Background: Studies have shown that

Background: Studies have shown that family caregivers of hemodialysis patients experience high levels of burden. However, these caregivers are
often neglected, and no studies are available on the effectiveness of coping strategies on the burden of care among these caregivers.
Objectives: This study aimed to examine the effectiveness of problem-focused coping strategies (communication skills, anger management, and
deep breathing) on the burden on caregivers of hemodialysis patients.
Patients and Methods: A randomized controlled clinical trial was conducted on 76 family caregivers of hemodialysis patients referred to Shahid
Hasheminejad hemodialysis center in Tehran, Iran. The subjects were equally allocated into two groups of 38. Through a coin-tossing method,
caregivers of patients who referred on even or odd days of the week were randomly assigned into the intervention group or the control group,
respectively. The intervention group received four training sessions on problem-focused coping strategies, but the control group did not receive
any intervention. Both groups answered the caregiver’s burnout inventory at the start and six weeks after the last educational session. Descriptive
statistics, chi-square, Fisher’s exact test, independent-samples t-test, and Mann-Whitney U test were used to analyze the data.
Results: The majority of caregivers (54%) were in the age range of 35 - 55 years, female (68.4%), and married (70%). No significant difference was found
between the baseline mean caregivers’ burden scores of the intervention and control groups (88.5611.74 vs. 84.9715.13, P = 0.308). However, the
mean caregivers’ burden in the intervention group decreased, and the two groups were significantly different at the end of the study (58.776.64
vs. 87.8411.74, P < 0.001).
Conclusions: The current study showed the effectiveness of problem-focused coping strategies on reducing the burden on caregivers of hemodialysis
patients. Authorities and policymakers in the healthcare system are responsible for developing strategies to integrate educational programs,
such as the program implemented in the current study, into the country’s healthcare system.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

พื้นหลัง: ศึกษาแสดงให้เห็นว่า ผู้ดูแลครอบครัวของผู้ป่วยฟอกเลือดพบภาระในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ผู้ดูแลเหล่านี้จะมักละเลย ไม่มีการศึกษา มีประสิทธิผลของยุทธศาสตร์การรับมือในภาระการดูแลในกลุ่มผู้ดูแลเหล่านี้วัตถุประสงค์: การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบประสิทธิผลของกลยุทธ์รับมือเน้นปัญหา (ทักษะการสื่อสาร การจัดการความโกรธ และหายใจลึก) บนภาระผู้ดูแลผู้ป่วยฟอกเลือดผู้ป่วยและวิธีการ: ดำเนินการทดลองทางคลินิกแบบสุ่มควบคุมบน 76 ครอบครัวดูแลผู้ป่วยฟอกเลือดที่เรียกว่าหิทศูนย์ฟอกไต Hasheminejad ในเตหะราน อิหร่าน วัตถุถูกการปันส่วนอย่างเท่าเทียมกันเป็นสองกลุ่ม 38 ผ่านวิธีการโยนเหรียญผู้ดูแลผู้ป่วยที่เรียกว่า ทั้งวันของสัปดาห์ ถูกกำหนดแบบสุ่มเข้ากลุ่มแทรกแซงหรือกลุ่มควบคุมตามลาดับ กลุ่มแทรกแซงรับอบรมสี่บนยุทธศาสตร์การรับมือปัญหาที่มุ่งเน้น แต่กลุ่มควบคุมไม่ได้รับการแทรกแซงใด ๆ ทั้งกลุ่มตอบคลังไหม้ของผู้ดูแลเริ่มต้น และหกสัปดาห์หลังจากเซสชันการศึกษาล่าสุด อธิบายสถิติ ไคสแควร์ ฟิชเชอร์ของทดสอบที่แน่นอน อิสระตัวอย่าง ทดสอบ t และ U แมนน์วิทนีย์ทดสอบใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลผลลัพธ์: ส่วนใหญ่ของผู้ดูแล (54%) ในช่วงอายุ 35-55 ปี หญิง (68.4%), และแต่งงาน (70%) พบว่าไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญระหว่างคะแนนภาระการพื้นฐานหมายความว่าผู้ดูแลของกลุ่มควบคุมและแทรกแซง (88.56 11.74 เจอ 84.97 15.13, P = 0.308) อย่างไรก็ตาม การลดภาระของผู้ดูแลหมายถึงในกลุ่มแทรกแซง และกลุ่มสองก็แตกต่างจบการศึกษา (58.77 6.64เจอ 87.84 11.74, P < 0.001)สรุป: การศึกษาปัจจุบันแสดงให้เห็นประสิทธิผลของยุทธศาสตร์การรับมือปัญหาที่มุ่งเน้นในการลดภาระในการดูแลของไตผู้ป่วย ผู้กำหนดนโยบายในระบบบริการสุขภาพและหน่วยงานรับผิดชอบการพัฒนากลยุทธ์การรวมหลักสูตรการศึกษาเช่นโปรแกรมที่ใช้ในการศึกษาปัจจุบัน เข้าสู่ระบบบริการสุขภาพของประเทศ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

พื้นหลัง: การศึกษาพบว่าผู้ดูแลในครอบครัวของผู้ป่วยฟอกเลือดประสบการณ์ระดับสูงของภาระ อย่างไรก็ตามผู้ดูแลผู้ป่วยเหล่านี้จะ
มักจะถูกละเลยและไม่มีการศึกษาที่มีอยู่บนความมีประสิทธิผลของกลวิธีการเผชิญปัญหาภาระในการดูแลของผู้ดูแลเหล่านี้.
วัตถุประสงค์: การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิผลของกลยุทธ์ปัญหาที่มุ่งเน้นการรับมือ (ทักษะการสื่อสาร, การจัดการความโกรธ และ
การหายใจลึก) บนภาระของผู้ดูแลผู้ป่วยฟอกเลือดของผู้ป่วย.
ผู้ป่วยและวิธีการ: การควบคุมการทดลองทางคลินิกแบบสุ่มได้ดำเนินการใน 76 ผู้ดูแลในครอบครัวของผู้ป่วยฟอกเลือดเรียก Shahid
Hasheminejad ศูนย์ไตเทียมในกรุงเตหะรานประเทศอิหร่าน วิชาที่ได้รับการจัดสรรอย่างเท่าเทียมกันเป็นสองกลุ่ม 38 ผ่านวิธีการโยนเหรียญ,
ผู้ดูแลผู้ป่วยของผู้ป่วยที่เรียกว่าแม้หรือคี่วันของสัปดาห์ที่ได้รับการสุ่มเข้ากลุ่มแทรกแซงหรือกลุ่มควบคุม
ตามลำดับ กลุ่มแทรกแซงได้รับการฝึกอบรมสี่ในกลวิธีการเผชิญปัญหาปัญหาที่มุ่งเน้น แต่กลุ่มควบคุมไม่ได้รับ
การแทรกแซงใด ๆ ทั้งสองกลุ่มสินค้าคงคลังตอบความเหนื่อยหน่ายของผู้ดูแลที่เริ่มต้นและหกสัปดาห์หลังจากที่เซสชั่นการศึกษาที่ผ่านมา พรรณนา
สถิติ Chi-square ทดสอบที่แน่นอนฟิชเชอร์, ตัวอย่างอิสระ t-test และทดสอบ Mann-Whitney U ถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล.
ผล: ส่วนใหญ่ของผู้ดูแลผู้ป่วย (54%) อยู่ในช่วงอายุ 35-55 ปีหญิง (68.4%) และแต่งงาน (70%) ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญถูกพบ
ระหว่างพื้นฐานหมายถึงผู้ดูแลคะแนนภาระของการแทรกแซงและการควบคุมกลุ่ม (88.56? 11.74 เทียบกับ 84.97? 15.13, P = 0.308) อย่างไรก็ตาม
ภาระดูแลผู้ป่วยเฉลี่ยในกลุ่มแทรกแซงลดลงและทั้งสองกลุ่มมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญในตอนท้ายของการศึกษา (58.77 6.64 หรือไม่
เมื่อเทียบกับ 87.84 11.74, p <0.001).
สรุปผลการวิจัย: การศึกษาในปัจจุบันแสดงให้เห็นประสิทธิภาพของ ปัญหาที่มุ่งเน้นกลวิธีการเผชิญปัญหาในการลดภาระของผู้ดูแลผู้ป่วยฟอกเลือดของ
ผู้ป่วย เจ้าหน้าที่และผู้กำหนดนโยบายในระบบการดูแลสุขภาพมีความรับผิดชอบในการพัฒนากลยุทธ์เพื่อบูรณาการโปรแกรมการศึกษา
ดังกล่าวเป็นโปรแกรมที่นำมาใช้ในการศึกษาในปัจจุบันเข้าสู่ระบบการดูแลสุขภาพของประเทศ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

พื้นหลัง : การศึกษาพบว่าญาติของผู้ป่วยไตเทียม ประสบการณ์สูง ระดับของภาระ อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยเหล่านี้มักจะถูกทอดทิ้ง และไม่ศึกษาที่มีประสิทธิผลของกลยุทธ์รับมือกับภาระการดูแลของผู้ดูแลผู้ป่วยเหล่านี้วัตถุประสงค์ การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิผลของกลวิธีการเผชิญปัญหา ( ปัญหาที่มุ่งเน้นทักษะการสื่อสารและการจัดการความโกรธการหายใจลึก ) ต่อภาระการดูแลของผู้ดูแลผู้ป่วยเรื้อรังผู้ป่วยและวิธีการ : การวิจัยเชิงทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมทางคลินิกขึ้นอยู่กับ 76 ครอบครัวผู้ดูแลผู้ป่วยไตเรียกว่า ชา ดhasheminejad การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมศูนย์ในเตหะราน , อิหร่าน จำนวนเท่ากัน การแบ่งเป็นสองกลุ่ม 38 ผ่านเหรียญโยนวิธีผู้ดูแลผู้ป่วยที่อ้างใน หรือแปลกวันของสัปดาห์ สุ่มแบ่งเป็นกลุ่มทดลองหรือกลุ่มควบคุมตามลำดับ กลุ่มที่ได้รับการฝึกกิจกรรม 4 ปัญหา วิธีเผชิญปัญหา แต่กลุ่มควบคุมจะไม่ได้รับการแทรกแซงใด ๆ . ทั้งสองกลุ่มตอบของผู้ดูแลในสินค้าคงคลังที่เริ่มต้นและหกสัปดาห์หลังจากที่เซสชั่นการศึกษาล่าสุด บรรยายสถิติไคสแควร์ การทดสอบตัวอย่างอิสระ ฟิชเชอร์ แน่นอน , t-test และ Mann Whitney U test วิเคราะห์ข้อมูลผลลัพธ์ : ส่วนใหญ่ของผู้ดูแล ( 54% ) อยู่ในช่วงอายุ 35 - 55 ปี หญิง ( 42.9 % ) และแต่งงาน ( 70 % ) ไม่พบความแตกต่างระหว่างเส้นค่าเฉลี่ยภาระของผู้ดูแลการ ทดลองและกลุ่มควบคุม ( 88.5611.74 vs 84.9715.13 , p = 0.308 ) อย่างไรก็ตามหมายถึงภาระของผู้ดูแลในกลุ่มลดลง และทั้งสองกลุ่มแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่จบการศึกษา ( 58.776.64และ 87.8411.74 , p < 0.001 )สรุป : การศึกษาในปัจจุบันมีประสิทธิผลของปัญหาวิธีเผชิญปัญหาในการลดภาระของผู้ดูแลการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมผู้ป่วย เจ้าหน้าที่และปัญหาในระบบการดูแลสุขภาพเป็นผู้รับผิดชอบในการพัฒนากลยุทธ์การรวมโปรแกรมการศึกษาเช่น โปรแกรมที่ใช้ในการศึกษาปัจจุบันเป็นระบบการดูแลสุขภาพของประเทศ