In electrical engineering, a synchr

In electrical engineering, a synchronous condenser (sometimes called a synchronous capacitor or synchronous compensator) is a device identical to a synchronous motor, whose shaft is not connected to anything but spins freely.[1] Its purpose is not to convert electric power to mechanical power or vice versa, but to adjust conditions on the electric power transmission grid. Its field is controlled by a voltage regulator to either generate or absorb reactive power as needed to adjust the grid's voltage, or to improve power factor. The condenser’s installation and operation are identical to large electric motors.

Increasing the device's field excitation results in its furnishing reactive power (vars) to the system. Its principal advantage is the ease with which the amount of correction can be adjusted. The kinetic energy stored in the rotor of the machine can help stabilize a power system during short circuits or rapidly fluctuating loads such as electric arc furnaces. Large installations of synchronous condensers are sometimes used in association with high-voltage direct current converter stations to supply reactive power to the alternating current grid.

Unlike a capacitor bank, the amount of reactive power from a synchronous condenser can be continuously adjusted. Reactive power from a capacitor bank decreases when grid voltage decreases, while a synchronous condenser can increase reactive current as voltage decreases. However, synchronous machines have higher energy losses than static capacitor banks.[1] Most synchronous condensers connected to electrical grids are rated between 20 Mvar(Megavars) and 200 Mvar and many are hydrogen cooled. There is no explosion hazard as long as the hydrogen concentration is maintained above 70%, typically above 91%

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วิศวกรรมไฟฟ้า เครื่องควบแน่นแบบซิงโครนัสที่มี (บางครั้งเรียกว่าตัวเก็บประจุแบบซิงโครนัสหรือแบบซิงโครนัส compensator) เป็นอุปกรณ์ที่เหมือนกับตัวมอเตอร์ เพลาไม่เชื่อมต่อกับ anything but สปินได้อย่างอิสระ[1] จุดประสงค์เป็น การแปลงพลังงานไฟฟ้าพลังงานกล หรือในทางกลับกัน แต่ จะปรับปรุงเงื่อนไขในตารางการส่งพลังงานไฟฟ้า ฟิลด์จะถูกควบคุม โดยตัวควบคุมแรงดันไฟฟ้าไปสร้าง หรือดูดซับพลังงานปฏิกิริยาตามที่ต้องปรับแรงดันไฟฟ้าของเส้นตาราง การปรับปรุงตัวประกอบกำลัง ติดตั้งและการดำเนินงานของเครื่องควบแน่นจะเหมือนกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดใหญ่เพิ่มผลในการกระตุ้นฟิลด์ของอุปกรณ์ตกแต่งปฏิกิริยาพลังงาน (vars) ระบบ ประโยชน์หลักคือ อำนวยความสะดวกที่สามารถปรับจำนวนของการแก้ไข พลังงานจลน์ในใบพัดของเครื่องสามารถช่วยรักษาเสถียรภาพระบบไฟฟ้าระหว่างการลัดวงจรหรือโหลดความเร็วเช่นเตาเผาไฟฟ้าอาร์ค บางครั้งขนาดใหญ่ติดตั้ง condensers แบบซิงโครนัสจะใช้กับสถานีแปลงไฟฟ้าแรงสูงกระแสตรงในการจัดหาพลังงานปฏิกิริยาตารางกระแสสลับซึ่งแตกต่างจากธนาคาร ตัวเก็บประจุจำนวนพลังงานปฏิกิริยาจากเครื่องควบแน่นแบบซิงโครนัสสามารถอย่างต่อเนื่องปรับปรุง พลังงานปฏิกิริยาจากธนาคารตัวเก็บประจุลดลงเมื่อแรงดันกริดที่ลดลง ในขณะที่เครื่องควบแน่นแบบซิงโครนัสสามารถเพิ่มปฏิกิริยากระแสเป็นแรงดันไฟฟ้าลดลง อย่างไรก็ตาม เครื่องจักรซิงโครนัสมีพลังงานสูญเสียที่สูงกว่าธนาคารคงตัวเก็บประจุ[1] ที่สุดแบบซิงโครนัส condensers เชื่อมต่อกับกริดไฟฟ้ามีคะแนนระหว่าง 20 Mvar(Megavars) 200 Mvar และหลายจะระบายความร้อนด้วยไฮโดรเจน ไม่มีอันตรายไม่กระจายตราบใดที่ความเข้มข้นไฮโดรเจนไว้ข้างบน 70% ปกติเหนือ 91%

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในสาขาวิศวกรรมไฟฟ้า, คอนเดนเซอร์ซิงโคร (บางครั้งเรียกว่าตัวเก็บประจุแบบ synchronous หรือชดเชย synchronous) เป็นอุปกรณ์ที่เหมือนกันกับมอเตอร์ซิงโครที่มีเพลาไม่ได้เชื่อมต่อกับอะไร แต่หมุนได้อย่างอิสระ. [1] โดยมีวัตถุประสงค์คือไม่ได้ที่จะแปลงพลังงานไฟฟ้าที่จะกล อำนาจหรือในทางกลับกัน แต่การปรับเงื่อนไขในตารางการส่งพลังงานไฟฟ้า ข้อมูลของมันจะถูกควบคุมโดยควบคุมแรงดันไฟฟ้าให้ทั้งสร้างหรือดูดซับพลังงานปฏิกิริยาตามความจำเป็นในการปรับแรงดันไฟฟ้าตารางของหรือเพื่อปรับปรุงปัจจัยอำนาจ การติดตั้งคอนเดนเซอร์และการดำเนินการเหมือนกันกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดใหญ่. การเพิ่มข้อมูลของอุปกรณ์ผลกระตุ้นในการตกแต่งพลังงานปฏิกิริยาของ (VAR) กับระบบ ประโยชน์หลักของมันคือความสะดวกกับที่จำนวนของการแก้ไขจะสามารถปรับได้ พลังงานจลน์ที่เก็บไว้ในโรเตอร์ของเครื่องที่สามารถช่วยสร้างความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในระหว่างการลัดวงจรหรือโหลดอย่างรวดเร็วมีความผันผวนเช่นเตาอาร์คไฟฟ้า การติดตั้งขนาดใหญ่ของคอนซิงโครบางครั้งใช้ร่วมกับไฟฟ้าแรงสูงสถานีแปลงไฟฟ้ากระแสตรงในการจัดหาพลังงานปฏิกิริยาที่จะสลับตารางปัจจุบัน. ซึ่งแตกต่างจากธนาคารตัวเก็บประจุ, ปริมาณของพลังงานปฏิกิริยาจากคอนเดนเซอร์ซิงโครจะสามารถปรับได้อย่างต่อเนื่อง พลังงานปฏิกิริยาจากธนาคารตัวเก็บประจุลดลงเมื่อแรงดันไฟฟ้าตารางลดลงในขณะที่ซิงโครคอนเดนเซอร์สามารถเพิ่มปัจจุบันปฏิกิริยาเป็นแรงดันไฟฟ้าลดลง อย่างไรก็ตามเครื่อง synchronous มีการสูญเสียพลังงานที่สูงขึ้นกว่าธนาคารตัวเก็บประจุแบบคงที่. [1] คอนเดนเซอร์ซิงโครส่วนใหญ่ที่เชื่อมต่อกับสายส่งไฟฟ้าได้รับการประเมินระหว่าง 20 MVAR (Megavars) และ 200 MVAR และจำนวนมากมีการระบายความร้อนด้วยไฮโดรเจน มีอันตรายจากการระเบิดไม่เป็นตราบเท่าที่ความเข้มข้นของไฮโดรเจนจะยังคงสูงกว่า 70% มักจะสูงกว่า 91%

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วิศวกรรมไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ แบบซิงโครนัส ( Synchronous หรือบางครั้งเรียกว่า ตัวเก็บประจุแบบชดเชย ) เป็นอุปกรณ์ที่เหมือนกันกับซิงโครนัสมอเตอร์ที่เพลาไม่ได้เชื่อมต่อกับอะไร แต่หมุนได้อย่างอิสระ [ 1 ] วัตถุประสงค์ไม่แปลงพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกล หรือในทางกลับกัน แต่ปรับเงื่อนไขในการส่งกำลังไฟฟ้าตารางเขตข้อมูลจะถูกควบคุมโดยแรงดันไฟฟ้าเพื่อให้สร้างหรือดูดซับปฏิกิริยาพลังงานต้องปรับเป็นตารางแรงดัน หรือปรับปรุงตัวประกอบกำลัง การติดตั้งของคอนเดนเซอร์และการทำงานเหมือนมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดใหญ่

เพิ่มอุปกรณ์ตกแต่งสนามและผลของกำลังไฟฟ้า ( VARs ) ระบบประโยชน์หลักของมันคือความสะดวกกับที่จำนวนของการแก้ไขที่สามารถปรับเปลี่ยน พลังงานจลน์เก็บไว้ในใบพัดของเครื่องสามารถช่วยปรับระบบพลังงานในระหว่างการลัดวงจรหรืออย่างรวดเร็ว เช่น เตาหลอมอาร์คความผันผวนของโหลดไฟฟ้าขนาดใหญ่ติดตั้งเครื่องควบแน่นแบบใช้บางครั้ง ร่วมกับ สถานีไฟฟ้าแรงสูงกระแสตรงแปลงจัดหากำลังไฟฟ้าเพื่อสลับตารางปัจจุบัน

ไม่เหมือนชุดตัวเก็บประจุ ปริมาณของกำลังไฟฟ้าจากคอนเดนเซอร์แบบสามารถอย่างต่อเนื่องปรับ กำลังไฟฟ้าจากชุดตัวเก็บประจุลดลงเมื่อตารางแรงดันลดลงในขณะที่แบบ synchronous สามารถเพิ่มปฏิกิริยาในปัจจุบันแรงดันลดลง อย่างไรก็ตาม เครื่องจักรซิงโครนัสได้สูงกว่าขาดทุนกว่าธนาคารตัวเก็บประจุไฟฟ้าสถิต [ 1 ] ที่สุดซิงโครนัสคอนเดนเซอร์ที่เชื่อมต่อกับกริดไฟฟ้าจะอยู่ระหว่าง 20 mvar ( megavars ) และ 200 mvar และหลายไฮโดรเย็น ไม่มีการระเบิด ภัย ตราบใดที่ความเข้มข้นของไฮโดรเจนจะยังคงสูงกว่า 70 เปอร์เซ็นต์โดยทั่วไปสูงกว่า 91 %