In 20 years, students will expect m

In 20 years, students will expect more of a mentoring relationship from their teachers, which is not the norm in schools today. Since more students will be learning and gathering information without attending school in person, future teachers will have to embrace various ways of staying connected and engaging with their students via social media, online communities, Google Hangouts, Twitter chats and more to stay connected with students.

Schools will have to offer more ways for students to gain real-world experience that is applicable to their future careers. Schools should provide opportunities for students to intern at companies, mentor marginalized youth or collaborate in large groups, for example. Rather than limiting students inside a classroom, schools can create more opportunities for students to gain useful technical skills through real-world application.

Many schools now have one-to-one devices or are heading in that direction. Our future challenge relates to students using technology — if we look at technology as just a better tool to administer and grade tests, then we’ll have missed the boat. Presently, cell phones and social media are still frowned upon in the classroom in some areas of the country. In 20 years, schools will have advanced technology in the classroom to complement teachers’ lessons. For example, a science class may cover 3D printing and how it can be used to replicate prosthetic limbs to change someone’s life.

The technology is here now, but will we have the culture and pedagogy that optimizes the true impact of student technology use? In 20 years, I say yes. Hopefully, our pedagogy changes sooner.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ใน 20 ปี นักเรียนจะคาดหวังความสัมพันธ์ให้คำปรึกษาจากครูผู้สอน เพิ่มเติมซึ่งไม่ปกติในโรงเรียนวันนี้ ตั้งแต่นักจะเรียนรู้ และรวบรวมข้อมูลโดยไม่ต้องเข้าเรียนในคน ครูในอนาคตจะต้องโอบกอดวิธีในการเชื่อมต่อ และส่วนร่วมกับนักเรียนผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ ชุมชนออนไลน์ Google แฮงเอาท์ แช Twitter และอื่น ๆ เชื่อมต่อกับนักเรียนโรงเรียนจะต้องมีวิธีเพิ่มเติมสำหรับนักเรียนได้รับประสบการณ์จริงที่เกี่ยวข้องกับอาชีพในอนาคต โรงเรียนควรให้โอกาสสำหรับนักเรียนในฐานะที่บริษัท ที่ปรึกษาเยาวชนไม่กล้าเปิดตัว หรือทำงานร่วมกันในกลุ่มขนาดใหญ่ เช่น แทนที่จะจำกัดนักเรียนภายในห้องเรียน โรงเรียนสามารถสร้างโอกาสเพิ่มเติมสำหรับนักเรียนที่จะได้รับประโยชน์ทางเทคนิคทักษะผ่านแอพลิเคชันจริงหลายโรงเรียนตอนนี้มีอุปกรณ์หนึ่งต่อหนึ่ง หรือมุ่งหน้าไปในทิศทางที่ ความท้าทายในอนาคตของเราที่เกี่ยวข้องกับนักเรียนที่ใช้เทคโนโลยี — ถ้าเรามองไปที่เทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือที่ดีในการจัดการ และเกรดการทดสอบ แล้วเราจะพลาดโอกาส ปัจจุบัน โทรศัพท์มือถือและสื่อสังคมออนไลน์จะยังคงนรถไฟในชั้นเรียนในบางพื้นที่ของประเทศ ใน 20 ปี โรงเรียนจะมีสูงเทคโนโลยีในห้องเรียนเพื่อเสริมบทเรียนครู ตัวอย่างเช่น ชั้นเรียนวิทยาศาสตร์อาจครอบคลุมพิมพ์ 3 มิติและวิธีจะสามารถใช้การจำลองแบบแขนขาเทียมเพื่อเปลี่ยนชีวิตของคนเทคโนโลยีเป็นที่นี่ตอนนี้ แต่เราจะมีวัฒนธรรมและการสอนที่เพิ่มผลกระทบจริงของนักเรียนได้ใช้เทคโนโลยี ใน 20 ปี ผมบอกว่า ใช่ หวังว่า การศึกษาของเราเปลี่ยนแปลงเร็ว

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในรอบ 20 ปีนักเรียนจะคาดหวังมากขึ้นของความสัมพันธ์ให้คำปรึกษาจากครูของพวกเขาซึ่งไม่ได้เป็นบรรทัดฐานในโรงเรียนในวันนี้ ตั้งแต่นักเรียนจะได้เรียนรู้และรวบรวมข้อมูลโดยไม่ต้องเข้าเรียนในโรงเรียนในคนครูผู้สอนในอนาคตจะมีการโอบกอดรูปแบบต่างๆของการเชื่อมต่อและการมีส่วนร่วมกับนักเรียนของพวกเขาผ่านทางสื่อสังคมชุมชนออนไลน์ของ Google แฮงเอาท์, แชททวิตเตอร์และอื่น ๆ ที่จะอยู่ต่อกับนักเรียน .

โรงเรียนจะต้องมีวิธีการมากขึ้นเพื่อให้นักเรียนได้รับประสบการณ์จริงของโลกที่มีผลบังคับใช้กับอาชีพในอนาคต โรงเรียนควรให้โอกาสสำหรับนักเรียนที่จะฝึกงานที่ บริษัท ให้คำปรึกษาเยาวชนชายขอบหรือทำงานร่วมกันในกลุ่มขนาดใหญ่เช่น แทนที่จะ จำกัด นักเรียนภายในห้องเรียนโรงเรียนสามารถสร้างโอกาสมากขึ้นสำหรับนักเรียนที่จะได้รับทักษะทางเทคนิคที่มีประโยชน์ผ่านการประยุกต์ใช้จริงในโลก.

โรงเรียนหลายแห่งในขณะนี้มีหนึ่งต่อหนึ่งอุปกรณ์หรือกำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางนั้น ความท้าทายในอนาคตของเราเกี่ยวข้องกับนักเรียนโดยใช้เทคโนโลยี - ถ้าเรามองไปที่เทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือที่ดีกว่าในการจัดการและการทดสอบคะแนนแล้วเราจะได้รับเรือ ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือและสื่อสังคมจะยังคงขมวดคิ้วเมื่อในห้องเรียนในบางพื้นที่ของประเทศ ในรอบ 20 ปีโรงเรียนจะมีเทคโนโลยีขั้นสูงในการสอนในชั้นเรียนเพื่อเสริมบทเรียนของครู ยกตัวอย่างเช่นชั้นเรียนวิทยาศาสตร์อาจครอบคลุมถึงการพิมพ์ 3 มิติและวิธีที่จะสามารถนำมาใช้ในการทำซ้ำขาเทียมที่จะเปลี่ยนชีวิตของใครบางคน.

เทคโนโลยีอยู่ที่นี่ตอนนี้ แต่เราจะมีวัฒนธรรมและการเรียนการสอนที่เพิ่มประสิทธิภาพผลกระทบที่แท้จริงของการใช้เทคโนโลยีของนักเรียน? ในรอบ 20 ปีที่ผมบอกว่าใช่ หวังว่าการเรียนการสอนของเรามีการเปลี่ยนแปลงเร็ว

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

20 ปี นักศึกษาจะคาดหวังมากขึ้นจากความสัมพันธ์ mentoring จากครูของพวกเขาซึ่งไม่ได้เป็นบรรทัดฐานในโรงเรียนวันนี้ เพราะนักเรียนจะได้เรียนรู้และรวบรวมข้อมูลโดยไม่ต้องเรียนเอง ครูในอนาคตจะต้องโอบกอดวิธีการต่างๆของการต่อเชื่อมต่อและมีส่วนร่วมกับนักเรียนของพวกเขาผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ชุมชน , Google Hangouts , สนทนา Twitter และอื่น ๆที่จะเชื่อมต่อกับนักเรียนโรงเรียนจะต้องเสนอวิธีการเพิ่มเติมให้นักเรียนได้รับประสบการณ์จริงของโลกที่เกี่ยวข้องกับอาชีพของพวกเขาในอนาคต โรงเรียนควรเปิดโอกาสให้นักศึกษาฝึกงานที่ บริษัท ที่ปรึกษาเยาวชนชายขอบหรือร่วมมือในกลุ่มขนาดใหญ่เช่น แทนที่จะจำกัดนักเรียนภายในห้องเรียน โรงเรียนสามารถสร้างโอกาสมากขึ้นสำหรับนักเรียนที่จะได้รับทักษะทางเทคนิคที่มีประโยชน์ผ่านโปรแกรมที่เป็นจริงหลายโรงเรียนตอนนี้ได้อุปกรณ์แบบหนึ่งต่อหนึ่ง หรือจะเดินไปในทิศทางไหน ความท้าทายอนาคตของเราเกี่ยวข้องกับนักเรียนที่ใช้เทคโนโลยี - ถ้าเราดูที่เทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือที่จะดำเนินการและการทดสอบเกรดดีขึ้น เราก็จะพลาดเรือ ปัจจุบัน โทรศัพท์มือถือและสื่อสังคมยังขมวดคิ้ว ในห้องเรียน ในบางพื้นที่ของประเทศ ใน 20 ปี โรงเรียนจะมีเทคโนโลยีขั้นสูงในชั้นเรียนเพื่อเสริมบทเรียน ครู ตัวอย่างเช่น การเรียนวิทยาศาสตร์อาจครอบคลุมการพิมพ์ 3 มิติและวิธีที่สามารถใช้เพื่อเลียนแบบแขนขาเทียมเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตของใครบางคนเทคโนโลยี มาอยู่ที่นี่แล้ว แต่เราจะมีวัฒนธรรมและการสอนที่เพิ่มผลกระทบที่แท้จริงของการใช้เทคโนโลยีของนักเรียน ? ใน 20 ปี ฉันบอกว่าใช่ หวังว่าของเราบรรยากาศของโลกเปลี่ยนแปลงเร็ว