In materials science, creep (someti

In materials science, creep (sometimes called cold flow) is the tendency of a solid material to move slowly or deform permanently under the influence of mechanical stresses. It can occur as a result of long-term exposure to high levels of stress that are still below the yield strength of the material. Creep is more severe in materials that are subjected to heat for long periods, and generally increases as they near their melting point.

The rate of deformation is a function of the material properties, exposure time, exposure temperature and the applied structural load. Depending on the magnitude of the applied stress and its duration, the deformation may become so large that a component can no longer perform its function — for example creep of a turbine blade will cause the blade to contact the casing, resulting in the failure of the blade. Creep is usually of concern to engineers and metallurgists when evaluating components that operate under high stresses or high temperatures. Creep is a deformation mechanism that may or may not constitute a failure mode. For example, moderate creep in concrete is sometimes welcomed because it relieves tensile stresses that might otherwise lead to cracking.

Unlike brittle fracture, creep deformation does not occur suddenly upon the application of stress. Instead, strain accumulates as a result of long-term stress. Therefore, creep is a "time-dependent" deformation.

The temperature range in which creep deformation may occur differs in various materials. For example, tungsten requires a temperature in the thousands of degrees before creep deformation can occur, while ice will creep at temperatures near 0 °C (32 °F).[1] As a general guideline, the effects of creep deformation generally become noticeable at approximately 30% of the melting point (as measured on a thermodynamic temperature scale such as Kelvin or Rankine) for metals, and at 40–50% of melting point for ceramics.[citation needed] Virtually any material will creep upon approaching its melting temperature. Since the creep minimum temperature is related to the melting point, creep can be seen at relatively low temperatures for some materials. Plastics and low-melting-temperature metals, including many solders, can begin to creep at room temperature, as can be seen markedly in old lead hot-water pipes. Glacier flow is an example of creep processes in ice.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

In materials science, creep (sometimes called cold flow) is the tendency of a solid material to move slowly or deform permanently under the influence of mechanical stresses. It can occur as a result of long-term exposure to high levels of stress that are still below the yield strength of the material. Creep is more severe in materials that are subjected to heat for long periods, and generally increases as they near their melting point.The rate of deformation is a function of the material properties, exposure time, exposure temperature and the applied structural load. Depending on the magnitude of the applied stress and its duration, the deformation may become so large that a component can no longer perform its function — for example creep of a turbine blade will cause the blade to contact the casing, resulting in the failure of the blade. Creep is usually of concern to engineers and metallurgists when evaluating components that operate under high stresses or high temperatures. Creep is a deformation mechanism that may or may not constitute a failure mode. For example, moderate creep in concrete is sometimes welcomed because it relieves tensile stresses that might otherwise lead to cracking.Unlike brittle fracture, creep deformation does not occur suddenly upon the application of stress. Instead, strain accumulates as a result of long-term stress. Therefore, creep is a "time-dependent" deformation.อุณหภูมิในการคืบที่แมพอาจแตกต่างในวัสดุต่าง ๆ ตัวอย่าง ทังสเตนต้องอุณหภูมิในพันองศาก่อนคืบแมพสามารถเกิดขึ้นได้ ในขณะที่น้ำแข็งจะคืบที่อุณหภูมิใกล้ 0 ° C (32 ° F) [1] เป็นผลงานทั่วไป ลักษณะพิเศษของแมพคืบโดยทั่วไปกลายเป็นชัดประมาณ 30% ของจุดหลอมเหลว (เป็นวัดในระดับอุณหภูมิทางอุณหพลศาสตร์เช่นเคลวินหรืออย่างไร Rankine สำหรับโลหะ), และ 40-50% จุดหลอมเหลวเซรามิก [ต้องการอ้างอิง] วัสดุอย่างใดจะคืบเมื่อกำลังอุณหภูมิการละลาย เนื่องจากอุณหภูมิต่ำสุดคืบเกี่ยวข้องกับจุดหลอมเหลว สามารถเห็นคืบที่อุณหภูมิค่อนข้างต่ำสำหรับวัสดุบาง พลาสติกและโลหะละลายอุณหภูมิต่ำ รวม solders จำนวนมาก สามารถเริ่มต้นการคืบที่อุณหภูมิห้อง ตามที่สามารถเห็นได้อย่างเด่นชัดในท่อน้ำร้อนรอเก่า กระแสธารน้ำแข็งเป็นตัวอย่างของกระบวนการคืบในน้ำแข็ง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในวัสดุศาสตร์คืบ (บางครั้งเรียกว่าไหลเย็น) แนวโน้มของวัสดุที่เป็นของแข็งที่จะย้ายช้าหรือผิดปกติอย่างถาวรภายใต้อิทธิพลของความเครียดเชิงกล มันสามารถเกิดขึ้นเป็นผลมาจากการเปิดรับในระยะยาวให้อยู่ในระดับสูงของความเครียดที่มีความแข็งแรงยังคงต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนของวัสดุ คืบเป็นรุนแรงมากขึ้นในวัสดุที่จะถูกความร้อนเป็นเวลานานและโดยทั่วไปเพิ่มขึ้นขณะที่พวกเขาอยู่ใกล้กับจุดหลอมละลายของพวกเขา. อัตราการเสียรูปเป็นหน้าที่ของคุณสมบัติของวัสดุที่เวลาแสงอุณหภูมิการเปิดรับและภาระการใช้โครงสร้าง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของความเครียดที่ใช้และระยะเวลาที่ผิดปกติอาจจะกลายเป็นขนาดใหญ่เพื่อที่องค์ประกอบไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ของตน - ตัวอย่างเช่นการคืบของใบกังหันจะทำให้ใบมีดที่จะติดต่อกับท่อส่งผลให้ในความล้มเหลวของ ใบมีด คืบมักจะเป็นความกังวลให้กับวิศวกรและ metallurgists เมื่อมีการประเมินองค์ประกอบที่ดำเนินงานภายใต้ความเครียดสูงหรืออุณหภูมิสูง คืบเป็นกลไกความผิดปกติที่อาจจะหรืออาจจะไม่เป็นโหมดความล้มเหลว ยกตัวอย่างเช่นการคืบในระดับปานกลางในคอนกรีตยินดีบางครั้งเพราะมันช่วยบรรเทาความเครียดแรงดึงที่อาจนำไปสู่การแตก. ซึ่งแตกต่างจากการแตกหักเปราะคืบเปลี่ยนรูปไม่ได้เกิดขึ้นโดยฉับพลันกับการประยุกต์ใช้ของความเครียด แต่ความเครียดสะสมเป็นผลมาจากความเครียดในระยะยาว ดังนั้นการคืบคือ "เวลาขึ้นอยู่กับ" ความผิดปกติ. ช่วงอุณหภูมิที่เล็ดลอดความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นแตกต่างในวัสดุต่างๆ ยกตัวอย่างเช่นทังสเตนต้องใช้อุณหภูมิในหลายพันองศาก่อนที่จะเปลี่ยนรูปคืบสามารถเกิดขึ้นได้ในขณะที่น้ำแข็งจะคืบที่อุณหภูมิใกล้ 0 ° C (32 ° F). [1] ในฐานะที่เป็นแนวทางทั่วไปผลของการเปลี่ยนรูปคืบทั่วไปกลายเป็นที่เห็นได้ชัด อยู่ที่ประมาณ 30% ของจุดหลอมละลาย (วัดในระดับอุณหภูมิความร้อนเช่นเคลวินหรือแร) สำหรับโลหะและ 40-50% ของจุดหลอมละลายสำหรับเซรามิก. [อ้างจำเป็น] แทบวัสดุใด ๆ ที่จะคืบคลานใกล้เข้ามาเมื่อละลายของ อุณหภูมิ. เนื่องจากอุณหภูมิต่ำสุดคืบเกี่ยวข้องกับจุดหลอมละลายที่คืบสามารถมองเห็นได้ในอุณหภูมิที่ค่อนข้างต่ำสำหรับวัสดุบางอย่าง พลาสติกและโลหะต่ำละลายที่อุณหภูมิรวมทั้งการบัดกรีจำนวนมากสามารถเริ่มต้นการคืบที่อุณหภูมิห้องสามารถมองเห็นได้อย่างเด่นชัดในเก่านำท่อน้ำร้อน การไหลของธารน้ำแข็งเป็นตัวอย่างของกระบวนการคืบในน้ำแข็ง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในวัสดุศาสตร์ คลาน ( บางครั้งเรียกว่าการไหลเย็น ) เป็นแนวโน้มของวัสดุที่เป็นของแข็งที่จะย้ายช้า หรือบิดอย่างถาวรภายใต้อิทธิพลของความเค้นเชิงกล . มันสามารถเกิดขึ้นได้เป็นผลจากการสัมผัสระยะยาวเพื่อความเครียดในระดับสูงที่ยังคงต่ำกว่าครากของวัสดุ เริ่มจะรุนแรงมากขึ้นในวัสดุที่ถูกความร้อนสำหรับระยะเวลานานและโดยทั่วไปเมื่อพวกเขาใกล้จุดหลอมเหลว .

อัตราการเป็นฟังก์ชันของวัสดุ คุณสมบัติ เวลา แสง อุณหภูมิ แสง และใช้โครงสร้างโหลด ขึ้นอยู่กับขนาดของความเครียดและใช้ระยะเวลาเสียรูป อาจกลายเป็นขนาดใหญ่เพื่อให้ส่วนประกอบที่ไม่สามารถแสดงการทำงานของมัน ตัวอย่างเช่นการคืบของกังหันใบจะทำให้ใบติดต่อปลอก ซึ่งส่งผลในความล้มเหลวของใบมีด คืบ มักจะมีความกังวลกับวิศวกรและ metallurgists เมื่อประเมินองค์ประกอบที่ใช้งานภายใต้ความเครียดสูงหรืออุณหภูมิสูงการคืบ เป็นกลไกที่อาจจะหรืออาจจะไม่ถือเป็นความล้มเหลวโหมด ตัวอย่างเช่น ปานกลางคืบในคอนกรีตบางครั้งก็ยินดี เพราะมันช่วยลดความเค้นแรงดึงที่มิฉะนั้นอาจนำไปสู่การแตก

ไม่เหมือนกระดูกเปราะ ไปแมพไม่ได้เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน เมื่อโปรแกรมของความเครียด แทน ความเครียดสะสม ผลของความเครียดในระยะยาว ดังนั้นไปเป็น " เวลา " เปลี่ยนรูป

ช่วงอุณหภูมิที่คืบความผิดปกติอาจเกิดขึ้นแตกต่างในวัสดุต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น ทังสเตน ต้องการอุณหภูมิในพันองศา ก่อนค่อยๆเปลี่ยนรูปสามารถเกิดขึ้นได้ในขณะที่น้ำแข็งจะคืบที่อุณหภูมิใกล้ 0 ° C ( 32 ° F ) [ 1 ] เป็นแนวทางทั่วไป