Serratia marcescens is a species of

Serratia marcescens is a species of Gram-negative bacterium. It has been widely known as a food-spoilage organism ( Abdour, 2003) and an insect pathogen ( Bahar and Demirbag, 2007). It is well known for its red pigmentation “prodigiosin” produced at temperatures below 30 °C. It has a unique ability to produce extracellular enzymes that have the ability to degrade chitin, a substance that mainly comprises fungal cell walls. These chitinolytic enzymes could have possible industrial and agricultural uses such as the introduction of these genes for chitin degrading enzymes into crops ( Hejazi and Falkiner, 1997). It had also been reported to promote plant growth by the production of antagonistic substances ( De Queiroz and De Melo, 2006), inducing resistance against plant pathogens ( Tilak et al., 2006) and solubilization of phosphates ( Tripura et al., 2007). In this respect, Khalid et al., 2004 and Verma et al., 2010 found that S. marcescens was able to produce higher values of all plant growth promotion traits (solubilize phosphate and produce IAA besides producing siderophore and HCN) that enhance plant growth and its productivity.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Serratia marcescens เป็นสปีชีส์ของแบคทีเรียแบคทีเรียแกรมลบ จะได้รับกันอย่างแพร่หลายเป็นสิ่งมีชีวิตเป็นอาหารเน่าเสีย (Abdour, 2003) และมีการศึกษาแมลง (Bahar และ Demirbag, 2007) เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับผิวคล้ำสีแดงของ "prodigiosin" ผลิตที่อุณหภูมิต่ำกว่า 30 องศาเซลเซียส มีความสามารถเฉพาะในการผลิตเอนไซม์ extracellular ที่มีความสามารถในการย่อยสลายไคทิน สารที่ประกอบด้วยผนังเซลล์เชื้อราส่วนใหญ่ เอนไซม์เหล่านี้ chitinolytic ได้ไปเกษตร และอุตสาหกรรมใช้เช่นนำยีนเหล่านี้สำหรับไคทินลดเอนไซม์ในพืช (Hejazi และ Falkiner, 1997) มันมียังรายงานเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช โดยการผลิตสารต่อต้าน (Queiroz De และ De Melo, 2006), inducing solubilization ของฟอสเฟต (ตรี et al., 2007) และความต้านทานต่อโรคพืช (ทิลัคและ al., 2006) ในความ เคารพ คาลิด et al., 2004 และ al. Verma ร้อยเอ็ด 2010 พบว่า S. marcescens ได้ผลิตสูงค่าของลักษณะส่งเสริมการเจริญเติบโตพืชทั้งหมด (solubilize ฟอสเฟต และผลิต IAA นอกจากผลิต siderophore และ HCN) ที่สนับสนุนการเจริญเติบโตของพืชและผลผลิตของการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

Serratia marcescens เป็นสายพันธุ์ของเชื้อแบคทีเรียแกรมลบ มันเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นสิ่งมีชีวิตอาหารเน่าเสีย (Abdour, 2003) และเชื้อโรคแมลง (Bahar และ Demirbag 2007) เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับสีแดง "prodigiosin" ผลิตที่อุณหภูมิต่ำกว่า 30 องศาเซลเซียส มันมีความสามารถพิเศษในการผลิตเอนไซม์ที่มีความสามารถในการย่อยสลายไคตินซึ่งเป็นสารที่ส่วนใหญ่ประกอบด้วยผนังเซลล์ของเชื้อรา เอนไซม์เหล่านี้ chitinolytic อาจมีความเป็นไปได้และใช้ในอุตสาหกรรมการเกษตรเช่นการแนะนำของยีนเหล่านี้ไคตินเอนไซม์ย่อยสลายลงในพืช (Hejazi และ Falkiner, 1997) มันได้รับการรายงานในการส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชจากการผลิตของสารปฏิปักษ์ (เดอ Queiroz และเดอ Melo, 2006) การกระตุ้นให้เกิดความต้านทานต่อเชื้อสาเหตุโรคพืช (ลัก et al., 2006) และละลายฟอสเฟต (ตริปุระ et al., 2007) . ในการนี​​้ป et al., 2004 และ Verma et al., 2010 พบว่า marcescens เอสก็สามารถที่จะผลิตที่สูงขึ้นของค่าลักษณะการส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชทั้งหมด (ละลายฟอสเฟตและผลิต IAA นอกเหนือจากการผลิตและ siderophore HCN) ที่ส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช และผลผลิตของมัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เซอร์ราเทีย marcescens เป็นสายพันธุ์ของแบคทีเรียแกรมลบ . มันได้ถูกรู้จักกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นการเน่าเสียอาหารอินทรีย์ ( abdour , 2003 ) และแมลงเชื้อโรค ( Bahar และ demirbag , 2007 ) มันเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับสีแดง " prodigiosin " ผลิตที่อุณหภูมิต่ำกว่า 30 องศา มันมีความสามารถพิเศษในการสร้างเอนไซม์ภายนอกเซลล์ที่มีความสามารถในการย่อยสลายไคติน ,สารที่ส่วนใหญ่ประกอบด้วยผนังเซลล์ . เอนไซม์ chitinolytic เหล่านี้จะใช้ในอุตสาหกรรม และการเกษตรได้ เช่น ความรู้เบื้องต้นของยีนเหล่านี้ย่อยสลายไคติน ( hejazi เอนไซม์ในพืช และฟอล์กคีเนอร์ , 1997 ) มันยังได้รับการรายงานเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช โดยการผลิตสารปฏิปักษ์ ( เดอ เคยรอซและ De Melo , 2006 )กระตุ้นความต้านทานต่อเชื้อโรคพืช ( ติ et al . , 2006 ) และการสกัดของฟอสเฟต ( ตรีปุระ et al . , 2007 ) ในการนี้ คาลิด et al . , 2004 และ verma et al . , 2010 พบว่า S .marcescens สามารถผลิตค่าสูงกว่าทุกลักษณะการส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช ( solubilize ฟอสเฟตและผลิตไซเดอโรฟอร์เอ นอกเหนือจากการผลิตและการเจริญเติบโตของพืชและกรดไฮโดรไซยานิก ) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ