Thai Health Promotion Foundation an

Thai Health Promotion Foundation and earmarked tobacco tax

A landmark in health promotion in Thailand came in 2001 with the establishment of the Thai Health Promotion Foundation (ThaiHealth) as a health promotion funding mechanism that draws upon a 2 percent surcharge levied on alcohol and tobacco excise tax, approximately USD 50-60 million a year. In 2001, the Cabinet issued Thai Health Promotion Foundation Act, B.E. 2544 to establish a progressive financial mechanism for health promotion. This foundation works as a catalytic funding agency for civil movements that lead to the improvement in well-being of Thai citizen. The organization collaborates with all sectors of the society, from the national to the grassroots level, and is the most notable organization for health promotion in Thailand. ThaiHealth funds programs on health risks/issues such as alcohol, tobacco,accidents, exercise, as well as area or setting based programs, for example, school, work place, community, and programs that target specific population groups such as the youth, the elderly, Muslim community.

In 2008, about 23% of the tobacco revenue for ThaiHealth was spent for tobacco control activities. ThaiHealth financed tobacco control campaigns (US$ 3 million), smoke-free projects (US$ 1.08 and other tobacco control projects and research (US$ 1.14 million).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สสสและภาษียาสูบผึ้งนางสถานสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพในประเทศไทยมาในปี 2001 ด้วยการจัดตั้งมูลนิธิส่งเสริมสุขภาพไทย (ThaiHealth) โปรโมชั่นสุขภาพทุนกลไกที่ดึงค่าธรรมเนียมร้อยละ 2 เมื่อเก็บจากสุรา และ ภาษีสรรพสามิตยาสูบ ประมาณ 50-60 ล้านดอลลาร์สหรัฐปี ในปีพ.ศ. 2544 คณะรัฐมนตรีออกสุขภาพส่งเสริมมูลนิธิบัญญัติ พ.ศ. 2544 เพื่อสร้างกลไกการเงินก้าวหน้าสำหรับการส่งเสริมสุขภาพ มูลนิธินี้ทำงานเป็นตัวแทนทุนตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับพลเรือนการเคลื่อนไหวที่นำไปสู่การปรับปรุงในความเป็นอยู่ของคนไทย องค์กรร่วมมือกับทุกภาคส่วนของสังคม จากแห่งชาติระดับรากหญ้า และเป็นองค์กรที่โดดเด่นที่สุดสำหรับการส่งเสริมสุขภาพในประเทศไทย ThaiHealth เงินความเสี่ยง/ปัญหาสุขภาพ เช่นแอลกอฮอล์ ยาสูบ อุบัติเหตุ ออกกำลัง กาย พื้นที่หรือโปรแกรมการตั้งค่าพื้นฐาน เช่น โรงเรียน สถานทำงาน ชุมชน และโปรแกรมที่กำหนดเป้าหมายประชากรเฉพาะกลุ่มเช่นเยาวชน ผู้สูงอายุ มุสลิมชุมชน ใน 2008 ประมาณ 23% ของรายได้จากยาสูบสำหรับ ThaiHealth ใช้สำหรับกิจกรรมการควบคุมยาสูบ ThaiHealth ทุนแคมเปญควบคุมยาสูบ (3 ล้าน), โครงการปลอดบุหรี่ (สหรัฐอเมริกา $ 1.08 และอื่น ๆ โครงการควบคุมยาสูบ และวิจัย (1.14 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มูลนิธิส่งเสริมสุขภาพคนไทยและภาษียาสูบจัดสรร

สถานที่ในการส่งเสริมสุขภาพในประเทศไทยมาในปี 2001 มีการจัดตั้งมูลนิธิส่งเสริมสุขภาพไทย (สสส) เป็นกลไกการระดมทุนส่งเสริมสุขภาพที่เสมอเมื่อคิดค่าใช้จ่ายร้อยละ 2 ที่เรียกเก็บจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และภาษีสรรพสามิตยาสูบภาษี ประมาณ 50-60000000 เหรียญสหรัฐต่อปี ในปี 2001 คณะรัฐมนตรีได้ออกโปรโมชั่นสุขภาพมูลนิธิไทย พ.ศ. 2544 เพื่อสร้างกลไกทางการเงินก้าวหน้าการส่งเสริมสุขภาพ มูลนิธินี้ทำงานเป็นหน่วยงานระดมทุนของตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับการเคลื่อนไหวทางแพ่งที่นำไปสู่การปรับปรุงในความเป็นอยู่ของคนไทย องค์กรร่วมมือกับทุกภาคส่วนของสังคมจากชาติให้อยู่ในระดับรากหญ้าและเป็นองค์กรที่มีชื่อเสียงมากที่สุดสำหรับการส่งเสริมสุขภาพในประเทศไทย โปรแกรมกองทุนสสสเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านสุขภาพ / ประเด็นต่าง ๆ เช่นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยาสูบอุบัติเหตุ, การออกกำลังกายเช่นเดียวกับพื้นที่หรือการตั้งค่าโปรแกรมพื้นฐานเช่นโรงเรียนสถานที่ทำงานชุมชนและโปรแกรมที่กำหนดเป้าหมายประชากรกลุ่มเฉพาะเช่นเยาวชนที่ ผู้สูงอายุชุมชนมุสลิม.

ในปี 2008 ประมาณ 23% ของรายได้สำหรับยาสูบสสสถูกใช้สำหรับกิจกรรมการควบคุมการบริโภคยาสูบ สสสแคมเปญการควบคุมยาสูบทุน (US $ 3 ล้านบาท) โครงการปลอดบุหรี่ (US $ 1.08 และโครงการควบคุมยาสูบอื่น ๆ และการวิจัย (US $ 1.14 ล้านบาท)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การสร้างเสริมสุขภาพและขึ้นภาษียาสูบสถานที่ในการส่งเสริมสุขภาพในประเทศไทยมาแล้วในปี 2001 มีการจัดตั้งการดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาพของ สสส. เป็นกลไกส่งเสริมสุขภาพเดิมที่วาดเมื่อ 2 เปอร์เซ็นต์ค่าธรรมเนียมเรียกเก็บจากสุราและภาษีสรรพสามิตยาสูบ ประมาณ 50-60 ล้านบาท ในปี 2001 รัฐบาลออกพระราชบัญญัติสํานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ. 2544 สร้างกลไกทางการเงินก้าวหน้าเพื่อการส่งเสริมสุขภาพ มูลนิธินี้ทำงานเป็นแหล่งทุนสนับสนุนการเคลื่อนไหวที่นำไปสู่การเป็นพลเมืองในการปรับปรุงความเป็นอยู่ของคนไทย องค์การร่วมมือกับทุกภาคส่วนของสังคม จากชาติในระดับรากหญ้า และเป็นองค์กรที่โดดเด่นที่สุดเพื่อการส่งเสริมสุขภาพในประเทศไทย ทั้งกองทุนโปรแกรมเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อสุขภาพ / ปัญหา เช่น สุรา บุหรี่ อุบัติเหตุ การออกกำลังกาย ตลอดจนพื้นที่หรือการตั้งค่าโปรแกรมตาม ตัวอย่าง โรงเรียน สถานที่ งานชุมชน และโปรแกรมที่กำหนดเป้าหมายเฉพาะกลุ่มประชากร เช่น เยาวชน ผู้สูงอายุ ชุมชนมุสลิมในปี 2008 ประมาณ 23% ของรายได้สำหรับยาสูบทั้งถูกใช้เพื่อกิจกรรมการควบคุมยาสูบ ทั้งทุนแคมเปญการควบคุมยาสูบ ( US $ 3 ล้าน ) , โครงการปลอดบุหรี่ ( US $ 1.08 และโครงการอื่น ๆและการวิจัยเพื่อการควบคุมยาสูบ ( US $ 1.14 ล้านบาท )