accumulation curves showed comparab

accumulation curves showed comparable richness // between forestand farms at the landscape level (Fig. 2). Non-parametric estimator Chao 1 suggested that, // at the landscape level, // farms hold up to 139 species while forests harbor up to 141 species. // Tree density(stems/ha) // in farms was 220 (range 77–507),// whereas in forestsite was 628 (range 330–1013).// Mean values for species richness,diversity // by Shannon and Reciprocal Simpsons indices, // and stem density ,// basal area and canopy closure were significantly // higher in forests than in farms // (for canopy closure p-value = 0.01, // for the other variables p-value < 0.001; Table 2).// All sampled trees were native.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เส้นโค้งแสดงให้เห็นการสะสมความร่ำรวยเปรียบ // ระหว่างฟาร์ม forestand ในระดับภูมิทัศน์ (รูป. 2) ประมาณการ Non-พาราเจ้าพระยา 1 แนะนำว่า // ในระดับภูมิทัศน์, // ฟาร์มถือได้ถึง 139 สายพันธุ์ในขณะที่ป่าท่าเรือถึง 141 สายพันธุ์ // ความหนาแน่นของต้นไม้ (ลำต้น / ฮ่า) // ในฟาร์ม 220 (ช่วง 77-507) // ขณะที่ใน forestsite เป็น 628 (ช่วง 330-1013) .// ค่าเฉลี่ยสำหรับสายพันธุ์ความร่ำรวยความหลากหลาย // โดยแชนนอนและ ดัชนีซึ่งกันและกันซิมป์สัน, // และลำต้นหนาแน่น // พื้นที่ฐานและการปิดหลังคาอย่างมีนัยสำคัญ // สูงขึ้นในป่ากว่าในฟาร์ม // (สำหรับหลังคาปิด p-value = 0.01, // สำหรับตัวแปรอื่น ๆ p-value <0.001 ตารางที่ 2) .// ต้นไม้ชิมทุกคนพื้นเมือง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การสะสมความมั่งคั่ง / / โค้งให้เปรียบระหว่างฟาร์ม forestand ในระดับแนวนอน ( รูปที่ 2 ) ไม่ใช้พารามิเตอร์การประมาณเจ้าพระยา 1 ชี้ให้เห็นว่า / / ระดับภูมิ / / ฟาร์มถือได้ถึง 139 ชนิด ในขณะที่ป่าท่าเรือถึง 141 ชนิด / / ต้น ( ต้น / ไร่ ) / / ในฟาร์มคือ 220 ( ช่วง 77 ( 507 ) / / ส่วนใน forestsite ก็มี ( ช่วง 330 ( 1013 ) / / หมายถึงค่าของชนิดความ หลากหลาย / / โดย Shannon และกฎแห่งกรรม ซิมป์สัน , ดัชนี / / และ / / แรกเริ่มพื้นที่ความหนาแน่นของต้น และหลังคาปิด / / สูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญในป่ามากกว่าในฟาร์ม / / ( สำหรับหลังคาปิด p-value = 0.01 / / สำหรับอื่น ๆตัวแปร p < 0.001 ; ตาราง 2 ) / / ทั้งหมด / ต้นไม้พื้นเมือง