Charles Spencer Chaplin was born in

Charles Spencer Chaplin was born into a poor London family of music hall entertainers called Hannah Chaplin and Charles Chaplin SR. Even as a child he found success as a performer, making his stage debut in 1894. Biographer David Robinson has gone so far as to say that Chaplin's life was the ultimate rags to riches tale.

His early years were spent with his mother, who had no means of income, and brother in Kennington. Their father provided no support for his children causing Chaplin to be sent to the workhouse at the age of seven.

Chaplin spent his childhood going in and out of the workhouse as well as being educated by a range of charitable schools. In 1898, his mother was committed to a mental asylum due to a psychosis caused by syphilis and malnutrition. She remained in care until her death in 1928, leaving the young Charles and his brother Sydney to look after themselves.

He started his career in entertainment when he played a paperboy in 'Sherlock Holmes', which ran from 1903-6 from the age of 14, after which he worked as a mime in vaudeville theatres, until he left London for America. When Chaplin first arrived in the States he joined the Karno pantomime troupe, and toured with them for six years.

He signed his first film deal at the end of 1913, with Keystone pictures. His film debut was called 'Making a Living'. It was in the 1915 film, 'The Tramp', that Chaplin first appeared as the downtrodden, dreamy character for which he is most famous.

Chaplin's first controversy occurred during WWI when his loyalty to his native country was called into question as he lived in the US. Many British citizens called him a coward and a slacker.

In 1918, he married Mildred Harris with whom he had son Norman Spencer Chaplin, who only lived for three days. The couple divorced in 1920.

By the early 1920s, Chaplin was making his own films with actors Mary Pickford and Douglas Fairbanks due to the establishment of Chaplin Studios and United Artists in 1919. Having control of his own films lead to classics such as 'The Kid', 'The Gold Rush', 'City Lights', 'Modern Times' and 'The Great Dictator'. These films made him the most popular and successful film star of his time.

During this period, Chaplin was married to Lita Grey, with whom he had sons Charles and Sydney. They had divorced by 1927. This was then followed by a brief marriage to Paulette Goodard between 1936 and 1942.

Chaplin was known for his innovative film-making techniques, although he kept tight-lipped about how he achieved them. He said that revealing his methods would be akin to a magician spoiling his own illusion.

However, it is known that he almost never worked from a finished script, improving jokes and dialogue once the set had been constructed.

Chaplin is often compared to the other great silent comedian - Buster Keaton - however, fans have noted that while Keaton is more cynical in his act, Chaplin had a love for sentimentality and pathos.

The actor also composed the music for many of his films, most notably the song 'Smile', which he wrote for 'Modern Times' and was later covered by Nat King Cole, reaching number two in the UK charts.

When sound films appeared, Chaplin's natural terrain of silent film was eclipsed by the novelty and realism of this new technology.

Chaplin was accused of being a communist by senator McCarthy, and a file was produced that supposedly detailed his subversive political activities since 1922. His first 'talkie' 'The Great Dictator' in 1940 added heat to this accusation and caused a stir. The film saw Chaplin play a caricature version of Adolf Hitler, which was seen as being in bad taste.

Despite this, it grossed over $5 million and won five Academy Awards. His support in aiding the Russian struggle against the invading Nazis was also scrutinized, leading the House of Un-American Activities Council issuing a subpoena against him in 1947 but later decided he didn't need to testify.

In 1952, Chaplin visited Europe for the premiere of his film 'Limelight' and was not allowed to return to the US; he settled in Switzerland. He made a film, 'The King In New York', in 1957, which was full of criticism of McCarthy and American society in general.

In 1964, he released his first autobiography called 'My Autobiography', which was followed by 'My Life in Pictures' in 1974.

He was allowed to return to the US in 1972 to receive an Oscar for his services to film. Chaplin was then given a Knighthood of the British Order by the Queen in 1975.

He died in Switzerland aged 88 from natural causes in 1977.

By the time of his death, Chaplin had fathered 12 children, eight of those with his last wife Oona O'Neill, the daughter of playwright Eugene O'Neill, whom he had married in 1943.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ชาร์ลส์สเปนเซอร์แชปลินเกิดมาในครอบครัวที่ลอนดอนที่ดีของวงการบันเทิงฮอลล์เพลงที่เรียกว่าฮันนาห์แชปลินและชาร์ลส์อาร์แชปลิน แม้ในขณะที่เด็กเขาพบกับความสำเร็จในฐานะนักแสดงทำให้ขั้นตอนการเปิดตัวใน 1894 ผู้เขียนชีวประวัติของเดวิดโรบินสันได้หายไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะบอกว่าชีวิตของแชปลินเป็นผ้าที่ดีที่สุดเพื่อความร่ำรวยเรื่อง. ในช่วงปีแรกของเขาได้ใช้เวลาอยู่กับแม่ของเขาที่มี ไม่ได้หมายความว่ารายได้และพี่ชายในเคนซิงตัน พ่อของพวกเขาไม่ให้การสนับสนุนสำหรับลูก ๆ ของเขาก่อให้เกิดการแชปลินที่จะถูกส่งไปยังสถานสงเคราะห์คนอนาถาที่อายุเจ็ด. the แชปลินใช้ชีวิตวัยเด็กของเขาจะเข้าและออกจากสถานสงเคราะห์เช่นเดียวกับการศึกษาโดยช่วงของโรงเรียนการกุศล ในปี 1898 แม่ของเขาได้รับการมุ่งมั่นที่จะขอลี้ภัยทางจิตเนื่องจากการโรคจิตที่เกิดจากการขาดสารอาหารและโรคซิฟิลิส เธอยังคงอยู่ในการดูแลจนกระทั่งเสียชีวิตในปี 1928 ออกจากชาร์ลส์หนุ่มสาวและน้องชายของเขาที่จะซิดนีย์ดูแลตัวเอง. เขาเริ่มต้นอาชีพในวงการบันเทิงเมื่อเขาเล่นในหนังสือพิมพ์ 'เชอร์ล็อกโฮล์มส์ซึ่งวิ่ง 1903-6 จากอายุ 14 หลังจากที่เขาทำงานเป็นละครใบ้ในโรงภาพยนตร์เพลงจนกระทั่งเขาออกจากลอนดอนอเมริกา แชปลินเมื่อแรกที่เข้ามาในประเทศเขาได้เข้าร่วม Karno คณะโขนและไปเที่ยวกับพวกเขาเป็นเวลาหกปี. เขาเซ็นสัญญาหนังเรื่องแรกในช่วงปลายปี 1913 ด้วยภาพสโตน ภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาถูกเรียกว่า 'การใช้ชีวิต' มันอยู่ใน 1915 ภาพยนตร์เรื่อง 'The Tramp' ที่แชปลินปรากฏตัวครั้งแรกในฐานะเอาเปรียบตัวละครที่เหมือนฝันที่เขามีชื่อเสียงมากที่สุด. ความขัดแย้งครั้งแรกของแชปลินเกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่เมื่อความจงรักภักดีของเขาไปยังประเทศบ้านเกิดของเขาถูกเรียกว่าเป็นคำถามที่เขาอาศัยอยู่ใน สหรัฐอเมริกา. ชาวอังกฤษหลายคนเรียกเขาว่าเป็นคนขี้ขลาดและคนขี้เกียจ. ในปี 1918 เขาแต่งงานกับมิลเดรดแฮร์ริสซึ่งเขามีลูกชายของนอร์แมนสเปนเซอร์แชปลินที่อาศัยอยู่เพียงสามวัน ทั้งคู่หย่าร้างในปี 1920 โดยต้นปี ค.ศ. 1920 แชปลินได้รับการทำหนังของตัวเองกับนักแสดงแมรี่ Pickford และดักลาสแฟร์แบงค์เนื่องจากการจัดตั้งสตูดิโอแชปลินและยูศิลปินในปี 1919 มีการควบคุมของภาพยนตร์ของตัวเองนำไปสู่ความคลาสสิกเช่น "The เด็ก ',' ทองพุ่ง ',' แสงไฟของเมือง ',' สมัยใหม่ 'และ' เผด็จการที่ดี ' เรื่องเหล่านี้ทำให้เขาเป็นภาพยนตร์ที่นิยมมากที่สุดและประสบความสำเร็จดาวของเวลาของเขา. ในช่วงเวลานี้แชปลินแต่งงานกับลิตาสีเทากับคนที่เขามีบุตรชายชาร์ลส์และซิดนีย์ พวกเขาได้หย่าร้างกันโดยปี 1927 นี้ได้รับแล้วตามด้วยการแต่งงานสั้น ๆ เพื่อเลต Goodard ระหว่าง 1936 และ 1942 แชปลินเป็นที่รู้จักกันสำหรับการทำฟิล์มใหม่ของเขาเทคนิคแม้ว่าเขาจะเก็บไว้ปากแข็งเกี่ยวกับวิธีการที่เขาประสบความสำเร็จพวกเขา เขาบอกว่าเผยให้เห็นวิธีการของเขาจะคล้ายกับนักมายากลเสียภาพลวงตาของเขาเอง. แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าเขาแทบจะไม่เคยทำงานจากสคริปต์เสร็จการปรับปรุงเรื่องตลกและบทสนทนาที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นชุดที่ได้รับการสร้างขึ้น. แชปลินมักจะถูกเปรียบเทียบอื่น ๆ นักแสดงตลกเงียบดี - บัสเตอร์คีตัน - แต่แฟน ๆ ได้ตั้งข้อสังเกตว่าในขณะที่คีตันเป็นคนอื่นมากขึ้นในการกระทำของเขาแชปลินมีความรักที่มีความเห็นอกเห็นใจและน่าเศร้า. นักแสดงยังแต่งเพลงหลายเรื่องของเขาโดดเด่นที่สุดเพลง 'รอยยิ้ม' ซึ่งเขาเขียนสำหรับ 'โมเดิร์นไทม์สและได้รับการคุ้มครองในภายหลังโดย Nat King Cole ถึงอันดับสองในชาร์ตสหราชอาณาจักร. เมื่อภาพยนตร์เสียงปรากฏแชปลินภูมิประเทศตามธรรมชาติของหนังเงียบที่ถูกบดบังด้วยความแปลกใหม่และความสมจริงของเทคโนโลยีใหม่นี้. แชปลิน ถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์โดยวุฒิสมาชิกแมคคาร์และไฟล์ที่ถูกผลิตที่คาดคะเนรายละเอียดกิจกรรมทางการเมืองของเขาถูกโค่นล้มตั้งแต่ 1922 ครั้งแรกของเขา 'วิทยุ' 'มหาราชจอมบงการ' ในปี 1940 เพิ่มความร้อนให้ข้อกล่าวหานี้และก่อให้เกิดความปั่นป่วน ภาพยนตร์เรื่องนี้เห็นเล่นแชปลินรุ่นล้อของอดอล์ฟฮิตเลอร์ซึ่งถูกมองว่าอยู่ในรสชาติที่ไม่ดี. อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็ทำรายได้มากกว่า $ 5,000,000 และได้รับรางวัลห้ารางวัลออสการ์ การสนับสนุนของเขาในการช่วยการต่อสู้กับพวกนาซีรัสเซียบุกรุกก็พิจารณานำบ้านของอูอเมริกันกิจกรรมสภาการออกหมายศาลกับเขาในปี 1947 แต่ต่อมาตัดสินใจว่าเขาไม่ต้องการที่จะเป็นพยาน. ในปี 1952 แชปลินได้ไปเยือนยุโรป รอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์ของเขา 'แฉ' และไม่ได้รับอนุญาตให้กลับไปยังสหรัฐอเมริกา; เขาตั้งรกรากอยู่ในวิตเซอร์แลนด์ เขาทำภาพยนตร์เรื่อง 'The King ใน New York, ในปี 1957 ซึ่งเป็นเต็มรูปแบบของการวิจารณ์ของแมคคาร์และสังคมอเมริกันโดยทั่วไป. ในปี 1964 เขาปล่อยอัตชีวประวัติของเขาเป็นครั้งแรกเรียกว่า' ฉันอัตชีวประวัติ 'ซึ่งตามมาด้วยชีวิตของฉัน ในภาพ 'ในปี 1974 เขาได้รับอนุญาตให้กลับไปยังสหรัฐอเมริกาในปี 1972 จะได้รับรางวัลออสการ์สำหรับการให้บริการของเขาที่จะถ่าย แชปลินได้รับแล้วอัศวินของคำสั่งของอังกฤษโดยสมเด็จพระราชินีในปี 1975 เขาเสียชีวิตในวัย 88 วิตเซอร์แลนด์จากสาเหตุตามธรรมชาติในปี 1977 เมื่อถึงเวลาที่เขาจะตายแชปลินได้ 12 พระสันตะปาปาเด็กแปดของผู้ที่มีภรรยาครั้งสุดท้ายของเขา Oona O 'โอนีลูกสาวของนักเขียนบทละครยูจีนโอนีลซึ่งเขาได้แต่งงานในปี 1943

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ชาร์ลส์สเปนเซอร์แชปลินเกิดมาในครอบครัวที่ยากจนของลอนดอนฮอลล์ศิลปินที่เรียกว่าฮันนาห์แชปลินชาร์ลี แชปลินซีเนียร์และยังเป็นเด็กที่เขาพบความสำเร็จในฐานะนักแสดง ทำให้เวทีเปิดตัวของเขาใน 1894 . ชีวประวัติเดวิดโรบินสันไปเท่าที่จะบอกว่าชีวิตแชปลินเป็นผ้าขี้ริ้วที่สุดเรื่องความร่ำรวย

ปีแรกของเขาได้ใช้เวลากับแม่ของเขาที่ไม่ได้หมายถึงรายได้และพี่ชายใน Kennington . พ่อไม่สนับสนุนให้ลูกหลานของแชปลินต้องส่งไปฝึกอาชีพตอนอายุเจ็ดขวบ

แชปลินใช้เวลาวัยเด็กของเขาไปในและออกของการฝึกอาชีพ ตลอดจนการศึกษาโดยช่วงของมูลนิธิโรงเรียน ใน 1898 , แม่ของเขามุ่งมั่นที่จะลี้ภัยทางจิตเนื่องจากโรคจิตที่เกิดจากซิฟิลิส และขาดสารอาหารเธอยังคงอยู่ในการดูแลจนกระทั่งเธอตายในปี 1928 , ออกจากยองชาร์ลและพี่ชายของเขาและการดูแลตัวเอง

เขาเริ่มอาชีพของเขาในตอนที่เขาเล่นเป็นเด็กขายหนังสือพิมพ์บันเทิง ' Sherlock Holmes ' ซึ่งวิ่งจาก 1903-6 ตั้งแต่อายุ 14 หลังจากที่เขาทำงานเป็น MIME ในเพลงโรงละคร จนกระทั่ง เขาไปลอนดอนสำหรับอเมริกาเมื่อแรกมาถึงใน Chaplin อเมริกาเขาเข้าร่วม karno ละครใบ้นักแสดง และทำงานกับพวกเขา 6 ปี

เขาเซ็นชื่อแจกภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาในตอนท้ายของ 1913 , กับภาพหลัก เปิดตัวภาพยนตร์ของเขาถูกเรียกว่า ' เลี้ยงชีพ ' มันอยู่ใน 2458 ฟิล์ม ' กุ๊ย ' ที่แชปลินปรากฏตัวครั้งแรกในฐานะ downtrodden , ฝันตัวละครที่เขามีชื่อเสียงมากที่สุด

ความขัดแย้งครั้งแรก แชปลินเกิดในช่วงสงครามโลกเมื่อความจงรักภักดีของเขาประเทศบ้านเกิดของเขาถูกถามขณะที่เขาอยู่ในสหรัฐอเมริกา ชาวอังกฤษหลายเรียกเขาเป็นคนขี้ขลาดและคนขี้เกียจ

ใน 1918 เขาแต่งงานกับมิลเดรด แฮร์ริส กับคนที่เขามีบุตรชายนอร์แมนสเปนเซอร์แชปลินที่มีชีวิตอยู่แค่ 3 วัน คู่หย่าในปี 1920 .

โดยในช่วงต้นปี ค.ศ. 1920 ,Chaplin สร้างหนังของเขาเองกับนักแสดงแมรี่พิคฟอร์ดและ Douglas Fairbanks เนื่องจากสถานประกอบการของแชปลินสตูดิโอของศิลปินใน 1919 มีการควบคุมของภาพยนตร์ของเขาเอง นำไปสู่คลาสสิกเช่น ' เด็ก ' , ' ตื่นทอง ' ' ไฟ ' เมือง ' ครั้ง ' ' ที่ยิ่งใหญ่ทันสมัยและเผด็จการ " ภาพยนตร์เหล่านี้ทำให้เขาเป็นที่นิยมมากที่สุดและประสบความสำเร็จดาราของเวลาของเขา .

ช่วงนี้แชปลินแต่งงานกับลิตาสีเทา กับผู้ที่เขามีลูกชายชาร์ลส์ และ ซิดนีย์ พวกเขาหย่ากันโดย 1927 . นี้แล้วตามด้วยการแต่งงานสั้นกับพอลล่า goodard ระหว่าง 1936 และ 1942 .

แชปลินเป็นที่รู้จักสำหรับนวัตกรรมการทำภาพยนตร์ เทคนิคของเขา แม้ว่าเขาจะยังริมฝีปากหนาเกี่ยวกับวิธีการที่เขาได้รับมัน เขากล่าวว่า การเปิดเผยวิธีการของเขาจะคล้ายกับผู้วิเศษทำลายภาพลวงตาของเขาเอง

แต่ก็เรียกได้ว่าเขาแทบจะไม่เคยทำงานจากเขียนบทเพิ่มตลกและบทสนทนาเมื่อตั้งได้ถูกสร้างขึ้น

แชปลินมักจะถูกเปรียบเทียบกับอื่น ๆที่ดีเงียบตลก - บัสเตอร์ คีตัน แต่แฟน ๆ ได้ตั้งข้อสังเกตว่าในขณะที่คีตันจะเหยียดหยามมากขึ้นในการกระทำของเขา แชปลินมีความรักสำหรับ อารมณ์ และ ความรู้สึก

นักแสดงยังประกอบด้วยเพลงหลายของภาพยนตร์ของเขาโดยเฉพาะเพลง ' ยิ้ม ' ซึ่งเขาเขียน ' ครั้ง ' ทันสมัยและภายหลังถูกปกคลุมด้วย แนท คิง โคล ถึงสองจำนวนในแผนภูมิสหราชอาณาจักร

เมื่อภาพยนตร์เสียงปรากฏ แชปลินธรรมชาติภูมิประเทศของภาพยนตร์เงียบ ถูกบดบังด้วยนวัตกรรมและความสมจริงของเทคโนโลยีใหม่นี้

Chaplin กล่าวหา เป็นคอมมิวนิสต์โดยวุฒิสมาชิก McCarthy ,และแฟ้มถูกผลิตที่รายละเอียดของเขาถูกคาดคะเนกิจกรรมทางการเมืองตั้งแต่ปี 1922 . แรกของเขา ' ส่งสัญญาณ ' ' มหาเผด็จการ ' ใน 1940 เพิ่มความร้อนนี้ข้อกล่าวหาและที่เกิดจากคน . ภาพยนตร์เจอแชปลินเล่นรุ่นภาพล้อของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ซึ่งถูกมองว่าเป็นในรสชาติไม่ดี

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็กวาดรายได้กว่า $ 5 ล้านบาทและรางวัลห้ารางวัล Academyการสนับสนุนของเขาในการช่วยงานรัสเซียต่อสู้กับการบุกรุกนาซียังพิจารณา นำบ้านและกิจกรรมสภาอเมริกันออกหมายศาลกับเขาในปี 1947 แต่ต่อมาเขาตัดสินใจไม่ได้ต้องเป็นพยาน

ในปี 1952 แชปลินเยือนยุโรปรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์ของเขา ' แฉ ' และไม่ได้รับอนุญาตให้กลับไป เรา เขาตัดสินในสวิตเซอร์แลนด์ เขาสร้างหนัง' กษัตริย์ในนิวยอร์กในปี 1957 ซึ่งเต็มไปด้วยการวิจารณ์ของ McCarthy และสังคมอเมริกันในทั่วไป .

ในปี 1964 เขาเปิดตัวครั้งแรกของเขาชื่อ ' ' อัตชีวประวัติอัตชีวประวัติของฉัน , ซึ่งตาม ' ชีวิตในรูปภาพใน 1974

เขาได้รับอนุญาตให้กลับมาที่เรา 2515 ได้รับรางวัลออสการ์สำหรับบริการของเขาเพื่อให้ฟิล์ม