Early lifeEditEinstein was born [at

Early lifeEdit
Einstein was born [at Ulm] in Württemberg, Germany, on 14 March 1879. His family was Jewish, but was not very religious. However, later in life Einstein became very interested in his Judaism. Einstein did not begin speaking until after age two. According to his younger sister, Maja, "He had such difficulty with language that those around him feared he would never learn".[5]When Einstein was around four, his father gave him a magnetic compass. He tried hard to understand how the needle could seem to move itself so that it always pointed north. The needle was in a closed case, so clearly nothing like wind could be pushing the needle around, and yet it moved. So in this way Einstein became interested in studying science and mathematics. His compassinspired him to explore the world of science.
When he became older, he went to a school in Switzerland. After he graduated, he got a job in the patent office there. While he was working there, he wrote the papers that first made him famous as a great scientist.
Einstein had two severely disabled children with his first wife Mileva. His daughter "Lieserl" (her real name may never be known) was born about a year before their marriage in January 1902.[6] She spent her very short life (believed to be less than 2 years) in the care of Serbian grandparents where it is believed she died from scarlet fever.[7] Some believe she may have been born with the disorder called Down syndrome but it has never been proved. Her very existence only became known to the world in 1986 when a shoe box containing 54 love letters (mostly from Einstein), exchanged between Mileva and Einstein from late 1897 to September 1903, was discovered by Einstein's granddaughter in an attic in California.[8] Their son, Eduard, was diagnosed withschizophrenia. He spent decades in hospitals, and died in the Zurich sanatorium in 1965.
In 1917, Einstein became very sick with an illness that almost killed him. His cousin Elsa Lowenthal nursed him back to health. After this happened, Einstein divorced Mileva, and married Elsa on 2 June 1919.
Just before the start of World War I, he moved back to Germany, and became director of a school there. He lived in Berlin until theNazi government came to power. The Nazis hated people who were Jewish or who came from Jewish families. They accused Einstein of helping to create "Jewish physics," and German physicists tried to prove that his theories were wrong.
In 1933, under death threats from the Nazis and hated by the Nazi-controlled German press, Einstein and Elsa moved to Princeton, New Jersey in the United States, and in 1940 he became a United States citizen.
During World War II, Einstein and Leó Szilárd wrote to the U.S. president, Franklin D. Roosevelt, to say that the United States should invent an atomic bomb so that the Nazi government could not beat them to the punch. He was the only one who signed the letter. He was, however, not part of the Manhattan Project, which was the project that created the atomic bomb.
Einstein, a Jew but not an Israeli citizen, was offered the presidency in 1952 but turned it down, stating "I am deeply moved by the offer from our State of Israel, and at once saddened and ashamed that I cannot accept it."[9] Ehud Olmert was reported to be considering offering the presidency to another non-Israeli, Elie Wiesel, but he was said to be "very not interested".[10]
He taught physics at the Institute for Advanced Study at Princeton, New Jersey until his death on 18 April 1955 of a burst aortic aneurysm. He was still writing about quantum physics hours before he died. He was awarded the Nobel Prize in Physics.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

LifeEdit ต้นไอน์สเกิด [ที่ Ulm] เทมแบร์ก เยอรมนี 14 1879 มีนาคม ครอบครัวเป็นชาวยิว แต่ไม่ใช่ศาสนามาก อย่างไรก็ตาม ในชีวิต ไอน์สกลายเป็นความสนใจในศาสนายูดายของเขา ไอน์สไม่เริ่มพูดจนกว่าหลังจากอายุ 2 ตามน้องสาวของเขาอายุน้อยกว่า เทนนิส "เขาได้ยากเช่นภาษาที่คนรอบข้างเขากลัวเขาจะไม่เคยเรียนรู้"[5]เมื่อไอน์สไตน์รอบสี่ พ่อให้เขาทิศสนามแม่เหล็ก เขาพยายามอย่างหนักเพื่อให้เข้าใจวิธีเข็มสามารถดูเหมือนจะ ย้ายตัวเองเพื่อให้มันเสมอชี้เหนือ เข็มได้ในกรณีที่ปิด ชัดเจนเพื่ออะไรเช่นลมสามารถผลักดันเข็มรอบ และได้ ย้าย ดังนั้น วิธีนี้ ไอน์สกลายเป็นความสนใจในการเรียนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ เขา compassinspired เขาไปสำรวจโลกของวิทยาศาสตร์เมื่อเขากลายเป็นเก่า เขาไปเรียนในสวิตเซอร์แลนด์ หลังจากจบ เขาได้งานในสำนักงานสิทธิบัตรมี ในขณะที่เขาทำงานมี เขาเขียนเอกสารที่แรก ทำให้เขามีชื่อเสียงเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ดีเด็กพิการรุนแรงสองภรรยาแรก Mileva ไอน์สได้ ลูกสาวของเขา "Lieserl" (ชื่อจริงของเธออาจไม่เคยทราบ) เกิดเกี่ยวกับปีก่อนแต่งงานของพวกเขาในเดือน 1902 มกราคม[6] เธอใช้ชีวิตของเธอสั้นมาก (เชื่อว่าเป็นน้อยกว่า 2 ปี) ในความดูแลของปู่ย่าตายายเซอร์เบียที่เชื่อเธอเสียชีวิตจากไข้ดำแดง[7] บางคนเชื่อว่า เธออาจได้เกิดกับโรคที่เรียกว่าดาวน์ซินโดรม แต่มันได้เคยถูกพิสูจน์ เธอดำรงกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในปี 1986 เมื่อกล่องรองเท้าประกอบด้วย 54 รักอักษร (ส่วนใหญ่จากไอน์ส), แลกเปลี่ยนระหว่าง Mileva และไอน์สจาก 1897 ปลาย 1903 กันยายน การค้นพบ โดยพระของไอน์สในตัวถังห้องใต้หลังคาในแคลิฟอร์เนีย[8] ของบุตร Eduard การวินิจฉัย withschizophrenia ได้ เขาใช้ทศวรรษในโรงพยาบาล และเสียชีวิตในปี 1965 sanatorium ซูริคใน 1917 ไอน์สเป็นมากป่วยเจ็บที่เกือบจะฆ่าเขา ก. Elsa Lowenthal nursed เขากลับไปสุขภาพ หลังนี้เกิดขึ้น ไอน์ส Mileva หย่าแล้ว และแต่งงาน Elsa บน 2 1919 มิถุนายนก่อนเริ่มต้นของสงครามโลก เขาย้ายกลับไปเยอรมนี และเป็น ผู้อำนวยการโรงเรียนมีการ เขาอาศัยในเบอร์ลินจนกระทั่งรัฐบาล theNazi มาอำนาจ Nazis จะเกลียดชังคนที่ถูกชาวยิว หรือที่มาจากครอบครัวชาวยิว พวกเขาถูกกล่าวหาว่าไอน์สที่ช่วยสร้าง "ยิวฟิสิกส์" และ physicists เยอรมันพยายามพิสูจน์ว่า ทฤษฎีของเขามีความผิดในปี 1933 ภายใต้ตายภัยคุกคามจากการ Nazis และเกลียดชัง โดยการควบคุมของนาซีเยอรมันกด ไอน์สและ Elsa ย้ายไปพรินซ์ตัน นิวเจอร์ซีย์สหรัฐอเมริกา และใน ๒๔๘๓ เขากลายเป็นพลเมืองสหรัฐอเมริกาในระหว่างสงครามโลก ไอน์สและ Leó Szilárd เขียนการที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แฟรงคลินดีรูสเวลต์ กล่าวว่า สหรัฐอเมริกาควรสร้างระเบิดอะตอมที่ให้รัฐบาลนาซีสามารถชนะการหมัดนั้น เขาเป็นคนลงนามจดหมายเดียว เขาไม่ อย่างไรก็ตาม ส่วนหนึ่งของโครงการแมนแฮตตัน ซึ่งเป็นโครงการที่สร้างระเบิดปรมาณูแนะนำประธานาธิบดีใน 1952 ไอน์ส ความรอดแต่ไม่มีอิสราเอลพลเมือง แต่เปิดลง ระบุ "ฉันลึกย้าย โดยข้อเสนอจากของรัฐอิสราเอล และกันโศกเสียใจอีกแล้ว และละอายใจฉันไม่ยอมรับ"[9] เอฮูดแทง Olmert เป็นรายงานที่จะพิจารณาเสนอประธานาธิบดีไปอีกไม่ใช่อิสราเอล Elie Wiesel แต่เขาก็บอกให้ "มากไม่สนใจ"[10]เขาสอนฟิสิกส์ที่สถาบันศึกษาขั้นสูงที่พรินซ์ตัน นิวเจอร์ซีย์จนตายใน 18 1955 เมษายนของการระเบิดเอออร์ตาโป่งพอง นอกจากนี้เขายังได้เขียนเกี่ยวกับควอนตัมฟิสิกส์ชั่วโมงก่อนเขาตาย เขาได้รับรางวัลโนเบลในสาขาฟิสิกส์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ต้น lifeedit
ไอน์สไตน์เกิดใน Ulm ในเวือร์ทเทมแบร์ก ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 1879 . ครอบครัวของเขาเป็นชาวยิว แต่ก็ไม่เคร่งศาสนามาก อย่างไรก็ตาม ในชีวิตในภายหลังไอน์สไตน์ก็สนใจมากในศาสนายิว . ไอน์สไตน์ไม่ได้เริ่มพูด จนอายุ 2 ตามที่น้องสาวของเขา Maja " เขามีปัญหากับ ภาษา ที่คนรอบข้างเขา กลัวว่าเขาจะไม่ได้เรียนรู้ "[ 5 ] เมื่อไอน์สไตน์อายุประมาณสี่พ่อของเค้าให้เข็มทิศแม่เหล็ก เขาพยายามอย่างหนักที่จะเข้าใจว่าเข็มอาจดูเหมือนจะย้ายตัวเองเพื่อที่จะมักจะชี้ทิศเหนือ เข็มอยู่ในคดีปิด แสดงว่าไม่มีอะไรเหมือนสายลมอาจจะผลักเข็มรอบ และยัง ย้าย ดังนั้นในวิธีนี้ ไอน์สไตน์ เริ่มสนใจศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เขา compassinspired เขาสำรวจโลกวิทยาศาสตร์ .
เมื่อเขากลายเป็นเก่าที่เขาไปโรงเรียนในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาได้งานในสำนักงานสิทธิบัตรนั้น ขณะที่เขากำลังทำงานอยู่ เขาเขียนเอกสารแรกที่ทำให้เขามีชื่อเสียงในฐานะที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่
ไอน์สไตน์มีเด็กสองคนกับภรรยาคนแรกของเขาพิการอย่างรุนแรงมิ .ลูกสาวของเขา " ลีเซิล " ( ชื่อจริงของเธอ อาจจะไม่เป็นที่รู้จัก ) จะเกิดประมาณปีก่อนการแต่งงานของพวกเขาในมกราคม 1902 . [ 6 ] เธอใช้เวลาของเธอ ชีวิตที่สั้นมาก ( เชื่อว่าจะน้อยกว่า 2 ปี ) ในการดูแลของปู่ ย่า ตา ยาย เซอร์เบีย ที่เชื่อว่าเสียชีวิตจากไข้อีดำอีแดง [ 7 ] บาง เชื่อว่าเธออาจจะเกิดกับโรคที่เรียกว่าดาวน์ซินโดรม แต่ก็ไม่เคยได้รับการพิสูจน์เธอมีอยู่เพียง กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ในปี 1986 เมื่อกล่องรองเท้าที่ 54 จดหมายรัก ( ส่วนใหญ่จาก Einstein ) แลกเปลี่ยนระหว่างมิและ Einstein จากสาย 1 กันยายน 1903 ไอน์สไตน์ถูกค้นพบโดยหลานสาวในห้องใต้หลังคาในแคลิฟอร์เนีย [ 8 ] ลูกชาย เอดูอาร์ด ได้รับการวินิจฉัย withschizophrenia . เขาใช้เวลาหลายทศวรรษ ในโรงพยาบาล และเสียชีวิตในโรงพยาบาล
ซูริคในปี 1965ในปี 1917 ไอน์สไตน์ก็ป่วยด้วยโรคที่เกือบจะฆ่าเขา ญาติของเขาเอลโลเวนทอลอนุบาลเขากลับไปที่สุขภาพ หลังจากเกิดเรื่องนี้ ไอน์สไตน์กับมิ และแต่งงานกับเอลซ่า เมื่อวันที่ 2 มิถุนายนค.ศ. 1919 .
เพียงก่อนเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เขาได้ย้ายกลับไปที่เยอรมัน และเป็นผู้อำนวยการของโรงเรียนมี เขาอยู่ในเบอร์ลิน จนกว่ารัฐบาล thenazi มาหาอำนาจพวกนาซีเกลียดคนยิวหรือใครมาจากครอบครัวชาวยิว พวกเขากล่าวหาว่าไอน์สไตน์ที่ช่วยสร้าง " ฟิสิกส์ชาวยิว " และนักฟิสิกส์เยอรมันพยายามที่จะพิสูจน์ได้ว่าทฤษฎีของเขาผิด
1933 ภายใต้ภัยคุกคามความตายจากนาซี และเกลียดนาซีควบคุมเยอรมันกด Einstein และเอลซ่า ย้ายไปอยู่ที่ Princeton , New Jersey ในสหรัฐอเมริกาและใน 2483 เขาก็กลายเป็นพลเมืองสหรัฐอเมริกา .
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง Einstein และ Le ó . kgm szil RD เขียนถึงประธานาธิบดีสหรัฐแฟรงกลิน ดี. โรสเวลต์ , พูด , ว่าสหรัฐอเมริกาควรคิดค้นระเบิดปรมาณูเพื่อให้รัฐบาลนาซีก็ชิงลงมือก่อน เขาเป็นคนเดียวที่ได้ลงนามในจดหมาย เขาเป็น แต่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ โครงการ แมนฮัตตันซึ่งเป็นโครงการที่สร้างระเบิดปรมาณู ไอน์สไตน์เป็นชาวยิว
, แต่ไม่ได้เป็นพลเมืองอิสราเอลที่ถูกเสนอตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 1952 แต่ปฏิเสธมัน ระบุว่า " ผมรู้สึกประทับใจ โดยเสนอจากรัฐของเราของอิสราเอลและเมื่อเสียใจและละอายใจที่ไม่สามารถยอมรับได้ " [ 9 ] พฤ. olmert รายงานที่จะพิจารณาเสนอประธานอีกวีเซลซึ่งไม่ใช่อิสราเอลแต่เขาบอกว่าถูกมาก " ไม่สนใจ " [ 10 ]
เขาสอนฟิสิกส์ที่สถาบันเพื่อการศึกษาขั้นสูงใน Princeton , New Jersey จนกว่าจะตายของเขาในวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2498 ของการระเบิด aortic aneurysm . เขายังเขียนเกี่ยวกับชั่วโมงฟิสิกส์ ก่อนที่เขาจะตาย เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์