วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ปีที่ 22 ฉบับที่ 2 มีนาคม - สิงหาคม 2554 PAGE 80
บทความวิชาการ
* พยาบาลวิชาชีพชำ นาญการ ภาควิชาการพยาบาลเด็ก ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี
การใช้เครื่องช่วยหายใจในผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
(Mechanical Ventilator in Patients with COPD)
สุปราณี ฉายวิจิตร, พย.ม. (การบริหารการพยาบาล) *
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (chronic obstructive
pulmonarydisease; COPD) เป็นกลุ่มโรคที่มีการตีบแคบ
หรืออุดกั้นของทางเดินหายใจ จากการที่หลอดลม
อักเสบเฉียบพลัน มีการบวม มีเสมหะ เกิดหลอดลมตีบ
มีอากาศค้างในถุงลมปอดมากขึ้น กะบังลมถูกดันลง และ
กล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจอ่อนแรง เพิ่มงานในการหายใจ
จนมีการคั่งของคาร์บอนไดออกไซด์การอุดกั้นของ
ทางเดินหายใจมีผลให้การแลกเปลี่ยนออกซิเจนน้อยลง
และทำให้เกิดภาวะการหายใจล้มเหลว ซึ่งเป็นผลมาจาก
ความไม่สัมพันธ์กันระหว่างการไหลเวียนอากาศและ
การแลกเปลี่ยนอากาศ (ventilation-perfusionmismatch)
โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังที่มีการกำเริบ
เฉียบพลันของโรค (acute exacerbation) ซึ่งผู้ป่วย
จะมีอาการเหนื่อยเพิ่มขึ้นกว่าเดิมในระยะเวลาอันสั้น
อาจจะเป็นวันถึงสัปดาห์มีการใช้กล้ามเนื้อช่วยหายใจ
(accessory muscle) มากขึ้น หรือมีอาการแสดง
ของกล้ามเนื้อหายใจอ่อนแรง เช่น หายใจเข้าท้องยุบ
(abdominal paradox) ชีพจรมากกว่า 120 ครั้ง/นาที
(คณะทำงานพัฒนาแนวปฏิบัติบริการสาธารณสุข
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง, 2553) ค ่าความอิ่มตัวของ
ออกซิเจนในเลือด (oxygen saturation; SaO2)
น้อยกว่า 90% หรือค ่าความดันย ่อยออกซิเจน
(PaO2) น้อยกว่า 60 มม.ปรอท ค ่าความดันย ่อย
คาร์บอนไดออกไซด์(PaCO2) มากกว่า45-60 มม.ปรอท
และ pH น้อยกว่า 7.36 ซึม สับสน หรือหมดสติและ/
หรือมีปริมาณเสมหะเพิ่มขึ้น หรือมีเสมหะเปลี่ยนสี
(purulent sputum) จำเป็นจะต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
(GOLD Executive Committee, 2010)
ในการแก้ไขภาวะพร่องออกซิเจนในผู้ป่วยกลุ่มนี้
มีแนวทางการปฏิบัติโดยการให้ออกซิเจนในปริมาณไม่มาก
เช่น การให้ออกซิเจนทางจมูก (oxygen cannula)
1-2 ลิตร/นาทีโดยปกติให้สัดส ่วนของออกซิเจน
ในการหายใจเข้า (FiO2) 0.4-0.6 ก็เพียงพอ โดยรักษา
ระดับความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดให้อยู่ในช่วง
88-92% นอกจากนี้ในการดูแลผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้น
เรื้อรังยังมีหลักปฏิบัติเพื่อการป้องกันหรือลดภาวะการเกิด
อากาศค้างในถุงลมปอด (dynamic hyperinflation)
ซึ่งทำให้มีการคั่งของคาร์บอนไดออกไซด์โดยหลักปฏิบัติ
ที่สำคัญมี3 ประการ ดังนี้(จิตลัดดา ดีโรจนวงศ์, 2548)
1. การลดปริมาตรการแลกเปลี่ยนอากาศ
(minute ventilation) อาจทำได้โดยลดปริมาตร
อากาศในการหายใจเข้าหรือออก (tidal volume)
ลดอัตราการหายใจ หรือทั้งสองอย่าง โดยอาจยอมให้
มีการคั่งของคาร์บอนไดออกไซด์ในร่างกาย (permissive
hypercapnia)
2. การเพิ่มเวลาการหายใจออก (expiratory
time)สามารถทำได้โดยการเพิ่มอัตราการไหลของอากาศ
(inspiratory flow) และการลดการหยุดหายใจในช่วงท้าย
ของการหายใจเข้า (end inspiratory pause)
3. การลดแรงต้านทานในหลอดลม (airway
resistance) โดยใช้ยาขยายหลอดลมประเภทสเตียรอยด์
และการลดแรงต้านทานในท่อช่วยหายใจ ซึ่งทำได้โดย
Journal of Phrapokklao Nursing College Vol.22 No.2 March - August 2011 PAGE 81
การใช้ท่อช่วยหายใจที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่ขึ้น
การใช้เครื่องช่วยหายใจในผู้ป่วยโรคนี้จึงมีความจำเป็น
ในการช่วยรักษาชีวิตของผู้ป่วย แต่ในขณะเดียวกัน
ก็อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ตามมาได้เช่น
ภาวะที่มีลมรั่วออกนอกถุงลม (barotraumas)
ความดันเลือดต่ำจากการเพิ่มความดันในช ่องอก
(ทนันชัย บุญบูรพงศ์, 2551) ดังนั้น ทีมสุขภาพจึงต้อง
มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้เครื่องช่วยหายใจ
ในผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์
ของการใช้เครื่องช่วยหายใจและป้องกันภาวะแทรกซ้อน
ต่างๆ ดังกล่าว
วัตถุประสงค์ของการใช้เครื่องช่วยหายใจในผู้ป่วย
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
การใช้เครื่องช่วยหายใจในผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้น
เรื้อรังที่มีอาการกำเริบมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ออกซิเจน
แก่เนื้อเยื่อให้เพียงพอ และทำให้มีปริมาตรของอากาศ
ที่หายใจเข้าหรือออกในหนึ่งนาที(minute ventilation)
เหมาะสมในการทำให้PaCO2 และ pH อยู่ในเกณฑ์ปกติ
การใช้เครื่องช ่วยหายใจสามารถใช้ได้ทั้งประเภท
ความดันบวกที่ไม ่ใส ่ท ่อช ่วยหายใจ (noninvasive
positivepressure ventilator; NPPV) และประเภท
ความดันบวกที่ใส่ท่อช่วยหายใจ (invasive positive
pressure ventilator; IPPV)
ประเภทของเครื่องช่วยหายใจที่ใช้ในผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้น
เรื้อรัง
เครื่องช่วยหายใจที่ใช้ในผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้น
เรื้อรังแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทความดัน
บวกที่ไม่ใส่ท่อช่วยหายใจ (NPPV) และประเภทความดัน
บวกที่ใส่ท่อช่วยหายใจ (IPPV) ซึ่งในแต่ละประเภท
มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. เครื่องช่วยหายใจประเภทความดันบวก
ที่ไม่ใส่ท่อช่วยหายใจ (NPPV)
เครื่องช ่วยหายใจประเภทความดันบวก
ที่ไม่ใส่ท่อช่วยหายใจ (NPPV) หมายถึง เครื่องช่วยหายใจ
ที่ให้การช่วยหายใจในผู้ป่วยที่ไม่มีท่อทางเดินหายใจ
(noninvasive ventilation; NIV) ซึ่งสามารถช่วย
ในการแลกเปลี่ยนก๊าซให้ดีขึ้น แก้ไขภาวะกรดจาก
การหายใจ (respiratory acidosis) ลดอัตราการหายใจ
และลดระยะเวลาการพักรักษาตัวในโรงพยาบาลได้80-85%
(GOLD Executive Committee, 2006) แต่จะควบคุม
การแลกเปลี่ยนก๊าซได้ไม่ดีเท่าเครื่องช่วยหายใจประเภท
ความดันบวกที่ใส ่ท ่อช ่วยหายใจ (IPPV) ไม่เหมาะ
สำหรับผู้ป่วยที่มีพยาธิสภาพของปอดที่รุนแรง การดูแล
เกี่ยวกับการขับเสมหะจะลำบากกว่า เกิดภาวะท้องอืด
(gastric distention) ได้ง่าย เสี่ยงต่อการเกิดการสำลัก
(aspiration) และผู้ป่วยต้องให้ความร่วมมือ
วัตถุประสงค์ของการใช้ NPPV
NPPV เป็นเครื่องช่วยหายใจที่ใช้ในผู้ป่วย
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังที่มีอาการหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน
ใช้เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยทุเลาอาการหอบเหนื่อย ลดแรงที่ใช้
ในการหายใจ มีการแลกเปลี่ยนก๊าซที่เหมาะสม ทำให้
ผู้ป่วยรู้สึกสบายขึ้นในขณะที่ได้รับเครื่องช่วยหายใจ
ลดความเสี่ยงหรือภาวะแทรกซ้อน และหลีกเลี่ยงการใส่
ท่อช่วยหายใจ
ลักษณะของผู้ป่วยที่เหมาะสมกับการใช้ NPPV
NPPV เป็นเครื่องช่วยหายใจที่เหมาะสมกับ
ผู้ป่วยที่มีการหายใจล้มเหลว หายใจเร็ว (tachypnea)
มีการหายใจโดยใช้กล้ามเนื้ออื่นช่วยในการหายใจ เช่น
ผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังที่มีอาการกำเริบเฉียบพลัน
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (obstructive sleep apnea;
OSA) โดยผู้ป ่วยต้องรู้สึกตัวและให้ความร ่วมมือดี
วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ปีที่ 22 ฉบับที่ 2 มีนาคม - สิงหาคม 2554 PAGE 82
เนื่องจากการใช้NPPV ต้องใช