The interspecific hybridization in

The interspecific hybridization in Jatropha species has played a significant role in
crop improvement by transferring useful traits such as high oil content, maximum number of
seeds, more femaleness and hard stem for making a hybrid variety of Jatropha. Making
hybrid variety of Jatropha curcas is very potential because Jatropha curcas, as the most
primitive member of the genus, has ability to interbreed with species from both genera.
Jatropha genus has many species and each species has it own desirable trait (Table 1) that can
be used for Jatropha curcas improvement by making hybrid varieties.
The most potential hybrid variety of Jatropha is hybrid variety between Jatropha
curcas and Jatropha integerrima. Jatropha integerrima, one of the ornamental Jatropha
species, is frost tolerant, root rot resistant with sturdy stem and with high degree of resistance
to leaf eating caterpillars has assumed importance owing to its seed oil rich in linoleic acid.
Interspecific hybridization between Jatropha curcas and Jatropha integerrima was undertaken with the objective of combining the desirable traits, such as high oil, resistance to
root rot and frost tolerance. Interspecific hybrids between Jatropha curcas and Jatropha
integerrima have been succesfully developed by Sujatha and Prabakaran (2003). Novel study
regarding hybrid variety of Jatropha curcas and Jatropha integerrima found that this hybrid
variety is potential to be developed in the future because it has some favorable characteristics
like high yield and early flowering (Parthiban et al., 2009).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Hybridization interspecific ในพันธุ์สบู่ดำมีบทบาทสำคัญในปรับปรุงพืช โดยถ่ายโอนประโยชน์ลักษณะเช่นปริมาณน้ำมันสูง จำนวนเมล็ดพืช femaleness และก้านแข็งทำหลากหลายผสมสบู่ดำเพิ่มเติม ทำให้แบบผสมผสานหลากหลาย curcas สบู่ดำมากอาจจะเนื่องจากสบู่ดำ curcas เป็นที่สุดสมาชิกดั้งเดิมของตระกูลนี้ มีความสามารถในการ interbreed กับสายพันธุ์จากทั้งสองสกุลสบู่ดำพืชสกุลมีหลายชนิด และแต่ละพันธุ์มีเองติดต้อง (ตารางที่ 1) ที่สามารถใช้สำหรับปรับปรุง curcas สบู่ดำ โดยทำการผสมพันธุ์หลากหลายผสมเป็นไปได้มากที่สุดของสบู่ดำคือ หลากหลายผสมระหว่างสบู่ดำcurcas และสบู่ดำ integerrima Integerrima สบู่ดำ สบู่ดำประดับอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นน้ำแข็งทนกับ ราก rot ทน กับก้านที่แข็งแรง และต้านทานระดับสูงกับตัวบุ้งกินใบไม้ได้สันนิษฐานสำคัญ เพราะน้ำมันของเมล็ดอุดมไปด้วยกรด linoleicดำเนิน มีวัตถุประสงค์การรวมลักษณะต้องการ เช่นน้ำมันสูง ต้านทานการ hybridization interspecific curcas สบู่ดำและสบู่ดำ integerrimaroot rot และน้ำค้างแข็งยอมรับ ลูกผสม interspecific curcas สบู่ดำและสบู่ดำintegerrima ได้เสร็จสมบูรณ์แล้วโดย Sujatha และ Prabakaran (2003) ศึกษานวนิยายเกี่ยวกับไฮบริด curcas สบู่ดำและสบู่ดำ integerrima พบว่าลูกผสมนี้ความหลากหลายจะมีศักยภาพพัฒนาได้ในอนาคตเนื่องจากมีบางลักษณะที่ดีผลผลิตสูงและดอกต้น (Parthiban et al., 2009)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การทำ interspecific ในสบู่ดำสายพันธุ์ได้มีบทบาทในการพัฒนาพืชโดยการถ่ายโอนลักษณะที่เป็นประโยชน์ เช่น ปริมาณน้ำมันสูง จำนวนสูงสุดของ
เมล็ด femaleness มากขึ้นและหนักก้านทำให้ความหลากหลายไฮบริดของสบู่ดำ . ทำให้
ความหลากหลายไฮบริดของสบู่ดำมีศักยภาพมาก เพราะสบู่ดำเป็นพืชดั้งเดิมของสมาชิกส่วนใหญ่
,มีความสามารถในการทำให้ผสมพันธุ์กันระหว่างสัตว์ต่างสายพันธุ์ มีสายพันธุ์จากต่างสกุล และมีหลายสายพันธุ์
สบู่ดำพืชแต่ละชนิดมันมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ( ตารางที่ 1 ) ที่สามารถใช้สำหรับการปรับปรุง
สบู่ดำโดยใช้พันธุ์ลูกผสม พันธุ์ลูกผสมที่มีศักยภาพมากที่สุด
สบู่ดำเป็นพันธุ์ลูกผสมระหว่างสบู่ดำสบู่ดำช้างน้าวและ curcas
. สบู่ดำช้างน้าว หนึ่งในสายพันธุ์สบู่ดำ
ประดับ ,มีน้ำค้างแข็งใจกว้าง , โรครากเน่า ต้นแข็งแรงและทนต่อที่มีระดับสูงของความต้านทาน
ให้บุ้งกินใบหม่อนได้ถือว่าสำคัญ เพราะอุดมไปด้วยกรดไขมันของน้ำมันเมล็ด .
( interspecific ระหว่าง curcas สบู่ดำสบู่ดำช้างน้าวเป็นจุดมุ่งหมายและวัตถุประสงค์ของการรวมคุณลักษณะเช่นน้ำมันสูง ความต้านทาน
รากเน่าและความอดทน ฟรอสต์ลูกผสมระหว่าง curcas และ interspecific สบู่ดำสบู่ดำ
ช้างน้าวได้รับการพัฒนาเสร็จสมบูรณ์โดย sujatha และ prabakaran ( 2003 ) ศึกษาเกี่ยวกับพันธุ์ลูกผสมของนวนิยาย
curcas สบู่ดำสบู่ดำพันธุ์ลูกผสมช้างน้าวและพบว่ามีศักยภาพที่จะพัฒนา
นี้ในอนาคต เนื่องจากมีมงคลลักษณะ
เหมือนผลผลิตสูงและออกดอกเร็ว ( parthiban et al . ,2009 )