HistoryC was developed at Bell Labo

History

C was developed at Bell Laboratories in 1972 by Dennis Ritchie. Many of its principles and ideas were taken from the earlier language B and B's earlier ancestors BCPL and CPL. CPL ( Combined Programming Language ) was developed with the purpose of creating a language that was capable of both high level, machine independent programming and would still allow the programmer to control the behavior of individual bits of information. The one major drawback of CPL was that it was too large for use in many applications. In 1967, BCPL ( Basic CPL ) was created as a scaled down version of CPL while still retaining its basic features. In 1970, Ken Thompson, while working at Bell Labs, took this process further by developing the B language. B was a scaled down version of BCPL written specifically for use in systems programming. Finally in 1972, a co-worker of Ken Thompson, Dennis Ritchie, returned some of the generality found in BCPL to the B language in the process of developing the language we now know as C.
C's power and flexibility soon became apparent. Because of this, the Unix operating system which was originally written in assembly language, was almost immediately re-written in C ( only the assembly language code needed to "bootstrap" the C code was kept ). During the rest of the 1970's, C spread throughout many colleges and universities because of it's close ties to Unix and the availability of C compilers. Soon, many different organizations began using their own versions of C causing compatibility problems. In response to this in 1983, the American National Standards Institute ( ANSI ) formed a committee to establish a standard definition of C which became known as ANSI Standard C. Today C is in widespread use with a rich standard library of functions.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ประวัติC ถูกพัฒนาขึ้นที่ห้องปฏิบัติการเบลล์ในปี 1972 โดยเดนนิส Ritchie หลายหลักการและแนวคิดที่ได้มาจากภาษาก่อนหน้า B และ B ของบรรพบุรุษก่อนหน้า BCPL และ CPL. ของ CPL (รวมการเขียนโปรแกรมภาษา) ถูกพัฒนาขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์สร้างภาษาที่มีความสามารถในการเขียนโปรแกรมอิสระเครื่องทั้งระดับสูง และยังจะช่วยให้โปรแกรมเมอร์สามารถควบคุมลักษณะการทำงานของแต่ละบิตของข้อมูล ข้อเสียเปรียบสำคัญหนึ่งของของ CPL ไม่ก็ใหญ่เกินไปสำหรับใช้ในงานหลาย ๆ ในค.ศ. 1967, BCPL (พื้นฐานของ CPL) ถูกจัดสร้างเป็นรุ่นของ CPL ปรับสัดส่วนได้ลงในขณะที่ยังคง รักษาคุณสมบัติพื้นฐานของ ใน 1970 เคนทอมป์สัน ขณะทำงานที่ Bell Labs เอากระบวนการนี้ต่อไป โดยการพัฒนาภาษา B B มีการปรับสัดส่วนได้ลงรุ่น BCPL เขียนโดยเฉพาะเพื่อใช้ในการเขียนโปรแกรมระบบ สุดท้าย ในปี 1972 ผู้ร่วมงานของเคนทอมป์สัน เดนนิส Ritchie ส่งคืนของ generality พบใน BCPL ภาษา B ในกระบวนการพัฒนาภาษาเรารู้ตอนนี้เป็นคพลังงานและความยืดหยุ่นของ C จนกลายเป็นชัดเจน ด้วยเหตุนี้ ระบบปฏิบัติการ Unix ซึ่งเดิมถูกเขียนในภาษาแอสเซมบลี ได้เกือบทันทีอีกครั้งเขียนใน C (เฉพาะภาษาแอสเซมบลีรหัสต้อง "bootstrap" รหัส C ถูกเก็บไว้) ในช่วงเหลือของ 115, C กระจายไปทั่วหลายวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยของจะปิดความสัมพันธ์กับ Unix และพร้อมใช้งานของคอมไพเลอร์ C เร็ว ๆ นี้ หลายองค์กรต่าง ๆ เริ่มใช้รุ่น C ก่อให้เกิดความเข้ากันได้ปัญหาของตนเอง ตอบไปในปี 1983 อเมริกันแห่งชาติมาตรฐานสถาบัน (ANSI) ก่อตั้งคณะกรรมการสร้างข้อกำหนดมาตรฐานของ C ซึ่งเป็นที่รู้จักเป็น C. มาตรฐาน ANSI วันนี้ซีมีใช้อย่างแพร่หลายกับไลบรารีมาตรฐานหลากหลายฟังก์ชัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ประวัติC ที่ได้รับการพัฒนาห้องปฏิบัติการเบลล์ในปี 1972 โดยเดนนิสริตชี่ หลายของหลักการและความคิดที่ได้รับมาจากภาษาก่อนหน้านี้บีและบี BCPL บรรพบุรุษก่อนหน้านี้และ CPL CPL (รวมการเขียนโปรแกรมภาษา) ได้รับการพัฒนาโดยมีวัตถุประสงค์ของการสร้างภาษาที่มีความสามารถทั้งในระดับสูง, การเขียนโปรแกรมเครื่องที่เป็นอิสระและยังจะช่วยให้โปรแกรมเมอร์ที่จะควบคุมการทำงานของแต่ละบิตของข้อมูล อุปสรรคสำคัญหนึ่ง CPL ก็คือว่ามันมีขนาดใหญ่เกินไปสำหรับการใช้งานในหลาย ๆ โปรแกรม ในปี 1967 BCPL (Basic CPL) ถูกสร้างขึ้นเป็นรุ่นที่ลดขนาดลงของ CPL ในขณะที่ยังคงรักษาคุณสมบัติพื้นฐานของ ในปี 1970 เคน ธ อมป์สันขณะที่ทำงานที่เบลล์แล็บเอากระบวนการนี้ต่อไปโดยการพัฒนาภาษา B ขลดขนาดลงรุ่นของ BCPL เขียนเฉพาะสำหรับการใช้งานในการเขียนโปรแกรมระบบ ในที่สุดในปี 1972 เพื่อนร่วมงานของเคน ธ อมป์สัน, เดนนิสริตชี่กลับมาบางส่วนของทั่วไปที่พบใน BCPL ภาษา B ในขั้นตอนของการพัฒนาภาษาที่เรารู้ว่าตอนนี้ซีซีพลังและความยืดหยุ่นในเร็ว ๆ นี้ก็เห็นได้ชัด ด้วยเหตุนี้ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ซึ่งถูกเขียนขึ้นในภาษาประกอบเป็นเกือบจะในทันทีอีกครั้งเขียน C (เฉพาะรหัสภาษาประกอบที่จำเป็นในการ "บูต" รหัส C ถูกเก็บไว้) ในช่วงที่เหลือของปี 1970, C แผ่กระจายไปทั่ววิทยาลัยและมหาวิทยาลัยหลายแห่งเพราะมันเป็นความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับ Unix และความพร้อมของคอมไพเลอร์ C เร็ว ๆ นี้องค์กรที่แตกต่างกันหลายคนเริ่มใช้รุ่นของตัวเอง C ก่อให้เกิดปัญหาการทำงานร่วมกัน ในการตอบนี้ในปี 1983 มาตรฐานแห่งชาติของสถาบันอเมริกัน (ANSI) จัดตั้งคณะกรรมการเพื่อสร้างการกำหนดมาตรฐานของ C ซึ่งกลายเป็นที่รู้จักกันเป็นมาตรฐาน ANSI ซีซีวันนี้มีการใช้งานอย่างกว้างขวางกับห้องสมุดมาตรฐานที่อุดมไปด้วยฟังก์ชั่น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ประวัติศาสตร์

C ถูกพัฒนาขึ้นที่ห้องปฏิบัติการเบลล์ในปี 1972 โดย เดนนิส ริตชี . หลายของหลักการและแนวคิดที่นำมาจากภาษา B และ B ก่อนหน้านี้และก่อนหน้านี้บรรพบุรุษบีซีพีแ ล cpl CPL ( รวมภาษาการเขียนโปรแกรม ) ถูกพัฒนาขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ของการสร้างภาษานั้นมีความสามารถในระดับสูงเครื่องอิสระการเขียนโปรแกรมและจะยังคงให้โปรแกรมเมอร์เพื่อควบคุมพฤติกรรมของแต่ละบิตของข้อมูล หนึ่งข้อเสียเปรียบหลักของ CPL คือมีขนาดใหญ่เกินไปสำหรับใช้ในการใช้งานมาก ใน 1967 , บีซีพีแ ล ( CPL พื้นฐาน ) ที่ถูกสร้างขึ้นเป็นรุ่นลดขนาดลงของ CPL ในขณะที่ยังคงรักษาคุณสมบัติพื้นฐานของ ในปี 1970 , เคน ทอมสัน ขณะทำงานที่เบลล์แล็บส์เอากระบวนการนี้ต่อไปโดยการพัฒนาสองภาษา B เป็นรุ่นลดขนาดลงของบีซีพีแ ลเขียนเฉพาะสำหรับใช้ในการเขียนโปรแกรมระบบ ในที่สุดในปี 1972 , เพื่อนร่วมงานของเคน ทอมสัน เดนนิส ริตชี กลับบางส่วนของทั่วไปที่พบในบีซีพีแ ลภาษา กับ บี ในกระบวนการของการพัฒนา ภาษาที่เรารู้ว่าตอนนี้เป็นพลังและความยืดหยุ่นของ C .
b ในเร็ว ๆนี้กลายเป็นที่ชัดเจน . เพราะเหตุนี้ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ซึ่งถูกเขียนขึ้นในภาษาประกอบ , เกือบจะทันทีจะเขียนใน C ( เฉพาะภาษา Assembly code ต้อง " บูท " รหัส C ที่ถูกเก็บไว้ ) ในช่วงที่เหลือของปี 1970 , C แผ่กระจายไปทั่วหลายวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยเพราะมันใกล้ชิดกับ Unix และความพร้อมของ C คอมไพเลอร์ . เร็ว ๆ นี้หลายองค์กรเริ่มใช้รุ่นของตัวเองของ C ที่ก่อให้เกิดปัญหาความเข้ากันได้ ในการตอบสนองนี้ในปี พ.ศ. 2526 สถาบันมาตรฐานแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ( ANSI ) จัดตั้งคณะกรรมการสร้างนิยามมาตรฐานของ ANSI C ซึ่งกลายเป็นที่รู้จักในฐานะมาตรฐาน C วันนี้ C ในการใช้อย่างแพร่หลายด้วยมาตรฐานห้องสมุดที่อุดมไปด้วยของฟังก์ชัน