Empirical studies on savings behavi

Empirical studies on savings behavior have tested the permanent income hypothesis (e.g. Kelley and Williamson (1968), Gupta (1970 a, b)), the life-cycle theory (Ando and Modigliani(1963)), and have explored the effects of many variables on the saving rate, including demographic factors such as age groups (Kelley and Williamson (1968)), birth rates (Leff (1969 and 1971)) and dependency ratios (Gupta (1971)), as well as financial variables such as interest rates (Ouliaris (1981)) and inflation rates (Koskela and Viren (1985)). Many studies have focused on analyzing savings behavior for groups of countries and regions (see, for instance, Edwards (1996), Dayal-Gulhati & Thimann (1997) and Metin- Ozcan and Ozcan (2000)), whereas some papers have focused on the determinants of savings in a single country (Ortmeyer (1985), Aron and Muellbauer (2000)). This latter approach is useful for providing a fuller picture of the determinants of the savings rate when a country has relatively strong data. Among developing countries, Turkey can be considered as a reasonably good choice in this respect, since it is one of the few countries for which the available data span a relatively longer time period and are more reliable. Moreover, understanding private savings in a developing country such as Turkey is particularly useful, since developing countries need to create the funds necessary for investment and to mobilize public and private savings for speedy development. In this respect, the current paper can provide some policy implications.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การศึกษาเชิงประจักษ์ในลักษณะการทำงานประหยัดได้ทดสอบสมมุติฐานรายได้ถาวร (เช่น Kelley และวิลเลียมสัน (1968), กุปตา (ปี 1970, b)), ทฤษฎีวงจรชีวิต (Ando และ Modigliani(1963)) และมีสำรวจผลกระทบของตัวแปรจำนวนมากราคาประหยัด รวมทั้งปัจจัยทางประชากรศาสตร์เช่นอายุ (Kelley และวิลเลียมสัน (1968)), ราคา (Leff (1969 และค.ศ. 1971)) และอัตราส่วนพึ่งพา (คุปตะ (1971)) รวมทั้งตัวแปรการเงินเช่นอัตราดอกเบี้ย (Ouliaris (1981)) และอัตราเงินเฟ้อ (Koskela และวิเรน (1985)) การศึกษาจำนวนมากได้มุ่งเน้นในการวิเคราะห์พฤติกรรมการออมสำหรับกลุ่มประเทศและภูมิภาค (ดู เช่น เอ็ดเวิร์ด (1996), ดายัล Gulhati & Thimann (1997) และ Metin - Ozcan และ Ozcan (2000)), ในขณะที่เอกสารบางเน้นดีเทอร์มิแนนต์ของเงินออมในประเทศเดียว (Ortmeyer (1985), เอ และ Muellbauer (2000)) วิธีการหลังนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับประเทศมีข้อมูลค่อนข้างแข็งแรงทำให้รูปฟูลเลอร์ดีเทอร์มิแนนต์ของราคาประหยัด ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ตุรกีถือได้ว่าเป็นทางเลือกดีพอสมควรในแง่นี้ เพราะมันเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ ข้อมูลมีช่วงระยะเวลาค่อนข้างนาน และน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ ความเข้าใจส่วนตัวออมในประเทศกำลังพัฒนาเช่นประเทศตุรกีมีประโยชน์มาก เนื่องจากประเทศกำลังพัฒนาต้อง การสร้างเงินจำเป็นสำหรับการลงทุน และ เพื่อระดมการออม และเอกชนเพื่อการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ในแง่นี้ กระดาษปัจจุบันสามารถให้บางผลกระทบนโยบาย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษาเชิงประจักษ์เกี่ยวกับพฤติกรรมการออมที่มีการทดสอบสมมติฐานรายได้ถาวร (เช่นเคลลี่และวิลเลียมสัน (1968) แคนด์ (1970 A, B)) ทฤษฎีวงจรชีวิต (Ando และ Modigliani (1963)) และมีการสำรวจผลกระทบของหลาย ๆ ตัวแปรในอัตราการออมรวมทั้งปัจจัยทางด้านประชากรศาสตร์เช่นกลุ่มอายุ (เคลลี่และวิลเลียมสัน (1968)) อัตราการเกิด (Leff (1969 และ 1971)) และอัตราส่วนการพึ่งพา (Gupta (1971)) เช่นเดียวกับตัวแปรทางการเงินเช่นดอกเบี้ย อัตราค่าบริการ (Ouliaris (1981)) และอัตราเงินเฟ้อ (Koskela และ Viren (1985)) การศึกษาหลายแห่งได้มุ่งเน้นการวิเคราะห์พฤติกรรมการออมสำหรับกลุ่มประเทศและภูมิภาค (ดูตัวอย่างเช่นเอ็ดเวิร์ดส์ (1996), Dayal-Gulhati & Thimann (1997) และ Metin- Ozcan และ Ozcan (2000)) ในขณะที่เอกสารบางส่วนได้มุ่งเน้นไปที่ ปัจจัยของการออมในประเทศเดียว (Ortmeyer (1985), อารอนและ Muellbauer (2000)) วิธีหลังนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับให้ภาพฟูลเลอร์ของปัจจัยของอัตราการออมเมื่อประเทศที่มีข้อมูลที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ในบรรดาประเทศกำลังพัฒนา, ตุรกีถือได้ว่าเป็นทางเลือกที่ดีพอสมควรในแง่นี้เพราะมันเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ข้อมูลที่มีช่วงระยะเวลาที่ค่อนข้างนานและมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น นอกจากนี้เงินฝากออมทรัพย์ส่วนตัวเข้าใจในประเทศที่กำลังพัฒนาเช่นตุรกีเป็นประโยชน์อย่างยิ่งเนื่องจากประเทศกำลังพัฒนาจำเป็นต้องสร้างเงินทุนที่จำเป็นสำหรับการลงทุนและการระดมเงินฝากออมทรัพย์ของรัฐและเอกชนในการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ในแง่นี้กระดาษในปัจจุบันสามารถให้ผลกระทบนโยบายบางอย่าง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การศึกษาเชิงประจักษ์ต่อพฤติกรรมการออมมีการทดสอบสมมติฐานรายได้ถาวร ( เช่น เคลลี่ วิลเลียมสัน ( 1968 ) และ Gupta ( 1970 , B ) ) , ทฤษฎีวงจรชีวิต ( อันโดและ Modigliani ( 1963 ) และได้ศึกษาผลของตัวแปรหลายอัตราการออม รวมทั้งปัจจัยทางด้านประชากร เช่น อายุ ( เคลลี่ และ วิลเลียมสัน ( 1968 ) , อัตราเกิด ( เลฟ ( 1969 และ 1971 ) และอัตราส่วนการพึ่งพา ( Gupta ( 1971 ) , เช่นเดียวกับตัวแปรทางการเงิน เช่น อัตราดอกเบี้ย ( ouliaris ( 1981 ) และอัตราเงินเฟ้อ ( koskela และ viren ( 1985 ) หลายการศึกษาได้เน้นศึกษาพฤติกรรมการออมของกลุ่มประเทศและภูมิภาค ( ดู เช่น เอ็ดเวิร์ดส์ ( 1996 ) gulhati dayal & thimann ( 1997 ) และ metin - ซกัน และซกัน ( 2000 ) ) ส่วนเอกสารบางอย่างได้มุ่งเน้นปัจจัยกำหนดการออมในประเทศเดียว ( ortmeyer ( 1985 ) , แอรอน และ muellbauer ( 2000 ) แบบหลังนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับการให้ภาพฟูลเลอร์ของปัจจัยของอัตราการออม เมื่อประเทศมีข้อมูลที่ค่อนข้างแข็งแรง ในการพัฒนาประเทศ ตุรกี ถือได้ว่าเป็นทางเลือกที่ดีพอสมควรในส่วนนี้ เนื่องจากมันเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ข้อมูลช่วงระยะเวลาค่อนข้างยาว และมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น นอกจากนี้ความเข้าใจออมทรัพย์ส่วนบุคคลในการพัฒนาประเทศ เช่น ตุรกี เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะการพัฒนาประเทศ ต้องสร้างทุนที่จำเป็นสำหรับการลงทุน และการระดมเงินภาครัฐและเอกชนเพื่อการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ในการนี้กระดาษในปัจจุบันสามารถให้ความหมายบางนโยบาย