Background: Patient self-efficacy i

Background: Patient self-efficacy is one of the most important factors in treating and overcoming
disease. Objective: The aim of this study was to evaluate the effect of an educational program
based on the health belief model on self-efficacy among patients with type 2 diabetes referred to
the Iranian Diabetes Association in 2014. Method: A randomized controlled clinical trial was conducted.
Eighty patients with type 2 diabetes were selected randomly by the double block sample
method. They were then divided into two groups of intervention and control (40 patients in each
group) by random allocation. Data were collected by a questionnaire based on the Health Belief
Model and self-efficacy. The data were gathered two months after the educational program was
held. The educational program was designed on the basis of data collected in the pre-test phase.
Then, the educational program was executed for the intervention group in 8 sessions (each 30
minutes) using lectures and an educational booklet. Data analysis was done with Chi-square Test,
Pearson’s correlation, Independent samples T-test and paired T-test. The significance level was

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

พื้นหลัง: ประสิทธิภาพในตนเองผู้ป่วยเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษา และเอาชนะอย่างใดอย่างหนึ่งโรค : จุดมุ่งหมายของการศึกษานี้คือการ ประเมินผลของโปรแกรมการศึกษาตามรูปแบบความเชื่อสุขภาพบนประสิทธิภาพในตนเองในหมู่ผู้ป่วยชนิดเรียกว่าโรคเบาหวาน 2สมาคมโรคเบาหวานที่อิหร่านในปี 2557 วิธี: ทดลองทางคลินิกแบบสุ่มควบคุมดำเนินการแปดผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ถูกเลือกแบบสุ่ม โดยตัวอย่างบล็อกคู่วิธีการ พวกเขาถูกแล้วแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มแทรกแซงและควบคุม (ผู้ป่วยในแต่ละกลุ่ม) โดยจัดสรรแบบสุ่ม มีการรวบรวมข้อมูล โดยแบบสอบถามตามความเชื่อสุขภาพรูปแบบและประสิทธิภาพในตนเอง ข้อมูลถูกรวบรวมสองเดือนหลังจากโปรแกรมการศึกษาจัดขึ้น โปรแกรมการศึกษาถูกออกแบบมาบนพื้นฐานของข้อมูลที่รวบรวมในขั้นตอนการทดสอบก่อนแล้ว โปรแกรมการศึกษาดำเนินการแทรกแซงของกลุ่มใน 8 ครั้ง (แต่ละ 30นาที) โดยใช้การบรรยายและหนังสือการศึกษา ทำการวิเคราะห์ข้อมูล ด้วยการทดสอบไคสแควร์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน อิสระตัวอย่างทดสอบ T และ T-ทดสอบการจับคู่ ระดับความสำคัญ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

พื้นหลัง: ผู้ป่วยรับรู้ความสามารถของตัวเองเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการรักษาและการเอาชนะ
โรค วัตถุประสงค์: จุดมุ่งหมายของการศึกษาครั้งนี้คือการประเมินผลของโปรแกรมการศึกษา
บนพื้นฐานของความเชื่อด้านสุขภาพตนเองการรับรู้ความสามารถของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 เรียกว่า
สมาคมโรคเบาหวานอิหร่านในปี 2014 วิธีการ: การทดลองทางคลินิกแบบสุ่มควบคุมได้ดำเนินการ .
ผู้ป่วยที่แปดที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ได้รับการคัดเลือกโดยการสุ่มกลุ่มตัวอย่างบล็อกคู่
วิธี พวกเขาจะถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่มของการแทรกแซงและการควบคุม (40 ผู้ป่วยในแต่ละ
กลุ่ม) โดยการจัดสรรแบบสุ่ม เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามที่ขึ้นอยู่กับความเชื่อด้านสุขภาพ
แบบจำลองและการรับรู้ความสามารถตนเอง ข้อมูลที่ถูกรวบรวมสองเดือนหลังจากที่โปรแกรมการศึกษาได้รับการ
จัดขึ้น โปรแกรมการศึกษาได้รับการออกแบบบนพื้นฐานของข้อมูลที่เก็บรวบรวมในขั้นตอนก่อนการทดสอบ.
จากนั้นโปรแกรมการศึกษาได้ดำเนินการสำหรับกลุ่มแทรกแซงใน 8 ครั้ง (แต่ละ 30
นาที) โดยใช้การบรรยายและการศึกษาหนังสือเล่มเล็ก การวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้กระทำกับ Chi-square Test,
สหสัมพันธ์เพียร์สัน, กลุ่มที่เป็นอิสระ T-การทดสอบและการจับคู่ t-test ระดับความสำคัญคือ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

พื้นหลัง : การรับรู้ความสามารถของตนเองของผู้ป่วยเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการรักษา และการเอาชนะโรค วัตถุประสงค์ : วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการศึกษาตามแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพในการรับรู้ความสามารถของตนเองในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 เรียกว่าสมาคมโรคเบาหวานของอิหร่านในปี 2014 วิธีการ : การศึกษาทดลองทางคลินิกเป็นผู้ป่วยที่มีเบาหวานชนิดที่ 2 สุ่มบล็อกคู่ตัวอย่างวิธี จากนั้นแบ่งออกเป็นสองกลุ่มของการแทรกแซงและควบคุม ( ผู้ป่วย 40 คน ในแต่ละกลุ่ม ) การจัดสรรงบประมาณ เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามตามแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพรูปแบบและความสามารถของตนเอง . ได้ทำการเก็บรวบรวมข้อมูล 2 เดือนหลังจากโปรแกรมการศึกษาจัดขึ้น โปรแกรมการศึกษาที่ถูกออกแบบบนพื้นฐานของข้อมูลที่รวบรวมใน ระยะก่อนการทดลองจากนั้นโปรแกรมการศึกษาที่ดำเนินการสำหรับกลุ่มใน 8 ครั้งละ 30นาที ) โดยใช้การบรรยายและคู่มือการศึกษา วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการทดสอบไคสแควร์ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน t-test กลุ่มตัวอย่างที่เป็นอิสระและ paired t-test ระดับนัยสำคัญ 0.05