ABSTRACTObjective To determine whet

ABSTRACT
Objective To determine whether antipsychotic drugs are
associated with an increased risk of venous
thromboembolism, and to examine risks by type of
antipsychotic, potency, and dose.
Design Population based nested case-control study.
Setting The UK QResearch primary care database.
Participants Patients (cases) with a first ever record of
venous thromboembolism between 1 January 1996 and 1
July 2007; each was matched with up to four controls by
age, calendar time, sex, and practice.
Main outcome measures Odds ratios for venous
thromboembolism associated with antipsychotic drugs
adjusted for comorbidity; concomitant drug exposure.
Results There were 25 532 eligible cases (15 975 with
deep vein thrombosis and 9557 with pulmonary
embolism) and 89 491 matched controls from a study
population of 7 267 673. Individuals prescribed
antipsychotic drugs in the previous 24 months had a 32%
greater risk of venous thromboembolism than non-users,
despite adjustment for potential risk factors (odds ratio
1.32, 95% confidence interval 1.23 to 1.42). Patients who
had started a new drug in the previous three months had
about twice the risk (1.97, 1.66 to 2.33). The risk was
greater for individuals prescribed atypical rather than
conventional drugs (adjusted odds ratio 1.73, 1.37 to
2.17, for atypical drugs; 1.28, 1.18 to 1.38, for
conventional drugs). It also tended to be greater for
patients prescribed low rather than high potency drugs
(1.99, 1.52 to 2.62, for low potency; 1.28, 1.18 to 1.38,
for high potency). The estimated number of extra cases of
venous thromboembolism per 10 000 patients treated
over one year was 4 (3 to 5) in patients of all ages and 10
(7 to 13) for patients aged 65 and over.
Conclusions There is an association between use of
antipsychotic drugs and risk of venous thromboembolism
in a large primary care population. The increased risk was
more marked among new users and those prescribed
atypical antipsychotic drugs.
INTRODUCTION
Venous thromboembolism is an important and preventable
cause of morbidity and mortality.1 Up to a
quarter of affected patients die within a week,2 and
almost a third of survivors experience long term

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บทคัดย่อวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบว่า ยา antipsychoticเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงของดำthromboembolism และ การตรวจสอบความเสี่ยงตามประเภทของantipsychotic สมรรถภาพ และยาประชากรออกขึ้นซ้อนกันการควบคุมกรณีศึกษาตั้งค่าฐานข้อมูลหลัก UK QResearchผู้เข้าร่วมผู้ป่วย (กรณี) เป็นครั้งแรกเคยบันทึกของthromboembolism ดำระหว่าง 1 1996 มกราคม และ 1กรกฏา 2007 คม แต่ละถูกจับคู่กับตัวควบคุมถึง 4อายุ เวลาปฏิทิน เพศ และปฏิบัติการอัตราส่วนราคาต่อรองสำหรับวัดผลหลักดำเกี่ยวข้องกับยา antipsychotic thromboembolismการปรับปรุงสำหรับ comorbidity ยาเสพติดมั่นใจสัมผัสมีกรณีสิทธิ 25 532 (15 975 กับผลลัพธ์เลือดหลอดเลือดดำชั้นลึกและ 9557 กับระบบทางเดินหายใจเครื่อง) และ 89 491 ตัวควบคุมที่ตรงกันจากการศึกษาประชากร 7 267 673 บุคคลที่กำหนดยา antipsychotic ใน 24 เดือนได้ 32%ความเสี่ยงที่มากขึ้นของ thromboembolism ดำมากกว่าไม่ใช่ผู้ใช้แม้ มีการปรับปรุงสำหรับปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น (อัตราส่วนราคา1.32, 95% ช่วงความเชื่อมั่น 1.23-1.42) ผู้ป่วยที่ได้เริ่มต้นใหม่ได้ 3 เดือนยาเสพติดในก่อนหน้าเกี่ยวกับสองความเสี่ยง (1.97, 1.66-2.33) มีความเสี่ยงมากขึ้นสำหรับบุคคลกำหนดพิเศษ rather กว่ายาเสพติดทั่วไป (ราคาปรับปรุงอัตราส่วน 1.73, 1.37 เพื่อ2.17 ยาเสพติดอักเสบ 1.28, 1.18 ไป 1.38 สำหรับปกติยา) มันยัง มีแนวโน้มจะมากขึ้นสำหรับผู้ป่วยกำหนดราคายาเสพติดรู้จักที่ต่ำ ที่สูง(1.99, 1.52 กับ 2.62 สำหรับสมรรถภาพต่ำ ถึง 1.28, 1.18 ไป 1.38สำหรับสูงรู้จัก) หมายกรณีพิเศษthromboembolism ดำต่อ 10 000 ผู้ป่วยที่รับการรักษาปี 4 (3-5) ในผู้ป่วยทุกเพศทุกวัยและ 10(7-13) ผู้ป่วยอายุ 65 และผ่านการบทสรุปที่มีความสัมพันธ์ระหว่างการใช้ยา antipsychotic และความเสี่ยงของ thromboembolism ดำในประชากรขนาดใหญ่ดูแล มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเพิ่มเติมทำเครื่องหมายผู้ใช้ใหม่และผู้กำหนดยา antipsychotic อักเสบแนะนำดำ thromboembolism เป็นสำคัญ และ preventableทำให้เกิด morbidity และ mortality.1 ถึงไตรมาสของผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบตายภายในหนึ่งสัปดาห์ 2 และเกือบหนึ่งในสามของผู้รอดชีวิตประสบการณ์ระยะยาว

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบว่ายารักษาโรคจิตจะ
เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของหลอดเลือดดำ
อุดตันและการตรวจสอบความเสี่ยงตามประเภทของ
ยารักษาโรคจิต, ความแข็งแรงและยา.
ออกแบบประชากรตามที่ซ้อนกันกรณีศึกษาการควบคุม.
การตั้งค่าสหราชอาณาจักร QResearch ฐานข้อมูลการดูแลรักษาเบื้องต้น.
ผู้เข้าร่วมผู้ป่วย (ราย) ที่มีการบันทึกเป็นครั้งแรกของการ
อุดตันหลอดเลือดดำระหว่าง 1 มกราคม 1996 และวันที่ 1
กรกฏาคม 2007; แต่ละคนถูกจับคู่กับถึงสี่ควบคุมโดย
อายุเวลาปฏิทินเพศและการปฏิบัติ.
วัดที่สำคัญอัตราส่วนราคาต่อรองสำหรับหลอดเลือดดำ
อุดตันที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดยารักษาโรคจิต
ปรับ comorbidity; การเปิดรับยาเสพติดไปด้วยกัน.
มีผล 25 532 กรณีมีสิทธิ์ได้ (15 975 กับ
เส้นเลือดตีบลึกและ 9557 กับปอด
เส้นเลือด) และ 89 491 การควบคุมการจับคู่จากการศึกษา
ประชากร 7 267 673. บุคคลที่กำหนด
ยารักษาโรคจิตใน 24 เดือนที่ผ่านมามี 32 %
มีความเสี่ยงมากขึ้นจากการอุดตันหลอดเลือดดำกว่าผู้ใช้ที่ไม่ได้
แม้จะมีการปรับสำหรับปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น (odds ratio
1.32, 95% confidence interval 1.23-1.42) ผู้ป่วยที่
ได้เริ่มยาใหม่ในสามเดือนก่อนหน้านี้มี
ความเสี่ยงเกี่ยวกับสองครั้ง (1.97, 1.66-2.33) ความเสี่ยงเป็น
มากขึ้นสำหรับบุคคลที่กำหนดความผิดปกติมากกว่า
ยาเสพติดทั่วไป (ราคาปรับอัตราส่วน 1.73, 1.37 ไป
2.17 สำหรับยาเสพติดที่ผิดปรกติ; 1.28, 1.18-1.38 สำหรับ
ยาเสพติดทั่วไป) นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่จะมากขึ้นสำหรับ
ผู้ป่วยที่กำหนดต่ำมากกว่ายาเสพติดประสิทธิภาพสูง
(1.99, 1.52-2.62 สำหรับความแรงต่ำ 1.28, 1.18-1.38,
สำหรับประสิทธิภาพสูง) จำนวนโดยประมาณของกรณีพิเศษของ
อุดตันหลอดเลือดดำต่อ 10 000 ผู้ป่วยที่รักษา
มากกว่าหนึ่งปีเป็น 4 (3-5) ในผู้ป่วยทุกเพศทุกวัยและ 10
(7-13) สำหรับผู้ป่วยที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป.
สรุปผลการวิจัยมีการเชื่อมโยงระหว่างการใช้คือ ของ
ยารักษาโรคจิตและความเสี่ยงของการอุดตันหลอดเลือดดำ
ของประชากรในระดับปฐมภูมิที่มีขนาดใหญ่ ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นถูก
ทำเครื่องหมายมากขึ้นในหมู่ผู้ใช้ใหม่และที่กำหนด
ยารักษาโรคจิตผิดปกติ.
บทนำ
อุดตันหลอดเลือดดำเป็นสิ่งที่สำคัญและป้องกัน
สาเหตุของการเจ็บป่วยและ mortality.1 สูงสุด
ในสี่ของผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบตายภายในหนึ่งสัปดาห์ที่ 2 และ
เกือบหนึ่งในสามของผู้รอดชีวิต ประสบการณ์ระยะยาว

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

บทคัดย่อ วัตถุประสงค์ของการวิจัย เพื่อศึกษาว่ายูงทอง

จะเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของภาวะหลอดเลือดดำ
, และเพื่อตรวจสอบความเสี่ยงตามประเภทของ
.
, แรง , และปริมาณ ประชากรออกแบบโดยใช้ซ้อนการศึกษาระบาดวิทยา .
ตั้งค่า UK qresearch หลักดูแลฐานข้อมูล ผู้ป่วย
ร่วม ( กรณี ) กับครั้งแรกที่เคยบันทึก
ภาวะหลอดเลือดดำระหว่าง 1 มกราคม 2539 และ 1
กรกฎาคม 2550 ; แต่ละถูกจับคู่กับถึงสี่ตัวควบคุมโดย
อายุ , เวลา , ปฏิทินเพศและการปฏิบัติ .
การวัดผลหลักราคาอัตราส่วนภาวะหลอดเลือดดำที่เกี่ยวข้องกับยูงทอง

ปรับกฤษณา ; การเกิดยา .
ผลมี 25 ราย ( 532 สิทธิ การอุดตันหลอดเลือดดำลึก 15 975 ด้วย

9557 กับปอดและอุดตัน ) และ 89 มันตรงกับการควบคุมจากการศึกษาประชากร
7 267 673 . บุคคลที่กำหนด
ยูงทอง ในช่วง 24 เดือนมี 32 %
มากกว่าความเสี่ยงของภาวะหลอดเลือดดำมากกว่าผู้ใช้ที่ไม่ใช่ปัจจัยความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นแม้จะมีการปรับ
( Odds Ratio
1.32 , ช่วงความเชื่อมั่น 95% 1.23 1.42 ) ผู้ป่วย
เริ่มยาใหม่ในไตรมาส 3 มี
เกี่ยวกับสองเท่าของความเสี่ยง ( 1.97 , 1.66 กับ 2.33 ) ความเสี่ยงคือ
มากขึ้นสำหรับบุคคลที่ผิดธรรมดามากกว่า
ปกติยา ( Adjusted Odds Ratio 1.73 1.37

2.17 , ผิดปรกติยา ; 1.28 1.18 ถึง 1.38 ,
ปกติยา ) มันก็มีแนวโน้มมากขึ้นสำหรับผู้ป่วยที่กำหนด
ต่ำมากกว่ายาเสพติดศักยภาพสูง
( 1.99 1.52 ถึง 2.62 , สมรรถภาพต่ำ 1.28 1.18 ถึง 1.38
,สำหรับศักยภาพสูง ) ประมาณจำนวนของเสริมกรณีภาวะหลอดเลือดดำ

ต่อ 10 000 การรักษามากกว่าหนึ่งปี 4 ( 5 ) ในผู้ป่วยทุกวัย และ 10
( 7 : 13 ) สำหรับผู้ป่วยอายุ 65 และมากกว่า .
สรุปมีความสัมพันธ์ระหว่างการใช้ยา ยาต้านโรคจิต
และความเสี่ยงของภาวะหลอดเลือดดำ
ในกลุ่มประชากรที่ดูแลหลักใหญ่ ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นคือ
เพิ่มเติมเครื่องหมายของผู้ใช้ใหม่และผู้ที่ระเบียงห้องนอนยูงทอง
.

เมื่อภาวะเบื้องต้นที่สำคัญคือไม่
สาเหตุของการเจ็บป่วยและการตาย 1 ถึงไตรมาสของผู้ป่วยได้รับผลกระทบ
ตายภายในสัปดาห์ที่ 2 และ
เกือบหนึ่งในสามของผู้รอดชีวิตประสบการณ์ยาว