This somewhat unusual methodology t

This somewhat unusual methodology typically results in the statistical Lake Woebegon effect in which most people tend to overestimate themselves in relation to others (it refers to the fictional Lake Woebegon, where “all the women are strong, all the men are good-looking and all the children are above average”). But the most recent results indicate that fewer and fewer freshmen feel like they are in top form in terms of coping with stress.

A quarter century ago, nearly 70% of freshmen put themselves in the top 10% of mentally stable people in their class; today only 52% rate themselves that highly, down 3 points since last year. Students’ self-esteem, however, is still robust: a full 71% of freshmen put themselves in the top 10% in terms of academic abilities. (More on Time.com: Why Other People’s Happy Facebook Updates Make You Sad)

It’s hard to know what these numbers actually mean: obviously, it’s not mathematically possible for 52% or 71% of people to be in the top 10% of anything. And, as I explored in this post earlier today, people’s attempts to compare themselves with others are skewed in various ways. Nevertheless, the finding is in line with previous research, which found that almost half of all college students who seek counseling now have a major mental illness. That’s more than double the rate seen 10 years ago.

So what’s going on? Obviously, the economy and high unemployment rate make for a scary time to be in college, potentially facing terrifying levels of debt — that alone could account for the increase in stress.

Secondly, a much more rigorous large study recently found that empathy among college students had declined 40% since 2000 — and since caring relationships are essential to mental (and physical) health, a decline in empathy could also produce a decline in mental health and coping. (More on Time.com: College Students Are Short on Empathy)

My final point brings us back to my earlier post on a Stanford study that looked at the psychological effects of comparing ourselves to others. It found that the way people tend to conceal their negative emotions while broadcasting their happy ones makes the rest of us feel somehow “less than” — as though all our friends and neighbors have better lives than we do. Social media sites like Facebook and Twitter seem to have made these comparisons even more harmful by providing the perfect venue through which people can perpetually present a perfect version of themselves.

This phenomenon, too, might tie into why the new survey, “The American Freshman: National Norms, Fall 2010,” found that students are feeling less confident about their level of emotional and mental stability. If all the students around you are desperately trying to put on a happy face — and you perceive that face as a true reflection of their inner selves, even as you work to hide your own sadness — well, it’s not surprising that so many students might be getting a bit stressed out.

Instead, if students were encouraged to feel safe expressing their honest emotions, even about their fears and failures, everyone might feel more connected, happier — and, yes, healthier. And Facebook’s News Feed would probably become a much, much more interesting read.

Check out a brief report on the new survey here.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วิธีนี้ค่อนข้างผิดปกติโดยทั่วไปผลลัพธ์ในเล Woebegon ผลทางสถิติซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะ overestimate เองเกี่ยวกับผู้อื่น (จะหมายถึงการสมมติเล Woebegon ที่ "ผู้หญิงมีความแข็งแรง มนุษย์ทุกคนมีหน้าตา และเด็กทุกคนมีค่าเฉลี่ย") แต่ผลลัพธ์ล่าสุดบ่งชี้ว่า เฟรชเมนน้อยลง และน้อยลงรู้สึกเหมือนอยู่ในแบบฟอร์มด้านบนในการรับมือกับความเครียดสี่ ศตวรรษ เกือบ 70% ของเฟรชเมนใส่ตัวเองในด้านบน 10% ของคนที่จิตใจมั่นคงในชั้นเรียนของพวกเขา วันนี้เพียง 52% อัตราเองที่สูง ลงคะแนน 3 ตั้งแต่ปีที่แล้ว นับถือตนเองของนักเรียน อย่างไรก็ตาม จะยังคงแข็งแกร่ง: 71% เต็มของเฟรชเมนใส่ตัวเองในด้านบน 10% ในแง่ของความสามารถทางวิชาการ (ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Time.com: ทำไมคนอื่น ๆ ของสุข ปรับปรุง Facebook ทำให้คุณเศร้า)จึงยากที่จะทราบตัวเลขเหล่านี้จริง ๆ แล้วหมายถึงอะไร: อย่างชัดเจน เป็น mathematically 52% หรือ 71% ของคนในด้านบน 10% ของสิ่งที่ ก เท่าที่ผมสำรวจในกระทู้นี้ก่อนวันนี้ ประชาชนพยายามเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นบิดเบือนในรูปแบบต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม การค้นหาได้สอดคล้องกับงานวิจัยก่อนหน้านี้ ซึ่งพบว่า เกือบครึ่งของนักเรียนทั้งหมดที่ต้องการให้คำปรึกษาขณะนี้มีการเจ็บป่วยโรคจิตที่สำคัญ ที่มีมากกว่าสองอัตราที่เห็นเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาดังนั้น จะเกิดอะไรขึ้น อย่างชัดเจน เศรษฐกิจและอัตราการว่างงานสูงทำให้เป็นเวลาที่น่ากลัวในวิทยาลัย อาจหันน่ากลัวระดับหนี้ — ที่เดียวสามารถบัญชีสำหรับการเพิ่มความเครียดได้ประการที่สอง การศึกษาขนาดใหญ่อย่างเข้มงวดมากขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้พบว่า เอาใจใส่ในหมู่นักเรียนวิทยาลัยได้ปฏิเสธ 40% ตั้งแต่ 2000 — และเนื่องจากมุ่งความสัมพันธ์เป็นสำคัญสุขภาพจิต (และมีอยู่จริง) เอาใจใส่ลดลงสามารถผลิตลดน้อยลงสุขภาพจิตและรับมือ (ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Time.com: นักเรียนจะเอาใจใส่บน)จุดสุดท้ายของฉันนำเรากลับไปโพสต์ของฉันก่อนหน้านี้ในการศึกษาสแตนฟอร์ดที่มองผลกระทบทางจิตวิทยาของเทียบตนเองกับผู้อื่น พบว่า คนทางมักจะ ปกปิดอารมณ์เชิงลบของพวกเขาในขณะที่คนมีความสุขของพวกเขาออกอากาศทำให้ส่วนเหลือของเรารู้สึกอย่างใด "น้อยกว่า" — เหมือนเพื่อนและเพื่อนบ้านได้ดีกว่าชีวิตมากกว่าเราทำ เว็บไซต์สื่อสังคมเช่น Facebook และ Twitter ที่ดูเหมือนจะ ได้เปรียบเทียบเหล่านี้เป็นอันตรายมากยิ่งขึ้น โดยให้บริการห้องพักที่คนสามารถหนี้สินปัจจุบันเป็นรุ่นที่สมบูรณ์แบบของตัวเองปรากฏการณ์นี้ เกินไป อาจผูกเป็นเหตุผลแบบสำรวจใหม่, "วิชาฯ อเมริกัน: บรรทัดฐานแห่งชาติ ฤดูใบไม้ร่วง 2010, " พบว่า นักเรียนมีความรู้สึกไม่มั่นใจเกี่ยวกับระดับของความมั่นคงทางอารมณ์ และจิตใจได้ ถ้านักเรียนทั้งหมดที่คุณกำลังพยายามที่จะวางบนใบหน้ามีความสุขหมด — และคุณสังเกตที่ใบหน้าเป็นจริงสะท้อนให้เห็นถึงตัวตนภายใน แม้ในขณะที่คุณทำงานเพื่อซ่อนความโศกเศร้าของคุณเอง — ดี จึงไม่น่าแปลกใจว่า นักเรียนจำนวนมากอาจได้รับบิตเน้นออกแทน ถ้านักเรียนให้รู้สึกปลอดภัยแสดงอารมณ์ความซื่อสัตย์ แม้แต่เกี่ยวกับความกลัวและความล้มเหลวของพวกเขา คนอาจรู้สึกเชื่อมต่อมากขึ้น มีความสุข — และ ใช่ มีสุขภาพดีได้ และตัวดึงข้อมูลข่าวสารของ Facebook จะคงกลายเป็น การอ่านที่น่าสนใจมากขึ้นมาก มากตรวจสอบรายงานสั้น ๆ ในการสำรวจใหม่ที่นี่

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วิธีการนี้ค่อนข้างผิดปกติมักจะส่งผลในทางสถิติทะเลสาบ Woebegon ผลในการที่คนส่วนใหญ่มักจะประเมินตัวเองในความสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ (มันหมายถึงการสวมทะเลสาบ Woebegon ที่ "ผู้หญิงทุกคนมีความแข็งแรงทุกคนมีหน้าตาดีและ เด็กที่มีสูงกว่าค่าเฉลี่ย ") แต่ผลล่าสุดแสดงให้เห็นว่านักศึกษาน้อยลงและน้อยรู้สึกว่าพวกเขาอยู่ในรูปแบบชั้นนำในแง่ของการรับมือกับความเครียด. ศตวรรษไตรมาสที่ผ่านมาเกือบ 70% ของนักศึกษาใส่ตัวเองในด้านบน 10% ของคนที่มีเสถียรภาพทางจิตใจในชั้นเรียนของพวกเขา วันนี้เพียง 52% อัตราตัวเองที่สูงลดลง 3 จุดตั้งแต่ปีที่แล้ว นักศึกษาภาคภูมิใจในตนเอง แต่ยังคงแข็งแกร่ง: เต็ม 71% ของนักศึกษาใส่ตัวเองในด้านบน 10% ในแง่ของความสามารถทางวิชาการ (เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Time.com: ทำไมอัพเดท Facebook มีความสุขของคนอื่น ๆ ทำให้คุณเศร้า) มันยากที่จะรู้ว่าสิ่งที่ตัวเลขเหล่านี้จริงหมายถึง: เห็นได้ชัดว่ามันเป็นไปไม่ได้ในทางคณิตศาสตร์ 52% หรือ 71% ของคนที่จะอยู่ในด้านบน 10% ของอะไร . และที่ผมสำรวจในโพสต์ก่อนหน้านี้ในวันนี้ความพยายามของผู้คนที่จะเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นจะเบ้ในรูปแบบต่างๆ แต่การค้นพบอยู่ในแนวเดียวกันกับการวิจัยก่อนหน้านี้ซึ่งพบว่าเกือบครึ่งหนึ่งของนักศึกษาที่แสวงหาการให้คำปรึกษาในขณะนี้มีความเจ็บป่วยทางจิตที่สำคัญ ที่มากกว่าสองเท่าของอัตราเห็น 10 ปีที่ผ่านมา. ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้น? เห็นได้ชัดว่าเศรษฐกิจและอัตราการว่างงานสูงทำให้เป็นเวลาที่น่ากลัวที่จะอยู่ในวิทยาลัยอาจหันหน้าไประดับที่น่ากลัวของหนี้ -. ที่อยู่คนเดียวอาจบัญชีสำหรับการเพิ่มขึ้นของความเครียดประการที่สองการศึกษาขนาดใหญ่อย่างเข้มงวดมากขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้พบว่าการเอาใจใส่ในหมู่นักศึกษาว่า ได้ลดลง 40% ตั้งแต่ปี 2000 - และตั้งแต่การดูแลความสัมพันธ์มีความจำเป็นเพื่อจิต (และทางกายภาพ) สุขภาพลดลงในการเอาใจใส่ยังสามารถผลิตลดลงในด้านสุขภาพจิตและการเผชิญ (เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Time.com: นักศึกษาวิทยาลัยสั้นในเอาใจใส่) จุดสุดท้ายของฉันนำเรากลับไปโพสต์ก่อนหน้านี้ของฉันเกี่ยวกับการศึกษาที่สแตนฟอมองไปที่ผลกระทบทางจิตวิทยาของการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น ๆ พบว่าวิธีที่ผู้คนมีแนวโน้มที่จะปกปิดความรู้สึกด้านลบของพวกเขาในขณะที่คนที่มีความสุขออกอากาศของพวกเขาทำให้ส่วนที่เหลือของเรารู้สึกอย่างใด "น้อยกว่า" - ราวกับว่าเพื่อน ๆ ทุกคนและเพื่อนบ้านของเรามีชีวิตที่ดีกว่าที่เราทำ เว็บไซต์สื่อสังคมเช่น Facebook และ Twitter ดูเหมือนจะได้ทำให้การเปรียบเทียบเหล่านี้เป็นอันตรายมากขึ้นโดยการให้สถานที่ที่เหมาะที่คนผ่านตลอดสามารถปัจจุบันเป็นรุ่นที่สมบูรณ์แบบของตัวเอง. ปรากฏการณ์นี้มากเกินไปอาจจะผูกเป็นเหตุผลที่การสำรวจใหม่ "น้องอเมริกัน : บรรทัดฐานแห่งชาติ, ฤดูใบไม้ร่วงปี 2010 "พบว่านักเรียนมีความรู้สึกมีความมั่นใจน้อยเกี่ยวกับระดับของความมั่นคงทางอารมณ์และจิตใจ หากนักเรียนทุกคนที่อยู่รอบตัวคุณกำลังพยายามอย่างยิ่งที่จะวางบนใบหน้าที่มีความสุข - และที่คุณเห็นใบหน้าที่เป็นภาพสะท้อนที่แท้จริงของตัวเองภายในของพวกเขาแม้ในขณะที่คุณทำงานที่จะซ่อนความโศกเศร้าของคุณเอง - ดีก็ไม่น่าแปลกใจที่นักเรียนจำนวนมากดังนั้นอาจจะ จะได้รับบิตเน้นออก. แต่ถ้านักเรียนได้รับการสนับสนุนที่จะรู้สึกปลอดภัยการแสดงอารมณ์ความซื่อสัตย์ของพวกเขาแม้เกี่ยวกับความกลัวและความล้มเหลวของพวกเขาทุกคนอาจจะรู้สึกเชื่อมต่อมากขึ้น, มีความสุข - และใช่มีสุขภาพดี และฟีดข่าวของ Facebook อาจจะกลายเป็นมากน่าสนใจมากขึ้นอ่าน. ตรวจสอบรายงานสรุปในการสำรวจครั้งใหม่ที่นี่

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วิธีการปกติค่อนข้างนี้มักจะผลในผลทะเลสาบ woebegon สถิติที่คนส่วนใหญ่มักจะ อย่ามองข้ามตัวเองในความสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ ( หมายถึง สมมติทะเลสาบ woebegon ที่ " ผู้หญิงทั้งหมดจะแข็งแรง ทุกคนจะดูดีและเด็กทั้งหมดจะสูงกว่าค่าเฉลี่ย " )แต่ผลการวิจัยล่าสุดพบว่าคนน้อยลงและน้อยลง รู้สึกเหมือนพวกเขาอยู่ในฟอร์มสุดยอดในแง่ของการเผชิญกับความเครียด

1 ศตวรรษที่ผ่านมา เกือบ 70% ของนักศึกษาใส่ตัวเองในด้านบน 10 % ของคนที่จิตใจมั่นคงในชั้นเรียนของพวกเขา วันนี้เพียง 52 % คะแนนตัวเองสูง ลงได้ 3 คะแนน ตั้งแต่ปีที่แล้ว นักเรียนเห็นคุณค่าในตนเอง แต่ยังคงแข็งแกร่ง :เต็ม 71% ของนิสิตชั้นปีที่ 1 ใส่ตัวเองในด้านบน 10 % ในแง่ของความสามารถทางวิชาการ ( เพิ่มเติม time.com : ทำไมคนอื่นมีความสุขการปรับปรุงของ Facebook ทำให้คุณเศร้า )

ก็ยากที่จะทราบว่าตัวเลขเหล่านี้มีความหมาย : เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่ทางคณิตศาสตร์ได้ 52 ล้านบาท หรือร้อยละ 71 คน ที่จะเป็นในด้านบน 10 % เลย และเท่าที่ผมสำรวจในกระทู้นี้วันนี้ความพยายามของคนเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น ๆที่ถูกบิดเบือนในรูปแบบต่างๆ อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยสอดคล้องกับงานวิจัยก่อนหน้านี้ ซึ่งพบว่า เกือบครึ่งของนักเรียนวิทยาลัยที่แสวงหาการให้คำปรึกษา ขณะนี้มีสาขาสุขภาพจิต . นั่นเป็นมากกว่าสองเท่าของอัตราที่เห็นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว

งั้นเกิดอะไรขึ้น ? เห็นได้ชัดว่าเศรษฐกิจและอัตราการว่างงานสูง ทำให้เวลาที่น่ากลัวอยู่ในวิทยาลัย อาจเผชิญน่ากลัวระดับของหนี้ - คนเดียวอาจบัญชีสำหรับการเพิ่มความเครียด

โดยเคร่งครัดมากขึ้น การศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้พบว่า ความใหญ่ของนักศึกษาวิทยาลัยได้ลดลง 40% ตั้งแต่ปี 2000 และตั้งแต่การดูแลมีความความสัมพันธ์ จิตใจ ( และร่างกาย ) สุขภาพการปฏิเสธในการเอาใจใส่สามารถผลิตลดลงในสุขภาพจิตและการเผชิญปัญหา ( เพิ่มเติม time.com : นักศึกษาสั้นอยู่ดี )

จุดสุดท้ายที่ทำให้เรากลับไปที่โพสต์ก่อนหน้านี้ของฉันใน Stanford ศึกษาดูผลกระทบทางจิตวิทยาของการเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่นพบว่าวิธีที่ผู้คนมีแนวโน้มที่จะปกปิดของอารมณ์เชิงลบในขณะที่การออกอากาศของพวกเขามีความสุขที่ทำให้พวกเรารู้สึกยังไง " น้อยกว่า " เหมือนเพื่อนและเพื่อนบ้านของเราดีกว่า ชีวิตกว่าที่เราทำเว็บไซต์สื่อสังคมเช่น Facebook และ Twitter ดูเหมือนจะทำให้การเปรียบเทียบเหล่านี้จะเป็นอันตรายมากขึ้น โดยการให้สถานที่ที่สมบูรณ์แบบผ่านที่ผู้คนสามารถตลอดไป ปัจจุบันเป็นรุ่นที่สมบูรณ์แบบของตัวเอง

ปรากฏการณ์นี้ด้วย อาจจะโยงถึงการสำรวจใหม่ " น้องใหม่อเมริกัน : บรรทัดฐาน , ชาติตก 2553พบว่า นักเรียนจะรู้สึกมั่นใจน้อยเกี่ยวกับระดับของอารมณ์และความมั่นคงทางจิตใจ ถ้านักเรียนทุกคนรอบตัวคุณจะหมดท่าพยายามทำหน้ามีความสุข และคุณรับรู้ ใบหน้าที่สะท้อนความจริงของตัวตนภายในของพวกเขาแม้ในขณะที่คุณทำงานเพื่อซ่อนความเศร้าของคุณเอง - แต่มันไม่น่าแปลกใจที่คนมากมายอาจได้รับบิตเครียด

แทนถ้านักเรียนมีการแสดงออกของอารมณ์ที่รู้สึกว่าปลอดภัยจริงๆ แม้แต่เรื่องของความกลัวและความล้มเหลว ทุกคนอาจจะรู้สึกว่าการเชื่อมต่อความสุข - และ , ใช่ , สุขภาพดี และฟีดข่าวของ Facebook อาจจะกลายเป็น มาก มาก มากขึ้น ที่น่าสนใจอ่าน

ตรวจสอบรายงานสั้น ๆในการสำรวจใหม่ที่นี่