Lewis et al. [23] used a large soci

Lewis et al. [23] used a large social network site dataset to explore the relationship between intensity of use and having a private profile. They found that privacy decisions are influenced by one's network, and that active users are more likely to use privacy features. Recent work by Lampinen et al. [21] and Skeels and Grudin [30] highlight the challenge of privacy management in the era of ubiquitous adoption: the management of the persona in multiple contexts. As more individuals join social network sites [22], the presentation of self in multiple contexts becomes increasingly complex. Shifting the profile to friends-only emerges as a strategy for management of this challenge.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ลูอิส et al, [23] ใช้ชุดข้อมูลที่เว็บไซต์เครือข่ายสังคมที่มีขนาดใหญ่ในการสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างความรุนแรงของการใช้งานและมีรายละเอียดส่วนตัว พวกเขาพบว่าการตัดสินใจเป็นส่วนตัวได้รับอิทธิพลจากเครือข่ายของคนและการที่ผู้ใช้งานมีแนวโน้มที่จะใช้คุณสมบัติความเป็นส่วนตัว ผลงานล่าสุดโดย Lampinen et al, [21] และมะยมและ Grudin [30] เน้นความท้าทายของการจัดการความเป็นส่วนตัวในยุคของการยอมรับแพร่หลาย: การบริหารจัดการของบุคคลในหลายบริบท ในฐานะที่เป็นบุคคลมากเข้าร่วมเว็บไซต์เครือข่ายทางสังคม [22], การนำเสนอของตัวเองในบริบทที่หลาย ๆ กลายเป็นที่ซับซ้อนมากขึ้น เลื่อนลอยรายละเอียดให้เพื่อนเท่านั้นที่โผล่ออกมาเป็นกลยุทธ์ในการจัดการกับความท้าทายนี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ลูอิส et al . [ 23 ] ใช้ข้อมูลเว็บไซต์เครือข่ายทางสังคมขนาดใหญ่เพื่อสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างความรุนแรงของการใช้และมีโปรไฟล์ส่วนตัว พวกเขาพบว่า คำวินิจฉัยส่วนตัวจะมาจากหนึ่งในเครือข่าย และผู้ใช้ที่ใช้งานมีแนวโน้มที่จะใช้คุณสมบัติความเป็นส่วนตัว ผลงานล่าสุดโดย lampinen et al .[ 21 ] และ skeels และ grudin [ 30 ] เน้นความท้าทายการจัดการความเป็นส่วนตัวในยุคของการยอมรับแพร่หลาย : การจัดการบุคคลในบริบทต่างๆ เป็นบุคคลอื่นเข้าร่วมเครือข่ายทางสังคมเว็บไซต์ [ 22 ] , การนำเสนอตนเองในบริบทหลายจะกลายเป็นความซับซ้อนมากขึ้น เปลี่ยนโปรไฟล์เพื่อนเท่านั้นที่โผล่ออกมาเป็นกลยุทธ์การจัดการความท้าทายนี้ .