Positivistic/Empiricist (P/E) persp

Positivistic/Empiricist (P/E) perspective (see Anderson
1983 for a more detailed review). Then, we contrast
this view with a newer, more useful philosophy
of science which we call the Relativistic/Constructionist
approach (R/C). Our intent is to introduce these
ideas at a broad, general level and avoid becoming
mired in technical jargon and subtle details. Thus our
coverage of these issues is necessarily an overview.
The Positivistic/Empiricist Approach
The philosophy of science that presently dominates
marketing is a descendent of logical positivism, commonly
called logical empiricism (cf. Broadbeck 1982,
Hunt 1983).5 The term "positivism" usually refers to
a type of strict empiricism in which only those knowledge
claims that are based directly on experience (i.e.,
empirical observations) are considered important, useful,
and/or scientifically meaningful. Coupled with
this strong emphasis on empirical data, positivism relies
heavily on formal symbolic logic as a tool of analysis.
Thus, positivists claim that through formal logical
analysis of theories and by means of unbiased
observations, the truth of any (meaningful) proposition
can be determined absolutely.
Logical empiricism is a somewhat more moderate
version of positivism developed to avoid the induction
problem-namely that no universal proposition can
be conclusively verified by any set of observations,
no matter how large. Thus logical empiricism tends
to favor a view that although scientific propositions
cannot be conclusively verified, they can be "increasingly
confirmed," again using careful observations
(e.g., in experiments) and the rules of formal logic.
In this view, for instance, theoreticalt erms derive their
meanings through "correspondence rules" that "connect"
them to direct experience (empirical observations).
These observations give meaning to the theoretical
terms. The logical empiricist point of view
dominates current marketing research in that much of
our research methodology and approach are based on
these philosophical assumptions.
Popper (1959) proposed a "falsification" strategy
to avoid the inductive problems of the confirmation
approach of logical empiricism. However, as interpreted
by many philosophers and marketing scholars,
falsification is merely a somewhat more sophisticated
brand of logical empiricism (cf. Calder, Phillips, and
Tybout 1981, 1982; Lynch 1982).6 This approach to
science, termed "naive falsificationism" by Lakatos
(1970), requires that a researcher consider a theory as

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มุมมอง Positivistic/Empiricist (P/E) (ดูแอนเดอร์สัน1983 เพื่อตรวจทานรายละเอียดเพิ่มเติม) จากนั้น เราความคมชัดมุมมองนี้ ด้วยปรัชญาใหม่ ประโยชน์วิทยาศาสตร์ซึ่งเราเรียกการที่ Relativistic Constructionistวิธี (R/C) เจตนาของเราคือการ แนะนำเหล่านี้ระดับความคิดที่กว้าง ทั่วไป และไม่ดักดานศัพท์แสงทางเทคนิคและรายละเอียดที่ลึกซึ้ง ดังนั้นของเราความครอบคลุมของปัญหาเหล่านี้จำเป็นต้องเป็นภาพรวมวิธี การ/Positivistic Empiricistปรัชญาวิทยาศาสตร์ที่กุมอำนาจปัจจุบันการตลาดโดยโหนดสืบทอดของ logical positivism ทั่วไปเรียกว่า empiricism ตรรกะ (มัทธิว Broadbeck 1982ล่า 1983) ครั้งที่ 5 ระยะ "positivism" มักจะหมายถึงชนิดของ empiricism เข้มงวดซึ่งเท่าที่รู้ร้องเรียนว่าขึ้นอยู่กับประสบการณ์โดยตรง (เช่นสังเกตผล) ถือเป็นสิ่งสำคัญ มี ประโยชน์หรือมีความหมายทางวิทยาศาสตร์ ควบคู่กับนี้เน้นข้อมูลประจักษ์ positivism อาศัยหนักในตรรกะ symbolic ทางเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ดังนั้น positivists อ้างเป็นทางการถึงตรรกะวิเคราะห์ทฤษฎี และ วิธีคนสังเกต ความจริงของข้อเสนอใด ๆ (ความหมาย)สามารถถูกกำหนดอย่างแน่นอนLogical empiricism เป็นปานกลางค่อนข้างมากรุ่น positivism ที่พัฒนาขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการเหนี่ยวนำปัญหาคือที่สามารถเสนอไม่สากลสามารถตรวจสอบ โดยมีชุดสังเกต เห็นไม่ขนาดนั้น ดังนั้น logical empiricism มีแนวโน้มโปรดดูที่แม้ทางวิทยาศาสตร์ขั้นไม่สามารถเห็นตรวจสอบ พวกเขาสามารถ "มากขึ้นยืนยัน อีกครั้ง โดยใช้การสังเกตระมัดระวัง(เช่น ในการทดลอง) และกฎของตรรกะอย่างเป็นทางการในมุมมองนี้ เช่น theoreticalt erms ได้รับของพวกเขาความหมายผ่าน "โต้ตอบกฎ" ที่ "เชื่อมต่อ"ให้ประสบการณ์โดยตรง (ประจักษ์สังเกต)ข้อสังเกตเหล่านี้ให้ความหมายการที่ทฤษฎีเงื่อนไขการ Empiricist ตรรกะมองกุมอำนาจปัจจุบันตลาดวิจัยที่มากวิธีวิจัยและวิธีการของเราขึ้นอยู่กับสมมติฐานที่ปรัชญาเหล่านี้Popper (1959) เสนอกลยุทธ์ "falsification"เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเชิงอุปนัยของใบรับรองวิธีการของ logical empiricism อย่างไรก็ตาม เป็นการตีความโดยนักปรัชญาและนักวิชาการทางการตลาด มากfalsification เป็นห้องค่อนข้างทันสมัยมากขึ้นแบรนด์ของ logical empiricism (cf. คาลเดอ ไขควง และTybout 1981, 1982 แขวนคอ 1982) .6 นี้เข้าไปวิทยาศาสตร์ ที่เรียกว่า "falsificationism ขำน่า" โดย Lakatos(1970), ต้องการให้นักวิจัยพิจารณาทฤษฎีเป็น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

positivistic / empiricist (P / E) มุมมอง (ดูแอนเดอ
1983 สำหรับการทบทวนรายละเอียดเพิ่มเติม) จากนั้นเราจะคมชัดมุมมองนี้กับใหม่ปรัชญาที่มีประโยชน์อื่น ๆ ของวิทยาศาสตร์ซึ่งเราเรียกว่าความสัมพันธ์ / ตีความวิธี(R / C) ความตั้งใจของเราคือการแนะนำเหล่านี้ความคิดที่กว้างระดับทั่วไปและหลีกเลี่ยงการกลายเป็นติดหล่มอยู่ในศัพท์แสงทางเทคนิคและรายละเอียดที่ลึกซึ้ง ดังนั้นเราคุ้มครองของปัญหาเหล่านี้จำเป็นต้องเป็นภาพรวม. positivistic / empiricist วิธีปรัชญาวิทยาศาสตร์ที่ปัจจุบันครองตลาดสืบเชื้อสายมาจากตรรกะ positivism, มักเรียกว่าประสบการณ์นิยมตรรกะ(cf Broadbeck 1982 ล่า 1983) 0.5 คำว่า "positivism "มักจะหมายถึงประเภทของประสบการณ์นิยมอย่างเข้มงวดซึ่งมีเพียงความรู้เหล่านั้นอ้างว่าจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์โดยตรง(เช่นการสังเกตการทดลอง) จะถือว่ามีความสำคัญที่มีประโยชน์และ/ หรือมีความหมายทางวิทยาศาสตร์ ควบคู่ไปกับการเน้นข้อมูลเชิงประจักษ์นี้ positivism อาศัยอย่างหนักในตรรกะสัญลักษณ์อย่างเป็นทางการเป็นเครื่องมือของการวิเคราะห์. ดังนั้น Positivists อ้างว่าผ่านตรรกะอย่างเป็นทางการวิเคราะห์ทฤษฎีและวิธีการที่เป็นกลางสังเกตความจริงใดๆ (ความหมาย) ข้อเสนอสามารถกำหนดอย่างแน่นอน. ตรรกะเป็นประสบการณ์นิยมค่อนข้างมากพอสมควรรุ่นของ positivism พัฒนาขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการเหนี่ยวนำคือปัญหาว่าไม่มีข้อเสนอที่เป็นสากลสามารถตรวจสอบได้อย่างแน่ชัดโดยชุดของการสังเกตใดๆไม่ว่าขนาดใหญ่ ดังนั้นประสบการณ์นิยมตรรกะมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนมุมมองที่ว่าถึงแม้ว่าข้อเสนอทางวิทยาศาสตร์ไม่สามารถตรวจสอบแน่ชัดพวกเขาสามารถ"เพิ่มมากขึ้นได้รับการยืนยัน" อีกครั้งโดยใช้การสังเกตระมัดระวัง (เช่นในการทดลอง) และกฎระเบียบของตรรกะอย่างเป็นทางการ. ในมุมมองนี้เช่น theoreticalt ของพวกเขาได้รับมา Erms ความหมายผ่าน "กฎการติดต่อ" ว่า "การเชื่อมต่อ" พวกเขาเพื่อประสบการณ์ตรง (สังเกตเชิงประจักษ์). ข้อสังเกตเหล่านี้ให้ความหมายถึงทฤษฎีเงื่อนไข จุด empiricist ตรรกะของมุมมองครอบงำการวิจัยการตลาดในปัจจุบันที่มากของวิธีการวิจัยและวิธีการของเราจะขึ้นอยู่กับสมมติฐานปรัชญาเหล่านี้. ตกใจ (1959) ได้เสนอว่า "โกหก" กลยุทธ์เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเหนี่ยวนำของการยืนยันวิธีการของประสบการณ์นิยมตรรกะ อย่างไรก็ตามในขณะที่การตีความโดยนักปรัชญาและนักวิชาการหลายตลาดการโกหกเป็นเพียงค่อนข้างซับซ้อนมากขึ้นแบรนด์ของประสบการณ์นิยมตรรกะ(cf คาลเดอฟิลลิปและTybout 1981, 1982; ลินช์ 1982) 0.6 วิธีการนี้วิทยาศาสตร์เรียกว่า"falsificationism ไร้เดียงสา" โดย Lakatos (1970) กำหนดให้นักวิจัยพิจารณาทฤษฎีเป็น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

positivistic / empiricist ( P / E ) . ( ดู แอนเดอร์สัน
1983 สำหรับการตรวจทานรายละเอียดเพิ่มเติม ) งั้น ตรงกันข้ามเรา
มุมมองนี้กับที่ใหม่กว่า มีประโยชน์มากขึ้นปรัชญา
วิทยาศาสตร์ซึ่งเราเรียกว่าแสง / วิธีการตีความ
( R / C ) ความตั้งใจของเราคือการแนะนำแนวคิดเหล่านี้
ที่กว้างระดับทั่วไปและหลีกเลี่ยงกลายเป็น
mired ในศัพท์แสงทางเทคนิคและรายละเอียดที่ละเอียด ดังนั้นของเรา
ความครอบคลุมของปัญหาเหล่านี้เป็นภาพรวม positivistic

/ empiricist แนวทางปรัชญาวิทยาศาสตร์ที่ปัจจุบันครอง
การตลาดเป็นทายาทของปฏิฐานนิยมเชิงตรรกะทั่วไป
เรียกว่าตรรกะประสบการณ์นิยม ( CF . broadbeck 1982
ล่า 1983 ) 5 คำว่า " ปฏิฐานนิยม " มักจะหมายถึง
ประเภทของประสบการณ์นิยมที่เข้มงวดใน มีแต่พวกความรู้
อ้างว่าอยู่ตรงประสบการณ์ ( I ,
เชิงประจักษ์สังเกต ) ถือว่าสำคัญ มีประโยชน์
และ / หรืออย่างมีความหมาย คู่กับ
นี้แข็งแรง เน้นข้อมูลเชิงประจักษ์ที่อาศัยอย่างหนักในตรรกะ Positivism
สัญลักษณ์อย่างเป็นทางการเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์
ดังนั้น positivists อ้างว่าผ่านการวิเคราะห์ทางทฤษฎีและ
อย่างเป็นทางการโดยการสังเกตไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
,ความจริงใด ๆ ( ที่มีความหมาย ) ครับ

ได้แน่นอน ตรรกะประสบการณ์นิยมเป็นรุ่นที่ค่อนข้างปานกลาง
เพิ่มเติมของปฏิฐานนิยมที่พัฒนาขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาคือไม่มีสากล

จะสรุปข้อเสนอสามารถตรวจสอบชุดใดของการสังเกต
ไม่ว่าขนาดใหญ่ ดังนั้นตรรกะประสบการณ์นิยมมีแนวโน้ม
ชอบมุมมองที่แม้ว่าข้อเสนอ
ทางวิทยาศาสตร์ไม่สามารถสรุปได้ พวกเขาสามารถมากขึ้น "
ยืนยัน " อีกครั้งโดยใช้ระวังสังเกต
( เช่นในการทดลอง ) และกฎของตรรกะที่เป็นทางการ .
ในมุมมองนี้ ตัวอย่างเช่น theoreticalt erms สืบทอดความหมาย
ผ่านกฎ " จดหมาย " ที่ " เชื่อมต่อ "
ให้ประสบการณ์ตรง ( การสังเกตเชิงประจักษ์ .
ข้อสังเกตเหล่านี้ให้ความหมายในแง่ทฤษฎี

ตรรกะ empiricist มุมมอง
พนักงานวิจัยการตลาดปัจจุบันขนาดนั้น
ระเบียบวิธีวิจัยของเราและวิธีการจะขึ้นอยู่กับสมมติฐานทางปรัชญาเหล่านี้
.
ปอปเปอร์ ( 1959 ) เสนอ " ขัด " กลยุทธ์เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาของการอุปนัย

ยืนยันแนวทางตรรกะประสบการณ์นิยม . อย่างไรก็ตาม การตีความโดยนักปรัชญาและนักวิชาการทางการตลาดมากมาย

,การทำผิดเป็นเพียงแบรนด์ที่ค่อนข้างซับซ้อน
มากกว่าตรรกะประสบการณ์นิยม ( CF . คาลเดอร์ , Phillips , และ
tybout 1981 , 1982 ; ลินซ์ 1982 ) 6 วิธีนี้

วิทยาศาสตร์ เรียกว่า " ไร้เดียงสา falsificationism " โดย ลากาตอส
( 1970 ) , ต้องการให้นักวิจัยพิจารณาทฤษฎี เช่น