Syndemics theoryThe traditional bio

Syndemics theory
The traditional biomedical approach to disease is
characterized by an effort to treat diseases as if they
were distinct entities in nature, separate from other
diseases, and independent of the social contexts in
which they are found. This approach proved useful
historically in focusing medical attention on the
immediate causes and expressions of disease and
contributed to the emergence of modern biomedical
treatments, some of which have been enormously
successful. However, as the compendium of knowledge
has advanced, it has become increasingly clear
that diseases do not necessarily exist in isolation
from other diseases and conditions, that disease
interactions are of considerable importance to
disease course and consequence, and that the social
conditions of disease sufferers are critical to understanding
health impacts at the individual and
population levels. Rather than existing as discrete
conditions, multiple life-threatening diseases often
are concentrated in particular populations.
Beyond disease clustering, there is growing
evidence of important interactions among comorbid
diseases (Wasserheit, 1992). One such interaction
has been found, for example, between type 2
diabetes mellitus and various infections, such as
hepatitis C viral infection in women (O’Connor,
West, Lorntz, Vinicor, & Jorgensen, 2004). The
worldwide prevalence of type 2 diabetes has been
increasing and now impacts the lives of millions of
women around the globe. Various factors are
recognized as contributing to the onset of type 2
diabetes, including obesity and aging. The role of
infection, however, is only beginning to be recognized.
Already it is clear that risk for serious
infections of various kinds increases significantly
with poor diabetes control, but appreciation of
more complex relationships between infection and
type 2 diabetes is now emerging as well (Soule et al.,
2005; Visnegarwala, Chen, Raghavan, & Tedaldi,
2005). The NHANES III study found that type 2
diabetes increases among people who have been
infected with the hepatitis C virus. (O’Connor et al.,
2004). Similarly, several health reports note that
diabetes is present in as many as 37% of those who
are critically ill with severe acute respiratory
syndrome (SARS) (Booth et al., 2003; Fowler et
al., 2003). These examples suggest the importance of
dynamic diabetes-infection linkages. It is disease
interactions of this sort that are a central element in
syndemics. Syndemic theory seeks to draw attention
to and provide a framework for the analysis of these
interactions.
Various syndemics (although not always labeled
as such) have been described in the literature
already, including the SAVA syndemic (substance
abuse, violence and AIDS) (Singer, 1996), the
hookworm, malaria and HIV/AIDS syndemic
(Hotez, 2003), the Chagas disease, rheumatic heart
disease and congestive heart failure syndemic
(Cubillos-Garzon, Casas, Morillo, & Bautista,
2004), the asthma and infectious disease syndemic
(Johnson & Martin, 2005), the malnutrition and
depression syndemic (Heflin, Siefert, & Williams,
2005), and the mental health and HIV/AIDS
syndemic (Stall et al., 2003). Additionally, several
syndemics have been identified that involve STDs
(Chesson, Heffelfinger, Voigt, & Collins, 2005;
Craib, Meddings, & Strathdee, 1995; Otten, Zaidi,
Peterman, Rolfs, & Witte, 1994). Here too,
researchers report interactions between comorbid
STDs and other diseases (Nusbaum, Wallace, Slatt,
& Kondrad, 2004).
Beyond disease clustering and interaction, the
term syndemic also points to the importance of
social conditions in disease concentrations, interactions
and consequences. In syndemics, the interaction
of diseases or other health problems (e.g.,
malnutrition) commonly arises because of adverse
social conditions (e.g., poverty, stigmatization,
oppressive social relationships) that put socially
devalued groups at heightened risk. As Farmer
(1999) argues with reference to TB, it is impossible
to understand its persistence in poor countries as
well as its recent resurgence among the poor in
industrialized countries without assessing how social
forces, such as political violence and racism, come to
be embodied and expressed as individual pathology.
An examination of STDs in Connecticut generally,
and Hartford specifically, presented below, suggests
the existence of an STD syndemic (STDS) involving
several co-morbid diseases rooted in the social
conditions of poverty and racial discrimination

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทฤษฎี Syndemicsวิธีทางชีวการแพทย์โบราณโรคคือโดยความพยายามที่จะรักษาโรคกับพวกเขามีเอนทิตีทั้งหมดในธรรมชาติ การแยกออกจากกันโรค และเป็นอิสระจากบริบททางสังคมในซึ่งพวกเขาจะพบ วิธีนี้พิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์ประวัติในการเน้นการพยาบาลสาเหตุทันทีและนิพจน์ของโรค และส่วนการเกิดขึ้นของทางชีวการแพทย์ที่ทันสมัยรักษา ซึ่งมีมหาศาลประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม เป็นตัวย่อของความรู้มีขั้นสูง มันได้กลายเป็นชัดเจนมากขึ้นว่า โรคไม่จำเป็นต้องมีอยู่ในแยกจากโรคอื่น ๆ และเงื่อนไข โรคที่โต้ตอบมีความสำคัญมากหลักสูตรโรค และสัจจะ และที่สังคมเงื่อนไขของผู้ที่ทรมานจากโรคที่มีความสำคัญเพื่อความเข้าใจผลกระทบต่อสุขภาพที่บุคคล และระดับประชากร แทนที่จะเป็นแยกกันอยู่เงื่อนไข หลายชีวิตคุกคามโรคบ่อยกำลังเข้มข้นโดยเฉพาะในประชากรนอกเหนือจากโรคคลัสเตอร์ มีการเจริญเติบโตหลักฐานการโต้ตอบที่สำคัญระหว่าง comorbidโรค (Wasserheit, 1992) โต้ตอบหนึ่งรายการดังกล่าวพบ เช่น ระหว่างชนิด 2เบาหวานและติดเชื้อต่าง ๆ เช่นติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีในผู้หญิง (โอตะวันตก Lorntz, Vinicor และจอร์เจน เซน 2004) ที่ชุกของโรคเบาหวานประเภท 2 ทั่วโลกได้เพิ่มขึ้นและขณะนี้ส่งผลกระทบต่อชีวิตของล้านผู้หญิงทั่วโลก ปัจจัยต่าง ๆ คือเป็นการสนับสนุนของชนิด 2เบาหวาน โรคอ้วน และการคำนวณอายุ บทบาทของติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม เท่านั้นเริ่มจะรับรู้แล้วมันจะล้างเสี่ยงที่ร้ายแรงติดเชื้อชนิดต่าง ๆ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญควบคุมเบาหวานไม่ดี แต่ชื่นชมความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างการติดเชื้อ และโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เกิดขึ้นตอนนี้เป็นอย่างดี (Soule et al.,2005 Visnegarwala, Chen, Raghavan, & Tedaldi2005) ศึกษา NHANES III พบที่พิมพ์ 2โรคเบาหวานเพิ่มขึ้นในหมู่ผู้ที่ได้รับติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี (โอ et al.,2004) รับ หมายเหตุรายงานสุขภาพหลายที่โรคเบาหวานมีอยู่ในเป็น 37% ของผู้ที่จะไม่ถึงกับรุนแรงเฉียบพลันทางเดินหายใจกลุ่มอาการ (SARS) (บูธและ al., 2003 ฟาวเลอร์ร้อยเอ็ดal., 2003) ความสำคัญของการแนะนำตัวอย่างเหล่านี้โรคเบาหวานการติดเชื้อแบบไดนามิกลิงค์ มันเป็นโรคโต้ตอบประเภทนี้ซึ่งมีองค์ประกอบหลักในsyndemics ทฤษฎี Syndemic พยายามที่จะดึงความสนใจเพื่อให้กรอบงานสำหรับการวิเคราะห์เหล่านี้โต้ตอบSyndemics ต่าง ๆ (แต่ไม่มีป้ายชื่อมีการกล่าวถึงในวรรณคดีเช่น)แล้ว รวม syndemic โยชิซาวา (สารละเมิดสิทธิ ความรุนแรง และโรคเอดส์) (นักร้อง 1996), การhookworm มาลาเรีย และเอดส์ syndemic(Hotez, 2003) การโรค Chagas หัวใจ rheumaticsyndemic โรคและ congestive หัวใจล้มเหลว(Cubillos Garzon, Casas, Morillo และ Bautista2004), โรคหอบหืดและโรคติดเชื้อ syndemic(Johnson และมาร์ติน 2005), การขาดสารอาหาร และโรคซึมเศร้า syndemic (Heflin, Siefert และวิ ลเลียมส์2005), และจิตใจสุขภาพและเอชไอวี/เอดส์syndemic (คอกและ al., 2003) นอกจากนี้ หลายsyndemics ได้รับการระบุที่เกี่ยวข้องกับ STDs(Chesson, Heffelfinger, Voigt และคอ ลลินส์ 2005Craib, Meddings, & Strathdee, 1995 Otten, ZaidiPeterman, Rolfs และ Witte, 1994) ที่นี่มากเกินไปนักวิจัยรายงานระหว่าง comorbidSTDs และโรคอื่น ๆ (Nusbaum, Wallace, Slatt& Kondrad, 2004)นอกเหนือจากโรคคลัสเตอร์และการโต้ตอบ การระยะ syndemic ยังชี้ถึงความสำคัญของสภาพสังคมในความเข้มข้นของโรค การโต้ตอบและผลกระทบ ใน syndemics การโต้ตอบของโรคหรือปัญหาสุขภาพอื่น ๆ (เช่นขาดสารอาหาร) โดยทั่วไปเกิดขึ้นเนื่องจากร้ายสภาพสังคม (เช่น ความยากจน stigmatizationความสัมพันธ์ทางสังคมที่กดขี่) ที่ทำให้สังคมกลุ่ม devalued เสี่ยงสูง เป็นชาวนา(1999) จนโปร่ง TB มันเป็นไปไม่ได้เข้าใจที่มีอยู่ในประเทศยากจนเป็นรวมทั้งการรีเซอร์เจนซ์ล่าสำหรับคนจนในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรม โดยประเมินว่าสังคมกองทัพ รุนแรงและเหยียด มารวบรวมไว้ และแสดงเป็นพยาธิแต่ละการตรวจ STDs ในคอนเนตทิคัตโดยทั่วไปและฮาร์ทฟอร์ดแสดงเฉพาะ ด้านล่าง แนะนำการดำรงอยู่ของการมาตรฐาน syndemic (STDS) เกี่ยวข้องกับโรค co morbid หลายในสังคมเงื่อนไขของความยากจนและการแบ่งแยกเชื้อชาติ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

Syndemics ทฤษฎีวิธีการทางการแพทย์แบบดั้งเดิมที่จะเกิดโรคเป็นที่โดดเด่นด้วยความพยายามที่จะรักษาโรคราวกับว่าพวกเขาเป็นหน่วยงานที่แตกต่างกันในธรรมชาติอื่นๆ ที่แยกต่างหากจากโรคและเป็นอิสระจากบริบททางสังคมในการที่พวกเขาจะพบ วิธีการนี้ได้รับการพิสูจน์ที่เป็นประโยชน์ในอดีตในการมุ่งเน้นการรักษาพยาบาลในสาเหตุทันทีและการแสดงออกของโรคและมีส่วนทำให้เกิดขึ้นของชีวการแพทย์ที่ทันสมัยการรักษาบางส่วนที่ได้รับเป็นอย่างมากที่ประสบความสำเร็จ แต่เป็นบทสรุปของความรู้ที่ได้สูงมันได้กลายเป็นที่ชัดเจนมากขึ้นว่าโรคไม่จำเป็นต้องอยู่ในการแยกจากโรคอื่นๆ และเงื่อนไขว่าโรคปฏิสัมพันธ์ที่มีความสำคัญมากในการเรียนการสอนการเกิดโรคและผลที่ตามมาและที่สังคมเงื่อนไขของผู้ประสบภัยโรคมีความสำคัญต่อการทำความเข้าใจผลกระทบต่อสุขภาพที่บุคคลและระดับประชากร มากกว่าที่มีอยู่เป็นที่ไม่ต่อเนื่องเงื่อนไขโรคที่คุกคามชีวิตหลายมักจะมีความเข้มข้นในประชากรโดยเฉพาะอย่างยิ่ง. นอกเหนือจากการจัดกลุ่มโรคที่มีการเจริญเติบโตเป็นหลักฐานที่สำคัญของการมีปฏิสัมพันธ์ในหมู่ comorbid โรค (Wasserheit, 1992) หนึ่งในการทำงานร่วมกันดังกล่าวได้รับการพบตัวอย่างเช่นระหว่างชนิดที่ 2 โรคเบาหวานและการติดเชื้อต่างๆเช่นไวรัสตับอักเสบซีติดเชื้อไวรัสในผู้หญิง(โอคอนเนอร์ตะวันตกLorntz, Vinicor และ Jorgensen, 2004) ชุกทั่วโลกของโรคเบาหวานประเภท 2 ได้รับการเพิ่มขึ้นและในขณะนี้ส่งผลกระทบต่อชีวิตของล้านของผู้หญิงทั่วโลก ปัจจัยต่างๆที่ได้รับการยอมรับในฐานะที่เอื้อต่อการโจมตีของประเภท 2 โรคเบาหวานรวมทั้งโรคอ้วนและริ้วรอย บทบาทของการติดเชื้อ แต่เป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้นที่จะได้รับการยอมรับ. แล้วก็เป็นที่ชัดเจนว่ามีความเสี่ยงสำหรับร้ายแรงติดเชื้อหลายชนิดเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญกับการควบคุมโรคเบาหวานที่ไม่ดีแต่การแข็งค่าของความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนมากขึ้นระหว่างการติดเชื้อและโรคเบาหวานประเภท2 อยู่ในขณะนี้ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี (Soule, et al. 2005; Visnegarwala, เฉิน Raghavan และ Tedaldi, 2005) การศึกษา NHANES III พบว่าชนิดที่ 2 การเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยโรคเบาหวานในหมู่คนที่ได้รับการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี (โอคอนเนอร์ et al., 2004) ในทำนองเดียวกันรายงานสุขภาพหลายทราบว่าโรคเบาหวานเป็นปัจจุบันมากที่สุดเท่าที่ 37% ของผู้ที่มีอาการป่วยอย่างยิ่งกับระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงซินโดรม(โรคซาร์ส) (บูธ et al, 2003;. ฟาวเลอร์ et. al, 2003) ตัวอย่างเหล่านี้แสดงให้เห็นความสำคัญของการเชื่อมโยงกับโรคเบาหวานการติดเชื้อแบบไดนามิก มันเป็นโรคที่มีปฏิสัมพันธ์ของการจัดเรียงที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในการsyndemics ทฤษฎี Syndemic พยายามที่จะดึงความสนใจและให้กรอบสำหรับการวิเคราะห์เหล่านี้มีปฏิสัมพันธ์. ต่างๆ syndemics (แม้ว่าจะไม่ติดป้ายมักจะเป็นเช่นนั้น) ได้รับการอธิบายในวรรณคดีแล้วรวมทั้ง SAVA syndemic (สารการละเมิดการใช้ความรุนแรงและโรคเอดส์) (นักร้อง 1996) ซึ่งเป็นพยาธิปากขอมาลาเรียและเอชไอวี/ เอดส์ syndemic (Hotez, 2003), โรค Chagas หัวใจรูมาติกโรคหัวใจล้มเหลวsyndemic (Cubillos-Garzon, เสซ Morillo และ Bautista, 2004) ซึ่งเป็นโรคหอบหืดและโรคติดเชื้อ โรค syndemic (จอห์นสันและมาร์ติน, 2005), การขาดสารอาหารและภาวะซึมเศร้าsyndemic (เฮฟลิน, SIEFERT และวิลเลียมส์, 2005) และสุขภาพจิตและเอชไอวี / เอดส์syndemic (Stall et al., 2003) นอกจากนี้หลายsyndemics ได้รับการระบุที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อทางเพศสัมพันธ์(Chesson, Heffelfinger, วอยต์, คอลลิน & 2005; Craib, Meddings และ Strathdee, 1995; Otten, Zaidi, ปีเตอร์, Rolfs และวิตต์, 1994) นี่เกินไปนักวิจัยรายงานการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่าง comorbid ติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคอื่น ๆ (Nusbaum วอลเลซ, Slatt, และ Kondrad, 2004). นอกเหนือจากการจัดกลุ่มโรคและการมีปฏิสัมพันธ์ที่syndemic ระยะยังชี้ไปที่ความสำคัญของสภาพสังคมในระดับความเข้มข้นโรคปฏิสัมพันธ์และผลกระทบ ใน syndemics, ปฏิสัมพันธ์ของโรคหรือปัญหาสุขภาพอื่นๆ (เช่นการขาดสารอาหาร) โดยทั่วไปเกิดขึ้นเพราะไม่พึงประสงค์ของเงื่อนไขทางสังคม (เช่นความยากจนตราบาป, ความสัมพันธ์ทางสังคมเผด็จการ) ที่ทำให้สังคมกลุ่มคุณค่าที่มีความเสี่ยงที่ทำเป็น ในฐานะที่เป็นชาวนา(1999) ระบุว่ามีการอ้างอิงถึงวัณโรคเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจความคงอยู่ในประเทศยากจนรวมทั้งการฟื้นตัวที่ผ่านมาในหมู่คนยากจนในประเทศอุตสาหกรรมโดยไม่ต้องประเมินว่าสังคมกองกำลังเช่นการใช้ความรุนแรงทางการเมืองและการเหยียดสีผิวมาจะเป็นตัวเป็นตนและแสดงความเป็นพยาธิสภาพของแต่ละบุคคล. การตรวจสอบของโรคในคอนเนตทิทั่วไปและฮาร์ตฟอร์ดเฉพาะที่นำเสนอด้านล่างแสดงให้เห็นการดำรงอยู่ของSTD syndemic (ที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์) ที่เกี่ยวข้องกับหลายโรคร่วมโรคหยั่งรากลึกในสังคมเงื่อนไขของความยากจนและการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทฤษฎี syndemics
วิธีการทางการแพทย์แบบดั้งเดิมคือโรค
ลักษณะความพยายามเพื่อรักษาโรค เช่น ถ้าพวกเขา
เป็นองค์กรที่แตกต่างกันในธรรมชาติ แยกจากโรคอื่น ๆ
, และเป็นอิสระจากบริบททางสังคมใน
ที่พวกเขาพบ วิธีนี้พิสูจน์แล้วว่าเป็นประโยชน์ในการเน้นความสนใจ
ประวัติศาสตร์ทางการแพทย์ใน
สาเหตุทันที และการแสดงออกของโรคและ
ส่วนการรักษาทางการแพทย์
สมัยใหม่บางส่วนที่ได้รับมหาศาล
ที่ประสบความสำเร็จ แต่เป็นบทสรุปของความรู้
มีขั้นสูง มันได้กลายเป็นที่ชัดเจนมากขึ้น
โรคไม่จําเป็นต้องอยู่ในความโดดเดี่ยว
จากโรคและเงื่อนไข , โรค
ปฏิสัมพันธ์ที่มีความสำคัญมากและแน่นอน

ผลโรค และสังคม
สภาพของโรคผู้ป่วยมีความเข้าใจผลกระทบสุขภาพที่บุคคลและ

ระดับประชากร มากกว่าที่มีอยู่เป็นเงื่อนไขต่อเนื่อง

หลายโรคที่คุกคามชีวิตมักจะมีความเข้มข้นในประชากรโดยเฉพาะ นอกจากโรคกลุ่ม

หลักฐานมีการปฏิสัมพันธ์ที่สำคัญของ comorbid
โรค ( wasserheit , 1992 ) เช่นปฏิสัมพันธ์
ได้พบตัวอย่าง ระหว่างพิมพ์ 2
โรคเบาหวานและการติดเชื้อต่างๆ ได้ เช่น ตับอักเสบไวรัส
ผู้หญิง ( โอคอนเนอร์ ,
lorntz vinicor & , ตะวันตก , ยอร์เกนเซ่น , 2004 ) 500
ความชุกของเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ได้รับการเพิ่ม ตอนนี้ผลกระทบต่อ

ชีวิตของล้านของผู้หญิงทั่วโลก ปัจจัยต่างๆที่เอื้อต่อการยอมรับเป็น

ของชนิด 2 โรคเบาหวานรวมถึงโรคอ้วนและอายุ บทบาทของ
การติดเชื้อ แต่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่จะยอมรับ .
แล้วมันเป็นที่ชัดเจนว่าเสี่ยงต่อการติดเชื้อร้ายแรงหลายชนิด เพิ่มขึ้นอย่างมาก

กับการควบคุมเบาหวานไม่ดี แต่คุณค่าของความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างการติดเชื้อ

เบาหวานชนิดที่ 2 คือ ตอนนี้เกิดใหม่เช่นกัน ( Soule et al . ,
2005 ; visnegarwala เฉิน raghavan & tedaldi
, , , 2548 )ที่ศึกษา พบว่า ประเภทที่ 2 หรือที่ 3
โรคเบาหวานเพิ่มขึ้นในหมู่ผู้ที่ได้รับ
ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ( โอ ' คอนเนอร์ et al . ,
2004 ) ในทำนองเดียวกันหลายรายงานสุขภาพทราบว่า
โรคเบาหวานในปัจจุบันเท่าที่ 37% ของผู้
วิกฤตกับโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง ( ซาร์ส )
( บูธ et al . , 2003 ;
ฟาวเลอร์ et al . , 2003 ) ตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นความสำคัญของ
การติดเชื้อโรคเบาหวานเชื่อมโยงแบบไดนามิก มันคือโรค
ปฏิสัมพันธ์ของการจัดเรียงนี้ที่เป็นองค์ประกอบหลักใน
syndemics . ทฤษฎี syndemic พยายามที่จะดึงดูดความสนใจ
และให้กรอบสำหรับการวิเคราะห์ปฏิสัมพันธ์เหล่านี้
.
syndemics ต่างๆ ( แม้ว่าจะไม่เสมอป้าย
เช่น ) ได้ถูกอธิบายไว้ในวรรณกรรม
แล้วรวมทั้งซาวา syndemic ( สารเสพติด
,ความรุนแรงและเอดส์ ) ( นักร้อง , 1996 ) ,
พยาธิปากขอ โรคมาลาเรียและเอชไอวี / เอดส์ syndemic
( hotez , 2003 ) , โรคไขข้อและชากัส โรคหัวใจ ภาวะหัวใจล้มเหลว syndemic

( cubillos garzon Casas morillo , , ,
& Bautista , 2004 ) , โรคหืดและโรค syndemic
( จอห์นสัน&มาร์ติน , 2005 ) , ขาดสารอาหารและ
syndemic ( siefert เฮฟลิน , ซึมเศร้า , & Williams
2005 )และสุขภาพจิตและเอชไอวี / เอดส์
syndemic ( คอก et al . , 2003 ) นอกจากนี้ หลาย
syndemics ได้รับการระบุว่าเกี่ยวข้องกับโรค
( heffelfinger วอยก์ต น เชส น , , , & คอลลินส์ , 2005 ;
meddings Craib , , &สแตรทดี้ , 1995 ; otten ปีเตอร์แมนๆ
, , , &โรล์ฟสวิตต์ , 2537 ) ที่นี่ด้วย

comorbid นักวิจัยรายงานการโต้ตอบระหว่างโรคและโรคอื่น ๆ ( นีอิสเบาม์ , วอลเลซ slatt
, , & kondrad , 2004 )
นอกจากโรคกลุ่มและปฏิสัมพันธ์ ,
syndemic ระยะยาวยังเป็นจุดสําคัญของ
เงื่อนไขทางสังคมในโรคความเข้มข้น ปฏิสัมพันธ์
และผล ใน syndemics การโต้ตอบ
ของโรคหรือปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ( เช่น
ขาดสารอาหาร ) มักเกิดขึ้นเพราะทวน
เงื่อนไขทางสังคม ( เช่น ความยากจน การตีตราทางสังคมที่กดขี่
,
) ที่ทำให้สังคมคุณค่ากลุ่มที่เพิ่มความเสี่ยง เป็นชาวนา
( 2542 ) ระบุการอ้างอิงกับ TB มันเป็นไปไม่ได้
เข้าใจการคงอยู่ของตนในประเทศยากจนเป็น
ดีเป็นล่าสุดเป็งในหมู่คนยากจนในประเทศอุตสาหกรรม โดยประเมินว่าสังคม

กําลัง เช่น ความรุนแรงทางการเมืองและเชื้อชาติมา

เป็น embodied และแสดงเป็นพยาธิวิทยา
เป็นรายบุคคลการตรวจสอบของติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในคอนเนตทิคัตโดยทั่วไป และโดยเฉพาะ
ฮาร์ตฟอร์ดนำเสนอด้านล่างแสดงให้เห็นการดำรงอยู่ของ STD syndemic

( กามโรค ) ที่เกี่ยวข้องกับโรคร้ายหลาย Co หยั่งรากลึกในสังคม
ของความยากจนและการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ