THEORY OF OPERATIONThe M3 DIGITAL L

THEORY OF OPERATION
The M3 DIGITAL LCR meter uses an auto-balancing bridge technique to measure unknown impedance by
measuring the voltage across the device under test (DUT) and the current through it. Figure 1-1 is the basic block
diagram of the M3 DIGITAL LCR meter and shows how the instrument measures unknown impedances. The
output of a signal source is applied through a source resistor RS, which varies according to the measurement
range, to the unknown device ZX and range resistor RR. The effect of amplifier A1 is to cause the same current Ir
that flows through the unknown device to flow through RR, and, as a result, to drive the junction of the unknown
device and RR to zero volt (virtual ground). Across RR there is a voltage V2 = Ir × RR. Voltages V1 and V2 across
the unknown device and across RR , respectively, are connected to selector switch S. The output of the switch is
connected to a differential amplifier A2. Using the same differential amplifier for both the voltage and the
voltage measurements ensures that the scaling factor and the offset errors cancel each other during final
calculations. The real and imaginary components of the voltage and current signals are obtained by multiplying
these voltages with a square wave that is coherent with the stimulus (Phase Detector). An output proportional to
the in-phase, or quadrature component, of the voltage is obtained. Measurements are performed using a dualslope
A/D converter that is read by the controller. The complex ratio of voltage to current is equal to the complex
impedance. The measured complex impedance is corrected by calibration factors, for both absolute value and
phase. The other parameters, such as L, C, R, Q, D, are derived mathematically from the corrected impedance
value, with the model and the test frequency chosen by the user.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทฤษฎีของการดำเนินงานM3 ซีอาร์มิเตอร์ใช้เทคนิคบริดจ์สมดุลในการวัดความต้านทานที่ไม่รู้จักโดยวัดแรงดันไฟฟ้าผ่านอุปกรณ์ทดสอบ (DUT) และปัจจุบันผ่านมัน รูปที่ 1-1 เป็นพื้นฐานไดอะแกรมของ M3 ซีอาร์มิเตอร์ และแสดงวิธีการเครื่องมือวัด impedances ที่ไม่รู้จัก การออกของแหล่งสัญญาณจะใช้โดยผ่านตัวต้านทานแหล่ง RS ซึ่งแตกต่างกันตามการวัดช่วง การที่อุปกรณ์ที่ไม่รู้จัก ZX และช่วงตัวต้านทาน RR ผลของแอมพลิฟายเออร์ A1 คือทำ Ir ปัจจุบันเดียวกันที่ไหลผ่านอุปกรณ์ไม่รู้จัก เพื่อไหลผ่าน RR และ ดัง ไดรฟ์แยกไม่รู้จักอุปกรณ์และ RR จะเป็นศูนย์โวลต์ (เสมือนพื้นดิน) ใน RR มีแรงดันไฟฟ้า V2 = Ir × RR แรงดันไฟฟ้า V1 และ V2 ทั่วอุปกรณ์ไม่รู้จักใน RR ตามลำดับ เชื่อมต่อตัวเลือกสวิตช์ S. ผลผลิตของสวิตช์เชื่อมต่อกับเครื่องขยายเสียงต่าง A2 ใช้เครื่องขยายเสียงที่แตกต่างเดียวแรงดันและแรงดันไฟฟ้าการวัดใจว่า ตัวประกอบมาตราส่วนและข้อผิดพลาดตรงข้ามยกเลิกกันในช่วงสุดท้ายการคำนวณ ส่วนประกอบจริง และจำนวนจินตภาพของแรงดันและสัญญาณปัจจุบันได้ โดยการคูณแรงดันไฟฟ้าเหล่านี้กับคลื่นสี่เหลี่ยมที่สอดคล้องกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ (ตรวจจับเฟส) ผลผลิตเป็นสัดส่วนกับในเฟส หรือส่วนประกอบลภาค แรงดันไฟฟ้าได้รับ การวัดจะดำเนินการโดยใช้การ dualslopeแปลง A/D ที่อ่าน โดยตัวควบคุม อัตราส่วนของแรงดันไฟฟ้าเป็นปัจจุบันซับซ้อนเท่ากับคอมเพล็กซ์ความต้านทาน อิมพีแดนซ์ที่ซับซ้อนวัดได้ถูกแก้ไข โดยสอบเทียบปัจจัย ทั้งค่าสัมบูรณ์ และขั้นตอนนี้ พารามิเตอร์อื่น ๆ เช่น L, Q, R, C, D มาทางคณิตศาสตร์จากความต้านทานการแก้ไขค่า รูปแบบและความถี่ในการทดสอบโดยผู้ใช้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทฤษฎีในการดำเนินกิจการ
M3 ที่ DIGITAL LCR เมตรใช้เทคนิคสะพานอัตโนมัติสมดุลในการวัดความต้านทานที่ไม่รู้จักโดย
การวัดแรงดันตกคร่อมอุปกรณ์ภายใต้การทดสอบ (DUT) และปัจจุบันผ่านมัน รูปที่ 1-1 เป็นพื้นฐานบล็อก
ไดอะแกรมของ M3 เมตร DIGITAL LCR และแสดงให้เห็นว่ามาตรการที่ใช้ในการ impedances ที่ไม่รู้จัก
การส่งออกของแหล่งสัญญาณถูกนำไปใช้ผ่านแหล่งต้านทานอาร์เอสซึ่งแตกต่างกันไปตามการวัด
ช่วงไปยังอุปกรณ์ที่ไม่รู้จัก ZX และช่วงต้านทาน RR ผลของเครื่องขยายเสียง A1 คือการทำให้ Ir ปัจจุบันเดียวกัน
ที่ไหลผ่านอุปกรณ์ที่ไม่รู้จักที่จะไหลผ่าน RR และเป็นผลที่จะขับรถชุมทางที่ไม่รู้จัก
อุปกรณ์และ RR เป็นศูนย์โวลต์ (พื้นเสมือน) ทั่ว RR มีแรงดันไฟฟ้า V2 = Ir × RR แรงดันไฟฟ้า V1 และ V2 ข้าม
อุปกรณ์ที่ไม่รู้จักและทั่ว RR ตามลำดับจะเชื่อมต่อกับสวิตช์เลือกเอสการส่งออกของสวิทช์ที่มีการ
เชื่อมต่อกับเครื่องขยายเสียงค่า A2 โดยใช้เครื่องขยายเสียงค่าเดียวกันทั้งแรงดันและ
วัดแรงดันไฟฟ้าเพื่อให้แน่ใจว่าปัจจัยการปรับขนาดและข้อผิดพลาดชดเชยยกเลิกแต่ละอื่น ๆ ในช่วงสุดท้าย
การคำนวณ ส่วนประกอบจริงและจินตนาการของแรงดันและกระแสสัญญาณจะได้รับโดยการคูณ
แรงดันไฟฟ้าเหล่านี้ด้วยคลื่นสี่เหลี่ยมที่มีความเชื่อมโยงกันกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (เฟสเครื่องตรวจจับ) สัดส่วนส่งออกไป
ในเฟสหรือส่วนประกอบการสร้างพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสของแรงดันไฟฟ้าที่จะได้รับ วัดจะดำเนินการโดยใช้ dualslope
แปลง A / D ที่จะถูกอ่านโดยการควบคุม อัตราส่วนที่ซับซ้อนของแรงดันไฟฟ้าปัจจุบันเท่ากับซับซ้อน
สมรรถภาพ วัดความต้านทานที่ซับซ้อนได้รับการแก้ไขจากปัจจัยการสอบเทียบค่าทั้งแน่นอนและ
เฟส พารามิเตอร์อื่น ๆ เช่น L, C, R, Q, D, คณิตศาสตร์จะได้มาจากความต้านทานการแก้ไข
ค่าที่มีรูปแบบและความถี่ในการทดสอบได้รับการแต่งตั้งโดยผู้ใช้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทฤษฎีของการดำเนินงานM3 ดิจิตอล LCR เมตรใช้รถยนต์ Balancing เทคนิคการวัดอิมพีแดนซ์ที่ไม่รู้จักโดยสะพานวัดความต่างศักย์ของอุปกรณ์ภายใต้การทดสอบ ( ในการสั่งซื้อ ) และปัจจุบันผ่าน รูปที่ 1-1 เป็นบล็อกขั้นพื้นฐานแผนภาพของ M3 ดิจิตอล มัลติมิเตอร์ เครื่องวัดและแสดงให้เห็นว่า มาตรการที่ใช้ impedances . ที่ผลของแหล่งสัญญาณที่ใช้ผ่านแหล่งตัวต้านทาน RS ซึ่งแตกต่างกันไปตามวัดช่วง ที่ไม่รู้จักอุปกรณ์ ZX และช่วงตัวต้านทาน RR . ผลของแอมป์ A1 คือสาเหตุและปัจจุบันเหมือนกันที่ไหลผ่านอุปกรณ์ที่ไม่รู้จักไหลผ่าน RR , และ , เป็นผล , ขับรถแยกของที่ไม่รู้จักอุปกรณ์และ RR ศูนย์โวลต์ ( เสมือนพื้นดิน ) ข้าม RR มีแรงดัน V2 = IR × RR . แรงดัน V1 และ V2 ข้ามอุปกรณ์ที่ไม่รู้จักใน RR ) เชื่อมต่อกับตัวเลือกสลับออกเปลี่ยนเป็น Sเชื่อมต่อกับเครื่องขยายเสียงแบบ A2 . ใช้เครื่องขยายเสียงแบบเดียวกันทั้งแรงดันและการวัดแรงดันไฟฟ้าเพื่อให้แน่ใจว่าตำแหน่งและชดเชยความผิดพลาดยกเลิกกันในขั้นสุดท้ายการคํานวณ องค์ประกอบจริงและจินตภาพของแรงดันและกระแสสัญญาณได้โดยการคูณแรงดันไฟฟ้าเหล่านี้กับคลื่นสี่เหลี่ยมที่สอดคล้องกันกับสิ่งเร้า ( เครื่องตรวจจับ ) ออก ?ส่วนในเฟส หรือ พื้นที่ส่วนประกอบของแรงดันไฟฟ้าที่จะได้รับ การวัดการใช้ dualslope/ แปลง D ที่อ่านโดยตัวควบคุม อัตราส่วนของแรงดันไฟฟ้าที่ซับซ้อนในปัจจุบันเท่ากับซับซ้อนอิมพีแดนซ์ . วัดความต้านทานที่ซับซ้อนเป็นแก้ไขโดยปัจจัยการสอบเทียบทั้งแน่นอนค่าเฟส พารามิเตอร์อื่น ๆ เช่น L , C , R , Q , D จะได้มาทางคณิตศาสตร์จากการแก้ไขอิมพีแดนซ์ค่า มีแบบ และการทดสอบความถี่ที่เลือก โดยผู้ใช้