Typhoid fever is a serious problem

Typhoid fever is a serious problem for the public health of both underdeveloped and developing countries. It is a bacterial illness caused by Salmonella typhi (S. typhi), also known as Salmonella enterica serotype Typhi, a Gram-negative rod found only in humans. Each year, around 16 million incidences of typhoid are reported worldwide, resulting in an estimated 600,000 deaths [1,2]. The transmission of typhoid fever may occur through several pathways, such as by contact with infected individuals and by eating food or by drinking water that is contaminated with typhoid bacteria. Following ingestion, the bacteria spread from the intestine via the bloodstream to the intestinal lymph nodes and other areas of the body where they multiply. The symptoms of this illness are characterized by the sudden onset of sustained fever, severe headache, loss of appetite, and either constipation or mild diarrhea. Samples of urine or blood are used to check the presence of S. typhi, which is the only way to ensure that the observed illness is typhoid fever [3]. Therefore, the determination of S. typhi in urine or blood plays an important role in clinical research and diagnosis of typhoid fever. Furthermore, a person who recovers from typhoid fever may still become an asymptomatic carrier who can infect others. Thus, the level of S. typhi in the patient’s urine or blood after recovery should be continuously monitored in order to control the spread of this epidemic disease. Classical methods are usually used to detect S. typhi, including culturing [4,5], serological methods, such as slide agglutination and the Widal test [6], and polymerase chain reaction (PCR) [7,8]. Even though these methods can provide highly sensitive results for both qualitative and quantitative analysis, they are quite labor- and time-intensive to perform due to the pre-enrichment, isolation, and amplification steps of the bacterial cells.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ไข้รากสาดน้อยเป็นปัญหาสาธารณสุขของประเทศที่ยังด้อยพัฒนา และกำลังพัฒนาอย่างจริงจัง เป็นโรคแบคทีเรียที่เกิดจากซัล typhi (S. typhi) หรือที่เรียกว่า ซัล enterica serotype Typhi เป็นแบคทีเรียแกรมลบร็อดที่พบเฉพาะในมนุษย์ แต่ละปี incidences ประมาณ 16 ล้านของรากสาดมีรายงานทั่วโลก ผลการประเมิน 600000 เสียชีวิต [1, 2] ส่งไข้ไทฟอยด์อาจเกิด โดยมนต์หลาย เช่น โดยติดต่อ กับบุคคลที่ติดเชื้อ และ โดยการกินอาหาร หรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อน ด้วยแบคทีเรียรากสาด ต่อกิน แบคทีเรียที่แพร่กระจายจากลำไส้ผ่านทางกระแสเลือดกับโหนดน้ำเหลืองลำไส้และส่วนอื่น ๆ ของร่างกายที่จะคูณ อาการของโรคนี้มีลักษณะ โดยเริ่มมีอาการฉับพลันของ sustained ไข้ ปวด สูญเสียความอยาก อาหาร และท้องผูก หรือท้องเสียไม่รุนแรง ตัวอย่างของปัสสาวะหรือเลือดใช้เพื่อตรวจสอบสถานะของ S. typhi ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่จะให้แน่ใจว่าเจ็บป่วยพบไข้ไทฟอยด์ [3] ดังนั้น ความมุ่งมั่นของ s ได้ typhi ในปัสสาวะหรือเลือดมีบทบาทสำคัญในการวิจัยทางคลินิกและการวินิจฉัยโรคไข้รากสาดน้อย นอกจากนี้ บุคคลที่กู้คืนจากไข้ไทฟอยด์อาจยังคงเป็น ผู้ขนส่งที่แสดงอาการผู้ติดเชื้ออื่น ๆ ดังนั้น S. typhi ในปัสสาวะของผู้ป่วยหรือเลือดหลังจากกู้คืนระดับควรจะอย่างต่อเนื่องตรวจสอบเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของโรคนี้ติดต่อ วิธีคลาสสิกมักจะใช้ตรวจพบ S. typhi รวม culturing [4,5], วิธีการชุก เช่นภาพนิ่ง agglutination และ Widal ทดสอบ [6], และปฏิกิริยาลูกโซ่พอลิเมอเรส (PCR) [7,8] แม้ว่าวิธีการเหล่านี้สามารถให้ผลลัพธ์ที่มีความไวสูงทั้งเชิงคุณภาพ และการวิเคราะห์เชิงปริมาณ พวกเขาจะค่อนข้างแรงงาน - และเวลาเร่งรัดการดำเนินการเนื่องจากโดดเด่นก่อน แยก และขั้นตอนการขยายของเซลล์แบคทีเรีย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ไข้ไทฟอยด์เป็นปัญหาร้ายแรงสำหรับสุขภาพของประชาชนของทั้งสองประเทศด้อยพัฒนาและกำลังพัฒนา มันเป็นโรคแบคทีเรียที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง (S. typhi) หรือที่เรียกว่าเชื้อ Salmonella enterica Typhi serotype, ก้านแกรมลบที่พบเฉพาะในมนุษย์ แต่ละปีประมาณ 16 ล้านอุบัติการณ์ของไทฟอยด์จะมีการรายงานทั่วโลกที่มีผลในการเสียชีวิตประมาณ 600,000 [1,2] ส่งไข้ไทฟอยด์อาจเกิดขึ้นผ่านทางเดินที่หลายเช่นโดยการติดต่อกับบุคคลที่ติดเชื้อและจากการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนด้วยเชื้อแบคทีเรียไทฟอยด์ ต่อไปนี้การกินแบคทีเรียแพร่กระจายจากลำไส้ผ่านทางกระแสเลือดไปยังต่อมน้ำเหลืองในลำไส้และพื้นที่อื่น ๆ ของร่างกายที่พวกเขาคูณ อาการของโรคนี้มีลักษณะการโจมตีอย่างฉับพลันของไข้ที่ยั่งยืน, ปวดศีรษะอย่างรุนแรงสูญเสียความกระหายและอาจมีอาการท้องผูกหรือท้องเสียที่ไม่รุนแรง ตัวอย่างของปัสสาวะหรือเลือดที่ใช้ในการตรวจสอบสถานะของ S. typhi ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่จะให้แน่ใจว่าการเจ็บป่วยที่พบเป็นไข้รากสาด [3] ดังนั้นการตัดสินใจของเอส typhi ในปัสสาวะหรือเลือดมีบทบาทสำคัญในการวิจัยทางคลินิกและการวินิจฉัยของไข้ไทฟอยด์ นอกจากนี้คนที่ฟื้นจากไข้ไ​​ทฟอยด์ยังอาจกลายเป็นผู้ให้บริการที่ไม่มีอาการที่สามารถติดเชื้ออื่น ๆ ดังนั้นระดับของ S. typhi ในปัสสาวะของผู้ป่วยหรือเลือดหลังจากการกู้คืนควรจะตรวจสอบอย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของโรคระบาดนี้ วิธีการที่คลาสสิกมักจะถูกนำมาใช้ในการตรวจสอบ S. typhi รวมทั้งการเพาะเลี้ยง [4,5] วิธีทางภูมิคุ้มกันเช่นสไลด์เกาะติดกันและการทดสอบ Widal [6] และปฏิกิริยาลูกโซ่โพลิเมอร์ (PCR) [7,8] ถึงแม้ว่าวิธีการเหล่านี้สามารถให้ผลลัพธ์ที่มีความไวสูงในการวิเคราะห์ทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณพวกเขาจะค่อนข้างใช้แรงงานและเวลามากในการดำเนินการเนื่องจากขั้นตอนก่อนการตกแต่ง, การแยกและการขยายของเซลล์แบคทีเรีย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ไทฟอยด์ไข้เป็นปัญหาร้ายแรงต่อสุขภาพของประชาชน ทั้งการพัฒนาและการพัฒนาประเทศ มันเป็นเชื้อแบคทีเรียโรคที่เกิดจากเชื้อไทฟอยด์ ( S . ไทฟอยด์ ) , ยังเป็นที่รู้จัก enterica หรือได้รับเชื้อ , แบคทีเรียแกรมลบ ร็อด ที่พบเฉพาะในมนุษย์ ในแต่ละปี ประมาณ 16 ล้านอุบัติการณ์ของไข้ไทฟอยด์มีรายงานทั่วโลก ส่งผลให้ประมาณการ 600000 ความตาย [ 1 , 2 ]การติดต่อของโรคไข้รากสาดอาจเกิดขึ้นผ่านหลายเส้นทาง เช่น โดยการติดต่อกับบุคคลที่ติดเชื้อและโดยการรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนด้วยแบคทีเรียไทฟอยด์ . ต่อไปนี้การกินแบคทีเรียที่แพร่กระจายจากลำไส้ผ่านทางกระแสเลือดไปยังลำไส้ ต่อมน้ำเหลือง และพื้นที่อื่น ๆของร่างกายที่พวกเขาคูณอาการของโรคนี้มีลักษณะการโจมตีอย่างฉับพลันของยั่งยืนไข้ ปวดศีรษะรุนแรง เบื่ออาหาร ท้องผูก หรือท้องเสีย อาจไม่รุนแรง . ตัวอย่างของปัสสาวะหรือเลือดจะถูกใช้เพื่อตรวจสอบสถานะของประเทศสหรัฐ ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่จะให้แน่ใจว่าได้ป่วยเป็นไทฟอยด์ไข้ [ 3 ] ดังนั้น การกำหนด .ไทฟอยด์ในปัสสาวะหรือเลือด มีบทบาทสำคัญในการวิจัยทางคลินิกและการวินิจฉัยไข้ไทรอยด์ นอกจากนี้ ผู้ที่หายจากโรคไข้ รากสาดยังอาจเป็นพาหะของโรคที่สามารถติดต่อไปยังผู้อื่น ดังนั้นระดับของ S . ไทฟอยด์ในคนไข้ปัสสาวะหรือเลือดหลังหายควรตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคนี้ระบาดวิธีคลาสสิกมักจะใช้เพื่อตรวจหาเอสที่ได้รับ รวมถึงการเพาะเลี้ยง [ 4 , 5 ] วิธีการผลิต เช่น เทียนขาว สไลด์ และ widal ทดสอบ [ 6 ] และวิธีพีซีอาร์ ( PCR ) [ 7 , 8 ) ถึงแม้ว่าวิธีการเหล่านี้สามารถให้ผลความไวสูงสำหรับการวิเคราะห์ทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ พวกเขาจะค่อนข้างแรงและเข้มข้นที่จะดำเนินการ เนื่องจากก่อนการ แยกและขยายขั้นตอนของเซลล์แบคทีเรีย .