Singapore became part of Malaysia o

Singapore became part of Malaysia on 16 September 1963 following a merger with Malaya, North Borneo, and Sarawak. The merger was thought to benefit the economy by creating a common, free market, and to improve Singapore's internal security. However, it was an uneasy union. Disputes between the state government of Singapore and the federal government occurred on different issues, especially the federal policies of affirmative action, which granted special privileges to Malays guaranteed under Article 153 of the Constitution of Malaysia. Singapore's chief minister, Lee Kuan Yew, and other political leaders began advocating for equal treatment of all races in Malaysia, with a rallying cry of "Malaysian Malaysia!"[4]

Racial tensions between Chinese and Malays increased dramatically resulting in numerous racial riots. The most notorious riots were the 1964 Race Riots that first took place on the Prophet Muhammad's birthday on 21 July with twenty-three people killed and hundreds injured. The price of food skyrocketed when the transport system was disrupted during the unrest, causing further hardship for the people.

The state and federal governments also had conflicts on the economic front. UMNO leaders feared that the economic dominance of Singapore would inevitably shift political power away from Kuala Lumpur. Despite an earlier agreement to establish a common market, Singapore continued to face restrictions when trading with the rest of Malaysia. In retaliation, Singapore refused to provide Sabah and Sarawak the full extent of the loans previously agreed to for economic development of the two eastern states. The situation escalated to such intensity that talks soon broke down and abusive speeches and writings became rife on both sides. UMNO extremists called for the arrest of Lee Kuan Yew.

Seeing no alternative to avoid further bloodshed, the Malaysian Prime Minister Tunku Abdul Rahman decided to expel Singapore from the federation. The Parliament of Malaysia voted 126-0 in favour of the expulsion on 9 August 1965. On that day, a tearful Lee Kuan Yew announced on a televised press conference that Singapore was a sovereign, independent nation. In a widely remembered quote, he uttered that: "For me, it is a moment of anguish. All my life, my whole adult life, I have believed in the merger and unity of the two territories."[5] The new state became the Republic of Singapore.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สิงคโปร์กลายเป็น ส่วนหนึ่งของมาเลเซียใน 16 1963 กันยายนหลังควบรวมกิจการกับมาลายา บอร์เนียวเหนือ และซาราวัค ควบรวมคือคิด เพื่อประโยชน์ของเศรษฐกิจ โดยการสร้างตลาดทั่วไป ฟรี และเพิ่มความปลอดภัยภายในของสิงคโปร์ อย่างไรก็ตาม ก็เป็นสหภาพไม่สบายใจ ข้อพิพาทระหว่างรัฐของสิงคโปร์และรัฐบาลที่เกิดขึ้นในประเด็นต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลกลางนโยบายของยืนยันการดำเนินการ ซึ่งให้สิทธิพิเศษกับเชื้อสายมลายูรับประกันภายใต้ 153 บทรัฐธรรมนูญมาเลเซีย รัฐมนตรีประธานของสิงคโปร์ ลีควนโฮบาร์ต และผู้นำทางการเมืองอื่น ๆ เริ่ม advocating การปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันของทุกเชื้อชาติในมาเลเซีย กับร้อง rallying "มาเลเซียมาเลเซีย"[4]

เชื้อชาติความตึงเครียดระหว่างจีนเชื้อสายมลายูเพิ่มขึ้นในกรณีเกิดจลาจลหลายเชื้อชาติ จลาจลสุดอื้อฉาวได้เกิกการแข่งขันปี 1964 ที่ครั้งแรก เกิดขึ้นในวันเกิดของนบีใน 21 กรกฎาคมกับยี่สิบสามคน ตาย และบาดเจ็บหลายร้อย ราคาของอาหาร skyrocketed เมื่อระบบขนส่งระหว่างสองวันระหว่างความไม่สงบ เกิดความลำบากต่อไปสำหรับคน

รัฐและรัฐบาลกลางยังมีความขัดแย้งกับเศรษฐกิจ UMNO ผู้นำกลัวที่ครอบงำเศรษฐกิจของสิงคโปร์จะย่อมเปลี่ยนอำนาจทางการเมืองจากกัวลาลัมเปอร์ แม้ มีข้อตกลงก่อนหน้านี้เพื่อสร้างตลาดทั่วไป สิงคโปร์ยังคงต้องเผชิญกับข้อจำกัดเมื่อค้าขายกับส่วนเหลือของมาเลเซีย ลน้อง สิงคโปร์ปฏิเสธให้ซาบาห์ และซาราวัคในขอบข่ายของสินเชื่อก่อนหน้านี้ตกลงเพื่อสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจของอเมริกาตะวันออกสอง สถานการณ์ที่เลื่อนระดับความรุนแรงดังกล่าวที่พูดเร็ว ๆ นี้ยากจนลง และกล่าวสุนทรพจน์คำผรุสวาทและการเขียนเป็น rife ทั้งสองด้าน UMNO พวกหัวรุนแรงที่เรียกว่าการจับกุมของ Lee ควนโฮบาร์ต

ดูไม่มีทางเลือกเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียเลือดเนื้อ เพิ่มเติม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย Tunku Abdul Rahman ตัดสินใจปล่อยสิงคโปร์จากสภาแห่ง รัฐสภามาเลเซียโหวต 126-0 ลงขับไล่ใน 9 1965 สิงหาคม วัน โฮบาร์ตควนของ Lee tearful ประกาศในการแถลง televised ว่า สิงคโปร์เป็นประเทศอธิปไตย อิสระ ในใบเสนอราคาจดกัน เขาพูดที่: "สำหรับฉัน มันเป็นช่วงเวลาของความปวดร้าว ทั้งหมดชีวิต ชีวิตผู้ใหญ่ทั้งหมด ฉันมีความเชื่อในการควบรวมกิจการและเอกภาพของดินแดนสอง"[5] สถานะใหม่กลายเป็น สาธารณรัฐสิงคโปร์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สิงคโปร์กลายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศมาเลเซียเมื่อวันที่ 16 กันยายน 1963 ดังต่อไปนี้การควบรวมกิจการกับแหลมมลายูบอร์เนียวเหนือและรัฐซาราวัก การควบรวมกิจการที่ได้รับการคิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจโดยการสร้างร่วมกันตลาดเสรีและการปรับปรุงการรักษาความมั่นคงภายในของสิงคโปร์ อย่างไรก็ตามมันก็ไม่สบายใจสหภาพ ข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานภาครัฐของสิงคโปร์และรัฐบาลที่เกิดขึ้นในประเด็นที่แตกต่างกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายของรัฐบาลกลางของการดำเนินการยืนยันซึ่งได้รับสิทธิพิเศษที่จะรับประกันมาเลเซียตามมาตรา 153 ของรัฐธรรมนูญแห่งประเทศมาเลเซีย หัวหน้ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงของสิงคโปร์ลีกวนยูและผู้นำทางการเมืองอื่น ๆ เริ่มเรียกร้องให้เท่าเทียมกันทุกเชื้อชาติในมาเลเซียที่มีการชุมนุมของมวลชนของ "มาเลเซียมาเลเซีย!" [4] ความตึงเครียดระหว่างเชื้อชาติจีนและมาเลเซียเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วส่งผลให้เกิดการจลาจลเชื้อชาติมากมาย การจลาจลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือการจลาจล 1964 การแข่งขันครั้งแรกที่เกิดขึ้นในวันเกิดของศาสดามูฮัมหมัดในวันที่ 21 กรกฏาคมยี่สิบสามคนถูกฆ่าตายและได้รับบาดเจ็บหลายร้อย ราคาอาหารพุ่งสูงขึ้นเมื่อระบบการขนส่งได้รับผลกระทบในช่วงเหตุการณ์ความไม่สงบที่ก่อให้เกิดความยากลำบากต่อไปสำหรับคนที่รัฐบาลของรัฐและรัฐบาลกลางยังมีความขัดแย้งที่ด้านหน้าทางเศรษฐกิจ ผู้นำ UMNO กลัวว่าอำนาจทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์หลีกเลี่ยงไม่ได้จะเปลี่ยนอำนาจทางการเมืองออกไปจากกัวลาลัมเปอร์ แม้จะมีข้อตกลงก่อนหน้านี้ที่จะสร้างตลาดร่วมสิงคโปร์ยังคงเผชิญกับข้อ จำกัด ในการเข้าซื้อขายกับส่วนที่เหลือของประเทศมาเลเซีย ในการตอบโต้สิงคโปร์ปฏิเสธที่จะให้รัฐซาบาห์และรัฐซาราวักขอบเขตทั้งหมดของเงินให้กู้ยืมที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจของทั้งสองรัฐทางตะวันออก สถานการณ์ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวที่พูดเร็ว ๆ นี้ยากจนลงและกล่าวสุนทรพจน์ที่ไม่เหมาะสมและงานเขียนกลายเป็นอุดมไปทั้งสองด้าน UMNO สุดโต่งที่เรียกว่าสำหรับการจับกุมของลีกวนยูเห็นไม่มีทางเลือกที่จะหลีกเลี่ยงการนองเลือดต่อนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย Tunku อับดุลราห์ตัดสินใจที่จะขับไล่สิงคโปร์จากสหพันธ์ รัฐสภาของประเทศมาเลเซียโหวต 126-0 ในความโปรดปรานของการขับไล่ที่ 9 สิงหาคม 1965 ในวันนั้นร้องไห้ลีกวนยูประกาศในงานแถลงข่าวการถ่ายทอดสดว่าสิงคโปร์เป็นกษัตริย์ประเทศเอกราช ในคำพูดที่จำได้อย่างกว้างขวางเขาพูดว่า. ". สำหรับฉันมันเป็นช่วงเวลาของความเจ็บปวดทุกชีวิตของฉันชีวิตในวัยผู้ใหญ่ของฉันทั้งผมมีความเชื่อในการควบรวมกิจการและความสามัคคีของทั้งสองดินแดน" [5] รัฐใหม่ กลายเป็นสาธารณรัฐสิงคโปร์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สิงคโปร์เป็นส่วนหนึ่งของมาเลเซียเมื่อวันที่ 16 กันยายน 1963 หลังการควบรวมกิจการกับมลายู บอร์เนียวเหนือ และซาราวัก . การคิดเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจ โดยการสร้างทั่วไป ในตลาด และเพื่อปรับปรุงความมั่นคงภายในของสิงคโปร์ อย่างไรก็ตาม , มันเป็นสหภาพ ไม่สบายใจ ข้อพิพาทระหว่างรัฐของรัฐบาลสิงคโปร์และรัฐบาลที่เกิดขึ้นในประเด็นต่าง ๆโดยเฉพาะนโยบายของรัฐบาลกลางของการกระทำที่เป็นธรรมซึ่งได้รับสิทธิพิเศษในการมาเลเซียรับประกันภายใต้มาตรา 153 แห่งรัฐธรรมนูญของมาเลเซีย รัฐมนตรีสิงคโปร์ ลี กวน ยู และผู้นำทางการเมืองที่สนับสนุนอื่น ๆเริ่ม เท่าเทียมกันของทุกเชื้อชาติในมาเลเซีย กับคำพูดให้กำลังใจของ " มาเลเซียมาเลเซีย ! [ 4 ]

ความตึงเครียดทางเชื้อชาติระหว่างจีน และมาเลเซีย เพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้ในการจลาจลทางเชื้อชาติมากมาย การจลาจลฉาวโฉ่มากที่สุดคือ 2507 การแข่งขันการจลาจลที่ครั้งแรกเกิดขึ้นในวันเกิดศาสดามูฮัมหมัดของเมื่อวันที่ 21 กับ 23 คนถูกฆ่าและได้รับบาดเจ็บหลายร้อยคน . ราคาอาหารพุ่งสูงขึ้นเมื่อระบบการขนส่งมีการหยุดชะงักในการก่อความไม่สงบก่อให้เกิดความยากลำบากต่อประชาชน .

รัฐและรัฐบาลกลางรัฐบาลมีความขัดแย้งในหน้าเศรษฐกิจ ผู้นำ Umno กลัวว่าการปกครองเศรษฐกิจสิงคโปร์จะย่อมเปลี่ยนอำนาจทางการเมือง ห่างจากกัวลาลัมเปอร์ แม้ก่อนหน้านี้ ข้อตกลงที่จะสร้างตลาดทั่วไป , สิงคโปร์ยังคงเผชิญข้อจำกัดเมื่อการซื้อขายกับส่วนที่เหลือของประเทศมาเลเซีย ตอบโต้ ,สิงคโปร์ปฏิเสธที่จะให้รัฐซาบาห์และรัฐซาราวักเต็มขนาดของเงินให้สินเชื่อก่อนหน้านี้ได้ตกลงที่จะพัฒนาเศรษฐกิจของทั้ง 2 ฝั่งตะวันออกสหรัฐอเมริกา สถานการณ์ที่เพิ่มขึ้นความเข้มเช่นที่พูดเร็วเสียและสุนทรพจน์ที่ไม่เหมาะสมและงานเขียนเป็น rife ทั้งสองด้าน อัมโนกลุ่มเรียกการจับกุมของลีกวนยู .

เห็นไม่มีทางเลือกเพื่อหลีกเลี่ยงการนองเลือดอีกนายกรัฐมนตรีมาเลเซียตนกู อับดุล ราห์มาน ตัดสินใจไล่ สิงคโปร์ จากสหพันธ์ รัฐสภามาเลเซียลงมติ 126-0 ในความโปรดปรานของการไล่ออกเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 1965 ในวันนั้น น้ำตาลีกวนยูประกาศในการแถลงข่าวทางโทรทัศน์ว่าสิงคโปร์เป็นชาติอธิปไตย เอกราช ในกันอย่างแพร่หลาย จำราคาที่เขาพูดว่า : " สำหรับผม มันคือช่วงเวลาของความเจ็บปวดทุกชีวิตของฉัน ชีวิตของฉันทั้งหมด ฉันเชื่อในการควบรวมกิจการและความสามัคคีของทั้งสองดินแดน " [ 5 ] สภาพใหม่กลายเป็นสาธารณรัฐสิงคโปร์