไอน้ำธรรมดาเพื่อสร้างไฟฟ้า ซึ่งโดยทั่วไปใช้น้ำระบายความร้อน แห้งแล้งการตั้งค่า การขึ้นความต้องการน้ำสามารถเครียดทรัพยากรน้ำมี การใช้หรือการรั่วไหลของสารเคมีที่พลังงานแสงอาทิตย์ (เช่น ระงับฝุ่น เป็นฉนวนของเหลว สารเคมีกำจัดวัชพืช) อาจส่งผลให้มีการปนเปื้อนของพื้นผิวหรือน้ำบาดาลการก่อสร้างและการทำงานของพลังงานแสงอาทิตย์สร้างเรื่องฝุ่น ซึ่งอาจเป็นมลพิษสำคัญโดยเฉพาะในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงจัดเป็น Class ฉันภายใต้กฎระเบียบป้องกันการเสื่อมอย่างมีนัยสำคัญ (เช่นอุทยานแห่งชาติและพื้นที่ป่า)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

พัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์การพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อมพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อมยูทิลิตี้ขนาดพลังงานแสงอาทิตย์รวมถึงการใช้ที่ดินรบกวน / ที่ดินส่งผลกระทบต่อ; ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับพื้นที่ที่กำหนดเป็นพิเศษ; ผลกระทบต่อดินน้ำและทรัพยากรอากาศ; ผลกระทบต่อพืชสัตว์ป่าอาศัยของสัตว์ป่าและสิ่งมีชีวิตที่มีความสำคัญ; ภาพวัฒนธรรมบรรพชีวินวิทยา, เศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อความยุติธรรมและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากวัสดุที่เป็นอันตราย. สิ่งอำนวยความสะดวกพลังงานแสงอาทิตย์ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการเผาไหม้ที่ใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิลเช่นผลกระทบจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการปล่อยมลพิษทางอากาศอื่น ๆ ซึ่งแตกต่างจากเชื้อเพลิงฟอสซิลสิ่งอำนวยความสะดวกที่ก่อให้เกิดพลังงานแสงอาทิตย์มีสิ่งอำนวยความสะดวกของมลพิษทางอากาศที่ต่ำมากของมลพิษทางอากาศเช่นก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์, ไนโตรเจนออกไซด์ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์สารอินทรีย์ระเหยและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ก๊าซเรือนกระจกระหว่างการดำเนินการ นอกจากผลประโยชน์เหล่านี้ของการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์, การก่อสร้างและการดำเนินงานของสิ่งอำนวยความสะดวกแสงอาทิตย์สร้างการจ้างงานทั้งทางตรงและทางอ้อมและรายได้เพิ่มขึ้นในภูมิภาคที่มีการพัฒนาเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามยังมีบางผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับสิ่งอำนวยความสะดวกพลังงานแสงอาทิตย์ที่จะต้องได้รับการพิจารณาในขั้นตอนการ BLM ของการอนุญาตให้แสงอาทิตย์ขวาของวิธีการขออนุมัติและขั้นตอนของ DOE ของการพัฒนาคำแนะนำด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกแสงอาทิตย์ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นไปยังแหล่งข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างการดำเนินงานและการรื้อถอนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีการระบุไว้สั้น ๆ ดังนี้ ผลกระทบเหล่านี้และมาตรการบรรเทาผลกระทบสำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกแสงอาทิตย์มีการระบุในรายละเอียดในการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์โปรแกรม EIS. ที่ดินรบกวน / การใช้ที่ดินผลกระทบทั้งหมดสาธารณูปโภคขนาดสิ่งอำนวยความสะดวกพลังงานแสงอาทิตย์ต้องใช้พื้นที่ค่อนข้างใหญ่สำหรับการเก็บรวบรวมพลังงานแสงอาทิตย์เมื่อนำมาใช้ในการผลิตไฟฟ้าที่ยูทิลิตี้ขนาด (ตามที่กำหนดสำหรับ PEIS พลังงานแสงอาทิตย์เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีกำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ของหรือสูงกว่า) สิ่งอำนวยความสะดวกแสงอาทิตย์อาจรบกวนการใช้งานที่มีอยู่ในที่ดินดังกล่าวเป็นทุ่งเลี้ยงสัตว์ม้าป่าและการจัดการลา, การใช้งานทางทหารและการผลิตแร่ธาตุ สิ่งอำนวยความสะดวกแสงอาทิตย์อาจส่งผลกระทบการใช้งานของพื้นที่ใกล้เคียงที่กำหนดเป็นพิเศษเช่นพื้นที่ป่าพื้นที่ของความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญหรือการจัดการพื้นที่นันทนาการพิเศษ การตัดสินใจเลือกที่ตั้งที่เหมาะสมสามารถช่วยหลีกเลี่ยงการรบกวนที่ดินและการใช้ที่ดินผลกระทบ. ผลกระทบต่อดินน้ำและอากาศทรัพยากรการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกแสงอาทิตย์บนพื้นที่ขนาดใหญ่ของแผ่นดินต้องชำระราคาและการจัดลำดับและผลในการบดอัดดินเปลี่ยนแปลงศักยภาพของช่องทางระบายน้ำและ เพิ่มขึ้นไหลบ่าและการพังทลาย วิธีการทางวิศวกรรมสามารถใช้ในการบรรเทาผลกระทบเหล่านี้. รางพาราโบลาและระบบหอคอยกลางมักจะใช้พืชอบไอน้ำแบบเดิมในการผลิตกระแสไฟฟ้าซึ่งมักใช้น้ำเพื่อระบายความร้อน ในการตั้งค่าแห้งแล้งเพิ่มขึ้นในความต้องการน้ำจะเครียดทรัพยากรน้ำที่มีอยู่ การใช้หรือการรั่วไหลของสารเคมีในโรงงานพลังงานแสงอาทิตย์ (ตัวอย่างเช่นระงับฝุ่นละอองของเหลวอิเล็กทริก, สารเคมีกำจัดวัชพืช) อาจทำให้เกิดการปนเปื้อนของดินหรือใต้ดิน. การก่อสร้างและการดำเนินงานของโรงงานพลังงานแสงอาทิตย์สร้างอนุภาคซึ่งอาจจะเป็นมลพิษอย่างมีนัยสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการใด ๆ พื้นที่ใกล้เคียงจัดเป็น Class I ภายใต้กฎระเบียบของการป้องกันการเสื่อมสภาพอย่างมีนัยสำคัญ (เช่นอุทยานแห่งชาติและพื้นที่ป่า)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

พลังงานแสงอาทิตย์พลังงานการพิจารณาการพัฒนาสิ่งแวดล้อมยูทิลิตี้ขนาดพลังงานสิ่งแวดล้อมพิจารณารวมถึงผลกระทบการใช้ที่ดิน / ที่ดินรบกวน ศักยภาพผลกระทบเพื่อพิเศษเขตพื้นที่ ผลกระทบต่อทรัพยากรดิน น้ำและอากาศ ผลกระทบกับพืชพรรณสัตว์ป่าที่อยู่อาศัยสัตว์ป่า และที่สําคัญชนิดภาพ , วัฒนธรรม , paleontological สังคมและผลกระทบ , ความยุติธรรมด้านสิ่งแวดล้อม และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากวัตถุอันตรายเครื่องพลังงานแสงอาทิตย์ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า เช่น ผลกระทบจากก๊าซกรีนเฮ้าส์ และมลพิษทางอากาศมลพิษอื่น ๆ ซึ่งแตกต่างจากเชื้อเพลิงฟอสซิลพลังงานในการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก เครื่องพลังงานแสงอาทิตย์ได้ต่ำมาก อากาศ การปล่อยมลพิษทางอากาศ เช่น ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ไนโตรเจนออกไซด์ คาร์บอนมอนอกไซด์ , สารระเหยอินทรีย์และคาร์บอนไดก๊าซเรือนกระจกในระหว่างการปฏิบัติงาน นอกจากนี้ประโยชน์ของการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ , การก่อสร้างและการดำเนินงานของเครื่องพลังงานแสงอาทิตย์สร้างทั้งทางตรง การจ้างงานและรายได้เพิ่มเติมในภูมิภาคที่พัฒนาขึ้น และทางอ้อม อย่างไรก็ตาม ยังมีบางส่วนจากผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับเครื่องพลังงานแสงอาทิตย์ที่ต้องพิจารณาในกระบวนการของการให้แสงอาทิตย์ BLM สิทธิอนุญาต และโด กระบวนการพัฒนาแนวทางด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับเครื่องพลังงานแสงอาทิตย์ ที่อาจเกิดขึ้นจากผลกระทบต่อทรัพยากรต่าง ๆที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง การดำเนินงาน และรื้อถอนโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์จะสั้น ๆที่ระบุไว้ด้านล่าง ผลกระทบเหล่านี้ และมาตรการบรรเทาผลกระทบสำหรับเครื่องแสงอาทิตย์จะให้ความสนใจในรายละเอียดในการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ในการเขียนโปรแกรม EIS .ที่ดิน / ที่ดินผลกระทบรบกวนใช้ขนาดทั้งหมดสาธารณูปโภคพลังงานแสงอาทิตย์เครื่องต้องใช้พื้นที่ค่อนข้างมากในการเก็บพลังงานแสงอาทิตย์เมื่อใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าในระดับโปรแกรม ( ที่กำหนดไว้สำหรับ peis พลังงานแสงอาทิตย์เป็นเครื่องมีรุ่นความจุ 20 ( หรือมากกว่า ) เครื่องพลังงานแสงอาทิตย์อาจรบกวนการใช้ที่ดินที่มีอยู่ เช่น การแทะเล็มม้าป่าและการจัดการ โบโร่ใช้ทหารและการผลิตแร่ เครื่องพลังงานแสงอาทิตย์อาจส่งผลกระทบการใช้พื้นที่ใกล้เคียงเป็นพิเศษเขต เช่น พื้นที่ป่า พื้นที่สำคัญความห่วงใยสิ่งแวดล้อม หรือการจัดการด้านสันทนาการพิเศษ ที่เหมาะสม การเลือก การตัดสินใจสามารถช่วยหลีกเลี่ยงการรบกวนดินและการใช้ที่ดินผลกระทบผลกระทบต่อทรัพยากร ดิน น้ำ และอากาศก่อสร้างเครื่องพลังงานแสงอาทิตย์บนพื้นที่ขนาดใหญ่ของที่ดินที่ต้องมีการคัดเกรด และผลลัพธ์ในการบดอัดดินการเปลี่ยนแปลงศักยภาพช่องทางระบายน้ำและเพิ่มปริมาณ และการกัดเซาะ วิธีทางวิศวกรรมที่สามารถใช้เพื่อลดผลกระทบเหล่านี้รางพาราโบลิคและระบบหอคอยกลางมักจะใช้พืชอบปกติ เพื่อผลิตไฟฟ้า ซึ่งปกติใช้น้ำสำหรับหล่อเย็น ในการตั้งค่าและการเพิ่มขึ้นในความต้องการใช้น้ำมีมากทรัพยากรน้ำใช้ได้ ใช้หรือรั่วไหลของสารเคมีในเครื่องพลังงานแสงอาทิตย์ ( เช่น ฝุ่นละออง ระงับการหลั่งของเหลว dielectric , สารป้องกันกำจัดวัชพืช ) อาจส่งผลในการปนเปื้อนของพื้นผิวหรือใต้ดิน .การก่อสร้างและการดำเนินงานของเครื่องพลังงานแสงอาทิตย์สร้างอนุภาค ซึ่งเป็นสารมลพิษที่สำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ใกล้เคียงจัดเป็นชั้นป้องกันการเสื่อมสภาพภายใต้กฎระเบียบที่สำคัญ เช่น อุทยานแห่งชาติและพื้นที่ป่า )